โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ส่องโรงกลั่น SPRC หลังควบรวม คาลเท็กซ์

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 11 ต.ค. 2567 เวลา 09.49 น. • เผยแพร่ 11 ต.ค. 2567 เวลา 09.49 น.

สถานการณ์ของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันในปัจจุบันนับว่ามีความท้าทายอย่างมาก โดยปัจจัยสำคัญจากความต้องการใช้น้ำมันในช่วงที่ผ่านมาได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โรงกลั่นมีการแข่งขันกันมากขึ้น ทำให้เกิดภาพการควบรวมธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาทั้งบางจาก-เอสโซ่ และ SPRC-คาลเท็กซ์ ทำให้ภาพธุรกิจการกลั่นของประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อเร็ว ๆ นี้ “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสเข้าเยี่ยมชม โรงกลั่นน้ำมัน บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ที่ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 32 ปี

ควบรวมธุรกิจเสริมแกร่ง

ซึ่งในปี 2567 นับเป็นอีกก้าวในการเติบโตของ SPRC หลังจากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น เพื่อเข้าซื้อธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” การลงทุนในครั้งนี้จะเป็นการรวมสินทรัพย์ในทำเลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ได้แก่ คลังน้ำมันเชื้อเพลิง และสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งดำเนินการโดยพันธมิตรทางธุรกิจมืออาชีพ และ SPRC จะยังคงจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์ เทครอน” ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเป็นการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ด้านห่วงโซ่คุณค่า

ดีลดังกล่าวทำให้ SPRC สามารถให้บริการลูกค้าในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้นผ่านการตลาดและจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพสูงของบริษัท ส่งผลให้ครึ่งปีแรก 2567 สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจหลังการควบรวม (Cost Optimization) 15.9 ล้านเหรียญสหรัฐ จากมูลค่าทางธุรกิจก่อนการควบอยู่ที่ 1,200 ล้านเหรียญโดยคิดจากมูลค่าหุ้นก่อนการควบรวมเทียบกับมูลค่าก่อนควบรวม

ใช้กำลังการกลั่น 90%

นางสาวเชาวศรี เหลืองรัตนากร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกลยุทธ์ นโยบาย และพัฒนาธุรกิจ SPRC กล่าวว่า SPRC ดำเนินงานธุรกิจโรงกลั่นปิโตรเลียมที่มีหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (Complex Crude Oil Refinery) ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 175,000 บาร์เรลต่อวัน ควบคู่กับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมคุณภาพสูงหลากหลายประเภทเพื่อใช้ภายในประเทศ รวมถึงการส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น โพรพิลีนเกรดโพลีเมอร์ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเตา และยางมะตอย ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

กระบวนการกลั่นน้ำมัน บริษัทจะนำเข้าน้ำมันดิบผ่านขนส่งทางเรือ ประมาณ 2,650,000 บาร์เรลต่อเรือ (DWT) ใช้เรือความยาว 330 เมตร บรรทุกจากประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง ส่วนน้ำมันดิบที่นำมาจากอ่าวไทยหรือประเทศเพื่อนบ้านผ่านขนส่งทางเรือ ประมาณ 600,000 บาร์เรลต่อเรือ (DWT) หลังจากรับน้ำมันดิบเข้ามาจะนำไปเก็บไว้ที่ถังเก็บน้ำมันดิบ ก่อนที่จะส่งต่อไปยังกระบวนการต่าง ๆ

“กระบวนการกลั่น SPRC มีความซับซ้อน ไม่ใช่แค่กลั่นน้ำมันออกมาเฉย ๆ เช่น โรงกลั่นทั่วไปก็จะนำน้ำมันดิบมาแล้วนำไปกลั่นแยก จะเกิดการแตกตัวเบา เช่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG, แนฟทา, แก๊สโซลีน, นํ้ามันอากาศยาน (Jet Fuel), น้ำมันดีเซล, น้ำมันเตา ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือ เช่น เรือบรรทุกสินค้า

แต่ SPRC จะมี Conversion Unit ซึ่งเป็นตัวแตกโมเลกุลโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา เพื่อแตกตัวออกมา นำไฮโดรคาร์บอนซึ่งเป็นสารที่ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจนกับคาร์บอนแค่ 2 ชนิด ต่างกันที่ความยาวคาร์บอน นำเข้ายูนิตเพื่อไปทำให้โมเลกุลมีขนาดเล็กลงก็จะสร้างมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น” นางสาวเชาวศรีกล่าว

