โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ถอดบทเรียนน้ำท่วมหาดใหญ่ แนะรัฐรื้อระบบเตือนภัย-ผังเมือง กระทบหนัก 6 เดือน เร่งมาตรการฟื้นฟู

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 22 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เหตุการณ์พิบัติภัยในทุกครั้งไม่ได้ทิ้งไว้เพียงความเสียหาย แต่ยังเป็น "บทเรียน" สำคัญชี้ให้เห็นถึงความพร้อมระบบรับมือต่างๆ ที่มีอยู่นั้นเพียงพอหรือไม่“สถานการณ์หาดใหญ่” ล่าสุดสะท้อนชัดเจนไปยังรัฐบาล! ถึงความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วนในหลายมิติ เพื่อรับมือกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลจำเป็นต้อง เร่งมาตรการฟื้นฟูและเยียวยา ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาวิกฤตินี้ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเพื่อรับมือกับภัยพิบัติครั้งใหม่จึงต้องครอบคลุมทั้งการป้องกัน การแจ้งเตือน และการเยียวยาอย่างเป็นระบบ

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า พื้นที่น้ำท่วมภาคใต้หลายจังหวัด โดยเฉพาะ หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เวลานี้ต้องเร่งล้างเมือง “บิ๊กคลีนนิ่ง” โดยระดมสรรพกำลังเข้ามาฟื้นฟูให้ใกล้เคียงสภาพเดิมมากที่สุด สมาคมฯ คาดว่า โรงแรมต่างๆ จะเริ่มกลับมาให้บริการได้อีกครั้งในช่วงกลางเดือน ธ.ค.

“แม้โรงแรมจะพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่นักท่องเที่ยวมาเลเซียซึ่งใหญ่อันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยในปัจจุบัน มีจำนวนสะสม 4.1 ล้านคน และกว่า 70% เดินทางด้วยรถยนต์ข้ามชายแดนมาเที่ยว บางส่วนนำรถหรูมาขับเที่ยวด้วย ในระยะสั้นอาจยังไม่พร้อมกลับมา เพราะนักท่องเที่ยวมาเลเซียก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมากเช่นกัน และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเดินทางเข้าหาดใหญ่ และพื้นที่อื่นๆ ช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. ปีถัดๆ ไป”

ทั้งนี้ สมาคมฯ ต้องการให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยฟื้นฟูเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยว เช่น ยกเว้นค่าไฟให้ 30 วัน เพราะเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการยังไม่มีรายได้หลังน้ำลด รวมถึงมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) โดยต้องการให้มีมติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการ ก่อนมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ขณะเดียวกันต้องขอวิงวอนให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ ทั้งหมดเพื่อเสริมสภาพคล่อง ทำให้เมืองฟื้นตัวได้เร็วหลังน้ำลด

ต่อไปนี้เมืองที่มีประวัติน้ำท่วมใหญ่ ต้องมีการซ้อมรับมือภัยพิบัติ อย่างโรงแรมและคอนโดมิเนียม ต้องซ้อมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ เรียกว่าโศกนาฏกรรมได้เลย หลังจากไม่สามารถสื่อสารให้ประชาชนอพยพก่อนเกิดเหตุได้

เพราะฉะนั้นแต่ละเมืองต้องเตรียมการรับการอพยพจะไปรวมพลที่ไหนได้บ้าง ซ้อมปีละ 1 ครั้งในช่วงฤดูร้อนก็ได้ โดยเฉพาะ “หาดใหญ่” เป็นพื้นที่แอ่งกระทะ หรือแม้แต่เชียงใหม่ที่เคยโดนน้ำท่วมใหญ่ ยิ่งต้องมีแผนซ้อมเตือนภัย หากระบบเตือนภัยดี สื่อสารได้อย่างชัดเจน ก็จะช่วยลดความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สินได้ นักท่องเที่ยวเองจะได้รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อเผชิญสถานการณ์แบบนี้

ประเมินผลกระทบไม่ต่ำกว่า 6 เดือน

พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ปีนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบรอบด้านล่าสุดน้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะหาดใหญ่ สะเทือนตลาดอสังหาฯ ภาคใต้อย่างรุนแรง ทำให้ผู้ประกอบเหนื่อยเพิ่มขึ้น

ในมุมของภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือลูกบ้านและซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องตามสถานการณ์ ความเหมาะสม แต่สถานการณ์จะลากยาวขนาดไหนยากที่คาดการณ์ อย่างน้อยประเมินผลกระทบไม่ต่ำกว่า 6 เดือน

อย่างไรก็ดี แนวทางรับมือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นอีก ในมุมของผู้ประกอบการมุ่งพัฒนาโครงการที่มีการออกแบบ ใช้วัสดุรองรับน้ำท่วมให้ดีขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในอนาคต

แนะ 3 แนวทางรับมือภัยพิบัติ

สุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า วิกฤติการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ส่งกระทบธุรกิจอสังหาฯ ชะลอตัวระยะหนึ่ง ส่วนความเสียหายเบื้องต้นภาคการเงินประเมินราว 25,000 ล้านบาท ซึ่งจากประสบการณ์ช่วงเหตุการณ์สึนามิ ภูเก็ต ใช้เวลาฟื้นตัวกลับมาเร็ว 1 ปีเท่านั้น หรือกรณีน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ใช้เวลา 1 ปี หากหาดใหญ่สามารถแก้ปัญหาการระบายน้ำได้ดีน่าจะฟื้นตัวได้เร็วเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ทุกภาคส่วนต้องเตรียมการรับมือ โดยการพัฒนาพื้นที่ในอนาคต 3 ระดับ ตั้งแต่ ระดับเมือง ระดับโครงการ และระดับประชาชน ผู้อยู่อาศัย

“ระดับเมือง” เกี่ยวข้องกับการทำผังเมืองจากเดิม ทำผังเมืองตามพฤติกรรมการอยู่อาศัย ความหนาแน่นในการอยู่อาศัย แก้ปัญหาด้วยการทำสาธารณูปโภครองรับ พื้นที่ไหนที่ประชากรหนาแน่นอนุญาตให้ทำโครงการสูง แต่จากนี้การพัฒนาเมืองจะต้องรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศสุดขั้ว (Climate Risk) ดังนั้นผังเมืองอาจต้องพิจารณาเรื่องความหนาแน่นใหม่ และภัยพิบัติที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่น้ำท่วมแต่ยังมาจากแผ่นดินไหว

โลกร้อนเวลานี้เป็นตัวเร่งทำให้เกิดภัยพิบัติเร็วขึ้น รวมถึงการทำแก้มลิงธรรมชาติขนาดใหญ่เพื่อรับน้ำ การออกแบบผังเมืองต้องดูระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ หากมีความเสียหายซ้ำซากเมื่อไรอาจต้องพิจารณาลดความหนาแน่น (density) ลง รองรับการเคลื่อนย้าย การเข้าไปช่วยเหลือทำได้รวดเร็วขึ้น

“ระดับโครงการ” ดีเวลลอปเปอร์ต้องทำบ่อหน่วงน้ำใต้อาคาร หมู่บ้านจัดสรรต้องมีพื้นที่แก้มลิงรับน้ำและเตรียมแผนรองรับภัยพิบัติในอนาคตด้วยการเพิ่มพื้นที่ทางด่วนน้ำในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เพื่อรองรับปรากฏการณ์ฝนตกหนักจนทำให้น้ำท่วมฉับพลัน (Rain Bomb) พร้อมเตรียมปั๊มน้ำไว้ระบายน้ำออกไปจากพื้นที่โดยเร็ว

“ระดับประชาชน” หรือผู้อยู่อาศัย ต้องมีส่วนร่วมป้องกันและต่อสู้กับภาวะโลกร้อนด้วยการใช้ชีวิตแบบ “กรีนลิฟวิ่ง” ใช้พลังงานน้อย เพื่อช่วยให้โลกร้อนน้อยลง ด้วยหลัก 3R ลด (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) แปรรูปใหม่ (Recycle) ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากร ลดการสร้างขยะ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็สำคัญเช่นกัน โดยการปรับวิถีชีวิต และการเตรียมรับมือภัยธรรมชาติ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...