โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

‘ศักดิ์สยาม’ สั่งท่าเรือฯ ปักหมุดขึ้น 1 ใน 9 ท่าเรือระดับโลก

The Bangkok Insight

อัพเดต 03 มี.ค. 2565 เวลา 09.52 น. • เผยแพร่ 03 มี.ค. 2565 เวลา 09.52 น. • The Bangkok Insight

"ศักดิ์สยาม" สั่งท่าเรือปักหมุดขึ้น 1ใน 9 ท่าเรือระดับโลก "world class" ในปี 68 จ่อเสนอ ครม.ภายในสิ้นปี 65 จัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ ผุด 3 บริษัทเดินเรือ "ในประเทศ-อีสต์-เวสต์" รองรับท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3-แลนด์บริดจ์  เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของไทย ให้เป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งทางน้ำของภูมิภาคอาเซียน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังมอบนโยบายการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ว่า จากนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการพัฒนาโลจิสติกส์ทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะโลจิสติกส์ทางน้ำที่เป็นการขนส่งที่มีต้นทุนต่ำนั้น ตนได้นโยบายให้ กทท. เร่งรัดโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ระยะที่ 3 และการนำระบบท่าเรืออัตโนมัติ (Port Automation) มาใช้ในการปฏิบัติงานและการให้บริการ เพื่อให้เกิดความแน่นอนและแม่นยำในการวางแผนบรรทุกและการขนถ่ายสินค้า อำนวยความสะดวกในการบริหารพื้นที่หลังท่า โดย กทท. ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดในปี 2568 เพื่อส่งเสริมศักยภาพของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

ขณะเดียวกันให้ กทท. และ กรมเจ้าท่า (จท.)เร่งรัดผลักดันให้มีการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติในรูปแบบ บริษัท 3 บริษัท สายการเดินเรือในประเทศ (Domestic) ,และสายการเดินเรือต่างประเทศ (International)ซึ่งจะมี 2 บริษัทคือ บริษัท สายการเดินเรือต่างประเทศฝั่งตะวันออก และ บริษัท สายการเดินเรือต่างประเทศฝั่งตะวันตก

ทั้งนี้คาดว่าจะเสนอต่อ ครม. ได้ไม่เกินสิ้นปี 2565 เมื่อจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ จะส่งเสริมและพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางน้ำ ลดต้นทุนการขนส่งโลจิสติกส์ สนับสนุนการส่งออกและนำเข้า เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยกองเรือไทย ลดการขาดดุลบริการด้านค่าระวางเรือ และเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับกองเรือไทย

นอกจากนั้น ให้เร่งรัดดำเนินการในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (แลนด์บริดจ์)  ขั้นตอนขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ทำการศึกษาอยู่ ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ภายในปี 2572 โครงการแลนด์บริดจ์ จะเห็นเป็นรูปธรรม  มั่นใจว่าโครงการแลนด์บริดจ์จะช่วยพัฒนาท่าเรือทั้ง 2 ฝั่งทะเล ให้เชื่อมต่อระบบการขนส่งอื่นอย่างไร้รอยต่อ ช่วยลดเวลา ต้นทุนการขนส่งสินค้าทางน้ำ และคน ประกอบกับแลนด์บริดจ์จะดึงให้ผู้ประกอบการจากทั่วโลก หันมาใช้เส้นทางแลนด์บริดจ์เชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก แทนเส้นทางการค้าเดิม คือช่องแคบมะละกา

จากการศึกษายังพบว่า ปัจจุบันช่องแคบมะละกามีเรือขนส่งผ่านกว่า 80,000 ลำต่อปี  คาดว่าใน10 ปี จะมีปริมาณมากถึง 120,000 ลำต่อปี  ถือเป็นการจราจรที่หนาแน่นมาก ดังนั้นแลนด์บริดจ์ จะเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งทางน้ำของภูมิภาคอาเซียนและโลก

“ปัจจุบัน กทท.ได้มีการปรับปรุงท่าเรือ และการบริการให้มีความทันสมัยในทุกๆท่าเรือ ทำให้สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าผ่านท่ารวมกว่า 9.8 ล้านทีอียู หากท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 แล้วเสร็จในปี 2568  สามารถรองรับตู้ผ่านท่าได้รวมกว่า 18 ล้านทีอียู  จึงได้ให้นโยบาย กทท.ว่าต้องขึ้นอันดับ 1 ใน 9 ท่าเรือระดับโลก หรือ world class ให้ได้เป็นเลขตัวเดียวภายในปี 2568 จากปัจจุบันท่าเรือของ กทท. อยู่อันดับ 22 ของโลก"

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า ได้รายงานสรุปแผนงานและโครงการที่สำคัญของ กทท. ในการมุ่งสู่มาตรฐานท่าเรือชั้นนำระดับโลก พร้อมบูรณาการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่เป็นเลิศ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน  เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือ การพัฒนาธุรกิจและสินทรัพย์ การพัฒนาระบบบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน การพัฒนาสมรรถนะองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม การพัฒนาสมรรถนะองค์กรด้วยกระบวนงานทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาองค์กรอย่างมีส่วนร่วมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...