โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

‘สงคราม 12 วัน’ จบของจริง? อิสราเอล-อิหร่าน ได้อะไรจากความขัดแย้งนี้

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 25 มิ.ย. เวลา 04.11 น. • เผยแพร่ 25 มิ.ย. เวลา 08.00 น.

ตะวันออกกลางได้เปลี่ยนผ่านจากสงครามที่ทวีความรุนแรงไปสู่สงครามที่เบาลงเมื่ออิสราเอล และอิหร่านตกลงหยุดยิง

ข้อตกลงสงบศึกเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันอังคาร (24 มิ.ย.68) และสงครามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเรียกว่า “สงคราม 12 วัน” ระหว่าง อิสราเอล-อิหร่าน ดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้วในตอนนี้

ปธน.ทรัมป์ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล และผู้นำอิหร่าน ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าการยุติสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไข ข้อกำหนด หรือการดำเนินการต่างๆ ของพวกเขาเอง

แล้วความจริงของเรื่องนี้คืออะไร อิสราเอลประสบความสำเร็จอย่างไร อิหร่านสามารถปกป้องทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์ของตนได้จริงหรือ แล้วการสงบศึกครั้งนี้เป็นหนทางสู่สันติภาพที่แท้จริงหรือไม่ อัลจาซีราวิเคราะห์ไว้ดังนี้

อิสราเอลได้พิสูจน์ฝีมือกำจัดภัยคุกคาม

อิสราเอล กล่าวอ้างมาตลอดว่าอิหร่านเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งต่อการดำรงอยู่ของประเทศ แต่ไม่เคยโจมตีอิหร่านเลยจนกระทั่งโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน วันที่ 13 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ทั้งโรงงานเสริมสมรรถนะเชื้อเพลิงในนาทานซ์ และศูนย์เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอิสฟาฮาน อิหร่านจึงตอบโต้ด้วยโดรน และขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเพื่อเอาคืน

ก่อนหน้านี้อิสราเอลเคยโจมตีฐานนิวเคลียร์ในซีเรีย และในอิรักมาก่อน แต่ปฏิบัติล่าสุดนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า อิสราเอลสามารถทำภารกิจที่ซับซ้อนในแผ่นดินที่ห่างไกลกว่านี้ได้

อิสราเอลถูกกล่าวหาจากนานาชาติว่า ภารกิจดังกล่าวเป็นปฏิบัติการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ใช่ทุกคนที่คิดว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จริงๆ หรือมีแผนจะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับอิสราเอลในเร็วๆ นี้ แต่อิสราเอลอ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันตัวล่วงหน้า

“ผมได้พูดคุยกับผู้นำโลก และพวกเขาประทับใจมากกับความมุ่งมั่น และความสำเร็จของกองทัพของเรา” เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.68

นอกจากนี้ อิสราเอลยังได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถโน้มน้าวสหรัฐให้มีส่วนร่วมในการโจมตีในตะวันออกกลางแบบจำกัดขอบเขตได้

ย้อนไปสงครามก่อนหน้านี้ ในปี 1967 และ 1973 สหรัฐได้ให้การสนับสนุนทางอาวุธแก่อิสราเอลเพื่อใช้ในการถูกโจมตีศัตรู แต่ไม่ได้ช่วยเหลืออิสราเอลด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในปฏิบัติการต่างๆ

ทั้งนี้ ปฏิบัติการสิงโตผงาดต่อต้านอิหร่าน เกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลต่อสู้กับพันธมิตรของอิหร่านมามากมายในภูมิภาค ได้แก่ กลุ่มฮูตีในเยเมน กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และกลุ่มฮามาส และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เริ่มอ่อนแอลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา

ความเคลือบแคลงใจเรื่องโรงงานนิวเคลียร์ยังคงมีอยู่

อิสราเอลทำลายเป้าหมายเหนือพื้นดินในอิหร่าน และสหรัฐอ้างว่าสามารถทำลายล้างโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านในใต้ดินได้แล้ว จากการโจมตีด้วยระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์ และภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าขีปนาวุธทรงพลังของสหรัฐ และขีปนาวุธของอิสราเอลสามารถโจมตีฐานนิวเคลียร์ในอิหร่านได้ รวมถึงโรงงานนิวเคลียร์ในฟอร์โดว์ที่อยู่ลึกลงไปในใต้ดิน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความเสียหายในสถานที่ดังกล่าว ซึ่งต้องมีการตรวจสอบในพื้นที่จึงจะทราบความเสียหายที่แน่ชัด

ด้าน ราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) บอกว่า หากพิจารณาจากปริมาณวัตถุระเบิดที่ใช้ และความอ่อนไหวของเครื่องเหวี่ยงที่ไวต่อแรงสั่นสะเทือนมาก คาดว่า โรงงานในฟอร์โดว์อาจเกิดความเสียหายอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกเรื่องที่ไม่ทราบแน่ชัดคือ ยังไม่ทราบว่ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะสูงราว 400 กิโลกรัม ที่ IAEA ระบุว่าอิหร่านครอบครองนั้น อยู่ที่ไหนกันแน่

