กัมพูชาชี้ไทยเคลื่อนไหวทหารต่อเนื่อง-ไม่คลายล็อกจุดผ่านแดน
khmertimes สื่อกัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียด หลังผู้นำกัมพูชาออกมาเปิดเผยว่า ฝ่ายไทยยังคงเคลื่อนไหวทางทหารใกล้แนวชายแดน ทั้งการขุดสนามเพลาะ เคลื่อนย้ายปืนใหญ่ และส่งโดรนลาดตระเวน แม้จะเพิ่งสิ้นสุดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไปไม่นาน โดยรัฐบาลกัมพูชาระบุว่าการกระทำเหล่านี้ละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2000 และกระทบต่ออธิปไตยของประเทศ
ขณะเดียวกัน กัมพูชาได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจ สั่งห้ามนำเข้าผลไม้และผักจากไทย หลังไทยไม่ปฏิบัติตามคำขาดของฮุน เซน ที่เรียกร้องให้เปิดจุดผ่านแดนทุกแห่ง ด้านทางการไทยยืนยันว่า มาตรการทั้งหมดดำเนินการภายใต้มาตรฐานสากล และยังคงอยู่ภายในเขตแดนของตนเอง
ในรายละเอียดระบุว่า พลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวระหว่างการปาฐกถาในพิธีปิดการประชุมใหญ่พิเศษขององค์การลูกเสือกัมพูชาในกรุงพนมเปญเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนกัมพูชา–ไทยยังคงไม่มั่นคง เนื่องจากทหารไทยยังคงขุดสนามเพลาะและเคลื่อนย้ายปืนใหญ่เข้าไปประจำการทุกวัน
ณ เวลานี้ สถานการณ์ยังคงไม่มั่นคงและยังไม่ถูกแก้ไข ข้อกล่าวหาและจุดยืนที่ขัดแย้งกันยังคงดำเนินต่อไปเหมือนที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวและการเตรียมความพร้อมของทหารไทยในพื้นที่ภาคสนามยังเกิดขึ้นต่อเนื่องทุกวัน
ฮุน มาเนต ระบุว่า หนึ่งวันก่อนหน้านั้น ทหารกัมพูชาถูกกล่าวหาว่า เล็งปืนใหญ่ไปยังฝั่งไทย เขาอธิบายว่า ตามคำชี้แจงของรัฐมนตรีกลาโหม พลเอก เตีย เซย์ฮา ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล เพราะไม่มีใครจะเล็งอาวุธหนักไปยังอาณาเขตของตนเอง
เขากล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ถือเป็นการกระทำที่รุกรานหรือการละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา ตรงกันข้าม เขาชี้ว่า เป็นฝ่ายที่กล่าวหากัมพูชาต่างหากที่ยังคงเคลื่อนกำลังทหาร ก่อสร้างฐานที่มั่นใหม่ และประจำการอาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไปแล้วก็ตาม
เขาเสริมว่า กัมพูชาได้อดทนเป็นอย่างมากต่อการกระทำของนักการเมืองไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และกลุ่มหัวรุนแรง ที่จุดชนวนให้เกิดประเด็นมากมาย
สิ่งเหล่านี้รวมถึงการขู่ตัดไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต ปิดจุดผ่านแดน และการกำหนดพื้นที่บางส่วนให้เป็นอาณาเขตไทยฝ่ายเดียว โดยอ้างอิงจากแผนที่ของตนเอง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า หลังจากที่กัมพูชาถอยออกมาและตอบโต้กลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ผ่านมาตรการต่าง ๆ กลับเป็นกลุ่มเดียวกันนี้ที่หันมากล่าวหาว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายก่อปัญหา
ขณะเดียวกัน ในแถลงการณ์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในประเด็นชายแดนไทย–กัมพูชาซึ่งออกเมื่อวันอังคาร กระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า แม้ราชอาณาจักรกัมพูชาจะพยายามอย่างต่อเนื่องในการยุติข้อพิพาทที่ยืดเยื้อนี้กับไทยอย่างสันติที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แต่ไทยกลับตอบโต้ด้วยการเพิ่มกิจกรรมทางทหารตามแนวชายแดนที่ยังมีข้อพิพาท
น่าเสียใจที่ฝ่ายไทย ได้ยกระดับการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา ซึ่งขัดต่อบันทึกความเข้าใจที่ลงนามในปี 2000 (MoU 2000) ฝ่ายไทยได้เพิ่มการบินของโดรน ขุดพื้นที่ เคลื่อนย้ายอาวุธและยุทโธปกรณ์ทุกรูปแบบ สร้างโครงสร้างพื้นฐาน และเสริมกำลังพลตามพื้นที่ชายแดนในจังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัย
กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า การกระทำเหล่านี้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของทั้งสองประเทศ โดยย้ำว่า แม้กัมพูชาจะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี แต่กองทัพของกัมพูชาจะไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเพื่อปกป้องอธิปไตยของราชอาณาจักร
กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชาสนับสนุนจุดยืนของรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาในการแก้ไขความขัดแย้งตามกฎหมายระหว่างประเทศและวิธีสันติภาพ ขณะเดียวกัน กองทัพและประชาชนกัมพูชาทั่วประเทศยังคงยึดมั่นในความเคารพต่ออธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน และตั้งมั่นในการเปลี่ยนพื้นที่ชายแดนให้เป็นเขตสันติภาพ อย่างไรก็ตาม กัมพูชาจะไม่มีวันยอมให้เกิดการละเมิดหรือรุกรานจากประเทศใด ๆ และจะปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของตนอย่างเด็ดขาดในทุกกรณี
ความเคลื่อนไหวของกองทัพไทย
นอกจากนี้ khmertimes ยังรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยโดยระบุว่า พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสในกองทัพไทย และรองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงข่าวพิเศษเมื่อวานนี้เพื่อชี้แจงการดำเนินการของฝ่ายไทย
ในเรื่องความมั่นคง ผมขอย้ำว่ากองกำลังของเราดำเนินปฏิบัติการทางทหารตามมาตรฐานสากล และขอยืนยันว่าการดำเนินการเหล่านี้สอดคล้องกับบันทึกความเข้าใจปี 2000 ซึ่งเป็นข้อตกลงที่มีผลผูกพันตามกฎหมายและเป็นข้อตกลงทวิภาคีที่ทั้งไทยและกัมพูชาร่วมลงนาม
การดำเนินการในพื้นที่ชายแดนโดยกองกำลังเฉพาะกิจของไทยเป็นไปตามหลักการและแนวปฏิบัติทางทหารที่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่
ในส่วนของการดำเนินงานจุดผ่านแดนและมาตรการควบคุมโดยกองทัพไทย โฆษกกองทัพกล่าวว่า ไทยจะยังคงมาตรการที่มีอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงข้อจำกัดจำนวนและประเภทของผู้ที่สามารถข้ามแดน และการจำกัดเวลาทำการของจุดผ่านแดน
เมื่อวันอังคาร เจ้าหน้าที่ชายแดนกัมพูชาเริ่มบังคับใช้คำสั่งห้ามนำเข้าผลไม้และผักจากไทยในทุกจุดผ่านแดน หลังจากไทยไม่ปฏิบัติตามคำขาดของประธานวุฒิสภา ฮุน เซน ที่ให้เปิดจุดผ่านแดนทั้งหมดโดยไม่มีข้อจำกัด
คำตอบต่อเหตุการณ์นี้ สุรสันต์ประกาศเมื่อวานว่า รัฐบาลไทยผ่านศูนย์ปฏิบัติการพิเศษเพื่อบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น ได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อดำเนินมาตรการเยียวยาแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
กระทรวงพาณิชย์ของไทยร่วมมือกับภาคเอกชนและห้างค้าปลีกในท้องถิ่นเพื่อรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรประมาณ 2,500 ตัน และกระจายสู่ผู้บริโภค
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในภายใต้กระทรวงพาณิชย์ยังได้จัดงานแสดงสินค้า เช่น เทศกาลผลไม้ ภายใต้กิจกรรม Phuket Pride 2025 และจะมีช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติมอีกมากในอนาคต
ความเคลื่อนไหวอื่นสื่อไทย
The Nation รายงานเมื่อวันอังคารว่า มีการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจใหม่เพื่อรับมือกับความตึงเครียดที่ทวีขึ้นบริเวณชายแดน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโพสต์รายวันในโซเชียลมีเดียของฮุน เซน ประธานวุฒิสภา
ความเคลื่อนไหวของ ฮุน เซน
ฮุน เซน ตอบโต้เมื่อวานนี้ด้วยโพสต์ประชดประชันผ่านโซเชียลมีเดียว่า
ทำไมต้องกลัวบัญชีเฟซบุ๊กของผม ? ผมแค่พูดความจริง อธิบายความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศของผม และการรุกรานอธิปไตยของกัมพูชา ผมรู้สึกว่าจำเป็นต้องแจ้งให้ประชาชนและมิตรสหายนานาชาติรับรู้ถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้
ฮุน เซน ตั้งคำถามถึงเจตนาเบื้องหลังการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจเพื่อเฝ้าติดตามเฟซบุ๊กของเขา โดยแนะว่าหากผู้ที่เกี่ยวข้องบริสุทธิ์จริง ก็คงไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเช่นนี้
อความตึงเครียดระหว่างกัมพูชาและไทยเริ่มปะทุจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ระหว่างกองทัพของทั้งสองฝ่ายในพื้นที่มอมเบย ซึ่งทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย
ความขัดแย้งอันร้อนแรงที่กลับมาอีกครั้งในพื้นที่ชายแดนพิพาทนี้ทำให้กัมพูชาตัดสินใจยื่นคำร้องฝ่ายเดียวต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ให้พิจารณาเรื่องวัดตาเมือนธม วัดตาเมือนโต๊จ วัดตาเคราะบี้ และพื้นที่มอมเบย ขณะที่ไทยแสดงความไม่พอใจต่อการดำเนินการดังกล่าว โดยระบุว่า ต้องการแก้ข้อพิพาทผ่านกลไกทวิภาคีมากกว่า