โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

วัดกลางนา-วัดโพธาราม-วัดสะแก วัดเก่าสมัยอยุธยาอยู่ที่ไหนใน กทม.

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 03 ธ.ค. 2565 เวลา 17.48 น. • เผยแพร่ 03 ธ.ค. 2565 เวลา 17.46 น.
ภาพถ่ายเก่า วัดชนะสงครามฯ หรือวัดกลางนา เมื่อราวปลายรัชกาลที่ 5 – ต้นรัชกาลที่ 6 วัดเก่าแก่ของบางลำพู

เมืองบางกอก หรือกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน เป็นเมืองท่าและเมืองหน้าด่านสำคัญของกรุงศรีอยุธยา สภาพโดยทั่วไปของบางกอกยังคงเป็นป่าที่อุดมด้วยสัตว์นานาชนิด มีชุมชนอาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำลำคลอง โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตก ทั้งมีการสร้างวัดต่างๆ ขึ้นในชุมชน

หลังกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าใน พ.ศ. 2310 เกิดความเสียหายเกินกว่าจะบูรณะ จึงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงธนบุรี และกรุงเทพฯ ตามลำดับ วัดต่างๆ ที่เคยมีมาตั้งแต่ครั้งเป็นเมืองบางกอก สมัยกรุงศรีอยุธยา บางแห่งก็มีการปฏิสังขรณ์แล้วก็เปลี่ยนชื่อไปตามเหตุปัจจัยต่างๆ ดังเช่น

วัดกลางนา ที่มีคำเล่าลือกันว่า เมื่อสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีนายทหารมอญจำนวนมาก ได้เข้ามาร่วมในกองทัพของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (พระอนุชาในรัชกาลที่ 1) ในสงครามเก้าทัพ และสงครามอื่นๆ ระหว่างทางที่ทรงยกทัพกลับมาจากการศึก ทรงเลือกวัดกลางนาเป็นที่พักแรม และพักกองทัพ เพื่อจัดกระบวนทัพ หุงหาอาหาร ชำระล้างพระวรกายก่อนเข้าเฝ้ารัชกาลที่ 1 ภายในพระบรมมหาราชวัง

ภายหลังสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงรับสั่งให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดกลางนา ให้เป็นวัดสำหรับพระสงฆ์ฝ่ายรามัญใช้ประกอบพิธีทางศาสนาในแบบของตน เพื่อปูนบำเหน็จรางวัลความดีความชอบให้กับนายทหารมอญและครอบครัว ทั้งทรงอนุญาตให้ปลูกสร้างบ้านเรือนโดยรอบ ทำให้วัดและชุมชนรอบวัด เป็นชุมชนมอญตั้งแต่นั้นมา ชาวมอญพากันเรียกว่า “วัดตองปุ” ตามชื่อวัดในหมู่บ้านเดิมที่เมืองมอญ

ต่อมาเมื่อการปฏิสังขรณ์วัดแล้วเสร็จ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงน้อมเกล้าฯ ถวายแด่รัชกาลที่ 1 แล้วทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดชนะสงครามราชวรวิหาร”

วัดโพธาราม ที่สันนิษฐานว่ามีมาแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี โปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดโพธารามเป็นพระอารามหลวงในส่วนของกรุงธนบุรี มีพระราชาคณะปกครอง ต่อมาเมื่อรัชกาลที่ 1 ทรงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งเดียวกับวัดโพธาราม จึงโปรดให้ปฏิสังขรณ์เป็นวัดหลวงคู่พระนครอีกแห่งหนึ่ง ใช้เวลาปฏิสังขรณ์ยาวถึงนาน 7 ปี 5 เดือน จนเหมือนสร้างวัดใหม่ แล้วพระราชทานนามพระว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส” (สมัยรัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนเป็น วัดพระเชตุพนวิทลมังคลาราม)

วัดสะแก เดิมแป็นวัดเล็กๆ ในหมู่บ้านกลางทุ่ง ตามคำบอกเล่าว่า เมื่อรัชกาลที่ 1 เสด็จยกทัพกลับจากรบเขมรก่อนปราบดาภิเษกได้แวะอาบน้ำกับสระหัวที่วัดแห่งนี้ จึงพระราชทานนามเมื่อปฏิสังขณณ์เสร็จว่า “วัดสระเกศ” แล้วให้เป็นที่เผาศพคนในเมืองที่หามออกประตูผี คราวเกิดโรคระบาดมีฝูงแร้งลงกินซากศพเต็มไปหมดจนเรียกว่า “แร้งวัดสระเกศ”

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

ข้อมูลจาก :

สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง, มูลนิธิสารานุกรมวัฒนรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดพิมพ์เรื่องใน พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542

สุจิตต์ วงษเทศ. “ฉลองผ้าป่า ลิเกเสภาขับ วังหน้า ชนะสงคราม” ใน สูจิบัตรศูนย์สังคีตศิลป์สัญจร ครั้งที่ 20 , ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ธนาคารกรุงเทพ สมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดชนะสงคราม ณ โรงเรียนวัดชนะสงคราม ในบริเวณวัดชนะสงครามราชวรวิหาร (บางลำพู) วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2548

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2564

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...