ปัจจุบันมีการใช้กำลังการกลั่นอยู่ที่ประมาณ 90% ขึ้นอยู่กับช่วงระยะเวลาและซัพพลาย-ดีมานด์ สำหรับน้ำมันที่ผลิตได้จะใช้ในประเทศ 90% และส่งออกไปยังต่างประเทศ 10% โดย “น้ำมันสำเร็จรูป” จะถูกนำไปจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน แบรนด์ “คาลเท็กซ์” และล่าสุดบริษัทยังได้ร่วมกับพันธมิตร บริษัท เพียวพลังงานไทย จำกัด (เพียวไทย) ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง 78 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ

ส่งผลให้คาลเท็กซ์มีสถานีบริการเพิ่มขึ้นจาก 450 แห่งเป็น 528 แห่งทั่วประเทศ คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 1 ใน 5 ของตลาดธุรกิจน้ำมันในไทย ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มยอดขาย 10% ในปี 2568 นอกจากนี้ SPRC ยังคงมองหาโอกาสขยายสถานีบริการเพิ่มทุกปี คาดว่าอีก 5 ปีจากนี้จะมีสถานีบริการคาลเท็กซ์เพิ่มเป็น 800 สถานี ภายในปี 2572

SPRC

ปัจจัยท้าทาย “โรงกลั่น”

สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อธุรกิจโรงกลั่น โดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บภาษีคาร์บอนน้ำมัน (Cabon Tax) นั้น ในระยะแรกจะเป็นการแบ่งมาจากภาษีสรรพสามิต (Excise Tax) บวกค่าการตลาดและภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งกำหนดอัตรา 6 บาท/ลิตร ที่เก็บอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น ภาษีคาร์บอนน้ำมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิต ผู้ประกอบการ หรือผู้บริโภค ซึ่งจุดประสงค์ที่ต้องการให้มีการจัดเก็บ Carbon Tax เนื่องจากมีผู้ประกอบการจะต้องส่งผลิตภัณฑ์ไปยังสหภาพยุโรป ซึ่งจะต้องผ่านมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) เปรียบเสมือนกำแพงภาษีที่คิดค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับสินค้านำเข้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้มข้น

แผนรับมือวิกฤต “สงคราม”

ขณะที่ปัจจัยที่มีผลต่อสถานการณ์ตลาดน้ำมันจากภาวะภูมิรัฐศาสตร์ หลังจากเกิดความรุนแรงในอิสราเอลกระทบต่อราคาน้ำมันโดยตรง รวมถึงระบบการขนส่ง บริษัทมีความกังวลว่าหากสงครามทวีความรุนแรงต่อเนื่องจะส่งผลต่อราคาน้ำมันปรับพุ่งสูงขึ้น

และหากมีการปิดช่องที่ใช้ขนส่งน้ำมัน บริษัทจำเป็นต้องหาเส้นทางอื่นมาทดแทน ซึ่ง SPRC ก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและความเหมาะสมในการนำเข้าน้ำมัน สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือหากการปิดช่องแคบฮอร์มุส ก็จำเป็นจะต้องมองหาวิธีการขนส่ง (Transportation) อื่น ๆ ที่สามารถนำน้ำมันเข้ามาแทนได้ โดยปัจจุบัน SPRC เก็บน้ำมันสำรองที่ 6% หรือประมาณ 21 วัน รองรับหากเกิดสถานการณ์ที่ไม่ปกติ

หนุนเป้า Net Zero

นอกจาก 2 ปัจจัยข้างต้น การเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่เป้าหมายการปลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก็นับว่าเป็นอีกประเด็นที่ธุรกิจโรงกลั่นต้องปรับตัว

นายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านปฏิบัติการเพื่อความเป็นเลิศ SPRC กล่าวว่า SPRC และเชฟรอน สนับสนุนเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนและเป้าหมาย “Net Zero” ของประเทศ ในปี 2608

โดยบริษัทได้กำหนดแผนระยะยาว 4 องค์ประกอบ ทั้งมุ่งการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กร ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ การศึกษาโอกาสในการลงทุนเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ วัฒนธรรมองค์กร โดยมีปัจจัยในการดำเนินงานอย่างปลอดภัย เชื่อถือได้ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมไปถึงมุ่งมั่นด้าน ESG และการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น

ซึ่ง SPRC ได้ร่วมดำเนินโครงการเติมพลังรักษ์ยั่งยืน สู่ผืนป่าไทย (Foster Future Forests) ร่วมกับ เชฟรอน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศบริเวณป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง พื้นที่ 100 ไร่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์ผ่านชุมชนสู่ความยั่งยืน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมไปจนถึงเศรษฐกิจในชุมชนตลอดการดำเนินงาน เพื่อขยายผลสู่พื้นที่อื่น ๆ ต่อไปในอนาคต

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ส่องโรงกลั่น SPRC หลังควบรวม คาลเท็กซ์

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...