โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ทำงาน 4 วัน ดีจริงหรือ? เปิด 5 เหตุผลทำไมการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ถึงดีต่อพนักงานและบริษัท

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 05 ก.ค. เวลา 04.23 น. • เผยแพร่ 05 ก.ค. เวลา 04.23 น.
ภาพไฮไลต์

คนทำงานจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน จนกระทั่งเมื่อถึงช่วงเย็นวันอาทิตย์ก็ต้องเตรียมกลับไปทำงานในเช้าวันจันทร์อีกแล้ว ดังนั้นฝันของคนทำงานที่ต้องการพักผ่อน การใช้ชีวิต พร้อมๆ กับดูแลตัวเองและครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงแล้วถ้าหากเทรนด์การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ถูกใช้จริง

แนวคิดดังกล่าวไม่ได้เป็นแนวคิดที่ลอยอยู่บนอากาศ แต่จากงานวิจัยของจูเลียต ชอร์ ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาจากบอสตัน คอลเลจ และผู้เชี่ยวชาญเรื่องวัฒนธรรมการทำงาน พบว่าการลดวันทำงานลงเหลือ 4 วัน ไม่ได้มีดีแค่กับพนักงาน แต่ยังส่งผลบวกมหาศาลต่อองค์กรด้วย

หยุดเพิ่ม 1 วันเหมือนการชุบชีวิต

ในยุคที่ชีวิตการทำงานมีความซับซ้อนมากขึ้น ภาระการทำงานที่สูงขึ้น การหยุดเพียงสองวันจึงไม่เพียงพอ ทั้งในแง่การจัดการชีวิต การพบปะเพื่อนฝูง และการฟื้นตัวจากการทำงานในแต่ละสัปดาห์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงเกิดความเครียดสะสม และภาวะหมดไฟตามมา

การหยุดเพิ่มอีกเพียง 1 วัน จึงเปรียบเสมือนเป็นการชุบชีวิตทำให้สุขภาพกายดีขึ้น มีเวลานอนเต็มอิ่ม จัดการความเครียดได้ดีขึ้น มีเวลาใช้ชีวิตที่เป็นชีวิตจริงๆ กับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือทำงานอดิเรก อีกทั้งเมื่อได้พักเต็มที่สมองก็ปลอดโปร่งและกลับมาทำงานเต็มร้อยขึ้น

ทำงานน้อยลง แต่ประสิทธิผลดีขึ้น

อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่การทำงานน้อยลงกลับทำให้เรามีประสิทธิภาพมากขึ้นได้จริงๆ เมื่อพนักงานรู้ว่ามีเวลาทำงาน 4 วัน การจัดการลำดับความสำคัญจะเฉียบแหลมขึ้น โฟกัสเฉพาะสิ่งที่จำเป็น พนักงานไม่ต้องกลัวปัญหาวันอาทิตย์สุดเหงาที่วันหยุดกำลังจะหมดไป และวันจันทร์กำลังจะมา

ในแง่มุมขององค์กร การทำงานเหลือ 4 วัน จะเร่งให้องค์กรหันมาปรับประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่จำเป็นลด เช่น การประชุมที่มากเกินไป หรือการทำงานซ้ำซ้อน

ผลกระทบที่สำคัญในแง่มุมขององค์กรก็คือ การทำงาน 4 วันช่วยหยุดปัญหาการลาออกได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อองค์กรมีสวัสดิการที่สามารถตอบโจทย์ชีวิตแบบนี้ ทำให้พนักงานอยากอยู่กับองค์กรมากขึ้น จากข้อมูลที่สัมภาษณ์ในกลุ่มตัวอย่างประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า ต่อให้เพิ่มเงินเดือนก็ไม่สามารถจูงใจให้พวกเขากลับมาทำงาน 5 วันได้

ลดภาวะความตึงเครียดในการทำงาน

เป็นเวลาหลายปีที่บริษัทต่างๆ พยายามจัดการความเครียดและภาวะหมดไฟของพนักงาน ด้วยการปรับเวลาการทำงานให้ยืดหยุ่นขึ้น มีคลาสออกกำลังกาย หรือการอบรมเรื่องความสุข แต่จากผลวิจัยชี้ว่าสิ่งนี้ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก

ในทางกลับกันการลดเวลาชั่วโมงการทำงานลงเป็นการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานให้ทุกคนต้องร่วมมือกัน จากเดิมที่ทำงานให้ครบชั่วโมงไปเป็นการทำงานโดยวัดจากผลงานเป็นหลัก

เปลี่ยนจาก 5 วันเป็น 4 วัน ไม่เปลี่ยนกลับอีกเลย

หลายคนอาจสงสัยว่าผลดีเหล่านี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน? จากการติดตามผลในระยะยาว 1-2 ปี พบว่าบริษัทเกือบทั้งหมดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่เข้าร่วมโครงการ ยังคงใช้ระบบทำงาน 4 วันต่อไป

สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทที่ทดลองใช้ระบบการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์แล้วไม่เปลี่ยนกลับไปอีกเลยนั่นเป็นเพราะผลงานโดยรวมของบริษัทไม่ตกลง คุณภาพงานก็ดีขึ้น พนักงานลาออกน้อยลง แถมมีความสุขมากขึ้น

การทำงาน 4 วัน คลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะมาถึง

การลดชั่วโมงการทำงานเกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อ 85 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เทรนด์การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป รัฐบาลของประเทศโปแลนด์, สเปน, สกอตแลนด์, เบลเยียม, โปรตุเกส, โดมินิกัน รวมถึงญี่ปุ่น เริ่มนำร่องและออกกฎหมายสนับสนุนการทำงานในลักษณะนี้แล้ว

พร้อมกันนี้ การมาของเทคโนโลยี AI ก็ถือเป็นตัวเร่งที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เร็วขึ้นอีก โดยเฉพาะทางแยกของทางเลือกที่ว่า เราจะปล่อยให้ AI เข้ามาแย่งงานคน หรือเราจะใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยให้เราทำงานเสร็จเร็วขึ้น เพื่อปลดล็อกเวลาให้เราได้ไปใช้ชีวิต

ดังนั้นการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในมุมมองของผู้ทำวิจัยมองว่าอาจไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่อาจเป็นทางรอดสำหรับโลกการทำงานยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับทั้งผลงานและคุณภาพชีวิตของคนทำมาหากินอย่างแท้จริง

ที่มา: Fast Company

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทำงาน 4 วัน ดีจริงหรือ? เปิด 5 เหตุผลทำไมการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ถึงดีต่อพนักงานและบริษัท

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...