โมฮัมหมัด เอสลามี ผู้อำนวยการองค์การพลังงานปรมาณูของอิหร่าน แถลงผ่านสำนักข่าว Mehr ว่า โครงการนิวเคลียร์ปลอดภัย“อิหร่านเตรียมฟื้นฟูการดำเนินงานไว้แล้ว และอิหร่านมีแผนในการป้องกันไม่ให้การผลิตหรือบริการหยุดชะงัก”

ขณะเดียวกัน ก็เกิดความสับสน และความเคลือบแคลงใจเกี่ยวกับที่มาของขีปนาวุธพิสัยไกล 2 ลูกที่โจมตีอิสราเอลเมื่อเช้าวันอังคาร (24 มิ.ย.68) สามชั่วโมงครึ่งหลังจากเริ่มการหยุดยิง โดยอิสราเอลกล่าวหาว่า อิหร่านละเมิดข้อตกลงหยุดยิง แต่รัฐบาลอิหร่านปฏิเสธอย่างเป็นทางการว่าไม่ได้ยิงขีปนาวุธดังกล่าวแต่อย่างใด

คำถามคือ แล้วใครเป็นคนยิง? และขีปนาวุธเหล่านั้นถูกยิงโดยไม่ได้ตั้งใจจริงหรือ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในปี 2021 หรือไม่ ที่อิหร่านยิงขีปนาวุธทำให้เครื่องบินโดยสารของยูเครนตก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 176 ราย

โอกาสเกิดการโจมตีระลอกใหม่

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามีทางเลือกในอนาคตอยู่ 2 ทาง สำหรับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

อย่างแรกคือ การตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านอีกครั้ง จากหน่วยงานของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และการทำสนธิสัญญาฉบับใหม่กับอิหร่าน คล้ายกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 (Joint Comprehensive Plan of Action of 2015) ของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ อาจช่วยให้ลดแรงกดดันจากทั่วโลกต่อโครงการนิวเคลียร์อิหร่านได้ แม้ว่าทรัมป์จะถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวก็ตาม

นี่คือจุดที่มหาอำนาจยุโรปสามารถเข้ามามีบทบาทได้ อย่างเช่น 3 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี ได้เข้าพบกับอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.68 พร้อมด้วยคาจา คัลลาส ประธานฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีของสหรัฐแม้ความพยายามดังกล่าวล้มเหลวและอียูไม่สามารถกดดันอิหร่านให้ประนีประนอมได้เพียงลำพัง แต่ก็สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ถ่วงดุลอำนาจอันแข็งกร้าวของสหรัฐ และอิสราเอลได้

โยอันนิส โคทูลาส อาจารย์พิเศษด้านภูมิรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอเธนส์ กล่าวกับอัลจาซีราว่า “อิหร่านจะพยายามดึงยุโรปเข้ามาเกี่ยวข้องทางการทูต โดยเสนอให้เพิ่มการตรวจสอบ และให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของตน” และว่าสหรัฐอาจยอมรับโครงการนิวเคลียร์ที่สันติได้ ซึ่งมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเคยพูดไว้แล้ว่า มีแนวโน้มที่สหรัฐอาจไม่พยายามบีบบังคับให้เกิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

“ยุโรปเป็นทางออกเดียวของอิหร่านในขณะนี้ รัสเซียไม่น่าเชื่อถือ” โคทูลาส กล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ อิสราเอลเคยพยายามทำลายข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างตะวันตกกับอิหร่าน และไม่น่าจะเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะยอมรับข้อตกลงใหม่

อย่างที่สองคือ การเปิดใจยอมรับข้อตกลงใหม่ของอิหร่าน

คำถามคือ อิหร่านจะเปิดใจยอมรับการประนีประนอมได้อย่างไร หลังจากที่สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับเตหะรานก่อนหน้านี้ ทั้งยังเปลี่ยนเป้าหมายในระหว่างการเจรจาเมื่อไม่นานนี้ และในที่สุดก็เข้าร่วมกับอิสราเอล ทิ้งระเบิดโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน แทนที่พวกเขาจะเจรจาข้อตกลงกัน?

อาลี อันซารี ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์อิหร่าน มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์ กล่าวกับอัลจาซีรา ว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพลวัตภายในประเทศ และแนวทางในการลดระดับการเสริมสมรรถนะ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการเรียกร้องจากนักเคลื่อนไหวภายในประเทศให้ยุติการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมแล้ว

จนถึงขณะนี้ อิหร่านดูเหมือนว่ายังคงไม่ยอมแพ้ที่จะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ต่อไป

โดยเมื่อวันจันทร์ คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของรัฐสภาอิหร่านได้ผ่านร่างกฎหมายที่ผลักดันให้อิหร่านระงับความร่วมมือกับไอเออีเอ

ขณะที่เมื่อวันอังคาร ทรัมป์โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่าเขาจะไม่อนุญาตให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านกลับมาดำเนินการอีกครั้ง

หากความตึงเครียดเรื่องดังกล่าวยังคงมีอยู่การปะทะกันรอบใหม่ที่อาจดึงสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็อาจเกิดขึ้นได้ไม่เร็วก็ช้า

อ้างอิง: Al Jazeera

พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...