คิดว่าเซเลบริตี้ชาวไทยจะกลายเป็นพลังใหม่ของโลกแฟชั่นได้หรือไม่?
LSA Says: ต่อเนื่องจากแฟชั่นวีคคอลเลกชั่น Spring/Summer 2026 ที่นอกจากผลงานเดบิวต์ของหลากดีไซเนอร์หลายแบรนด์ที่สร้างกระแสและได้รับความสนใจไปทั่วโลก เหล่าเซเลบริตี้ชั้นนำจากประเทศไทยในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์และแขกคนสำคัญที่เข้าร่วมชมโชว์ทั้งหัวเมืองนิวยอร์ก ลอนดอน มิลาน และปารีส ก็สามารถขับเคลื่อนมูลค่าทางสื่อให้กับวงการแฟชั่นแบบไม่หยุดพัก จนพูดได้เต็มปากว่าสิ่งนี้คือ “ดัชนีของอิทธิพลทางวัฒนธรรม” ที่สะท้อนว่าเสียงของใครกำลังถูกฟัง และสายตาของโลกกำลังมองมาที่ไหน และมีคำถามนี้เจาะลึกไปอีกว่า “พวกเขาสามารถกลายเป็นพลังหรืออิทธิพลมหาศาลในแวดวงแฟชั่นระดับโลกได้หรือไม่?”
สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่จำนวนการเข้าร่วม แต่คือ “เจตนาของการถูกเชิญ”ในอดีตแบรนด์ระดับโลกอาจมองตลาดไทยในฐานะผู้บริโภค แต่ตอนนี้พวกเขามองประเทศไทยในฐานะ “ผู้ผลิตวัฒนธรรม”ที่มีพลังส่งต่อความสนใจไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การนั่งฟรอนต์โรว์ของคนไทยจึงเป็นภาพแทนของภูมิภาคที่เต็มไปด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจและรสนิยม
แบรนด์ลักชัวรีกำลังเข้าใจถึงความสำเร็จของการสื่อสารแฟชั่นยุคนี้ว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาพโฆษณาเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากบุคคลที่ผู้ชมเชื่อมโยงได้และคนไทยจำนวนมากมีความสามารถนั้นโดยธรรมชาติ เพราะสื่อสารได้ทั้งภาษาแฟชั่น วัฒนธรรม และโซเชียลมีเดียอย่างเป็นธรรมชาติ ในมุมของอุตสาหกรรมการเชิญคนดังจากประเทศไทยจึงเป็นการลงทุนในฐานะผู้เล่าเรื่องของเอเชียที่มีความซับซ้อนและร่วมสมัยกว่าที่เคย
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ การที่แฟชั่นวีคเองกำลังเปลี่ยนจากเวทีสำหรับแฟชั่นเฮาส์มาเป็นแพลตฟอร์มของภาพจำร่วมสมัย เซเลบริตี้ที่ไปนั่งแถวหน้าไม่ได้ทำหน้าที่แค่ชมโชว์ แต่คือผู้เล่าเรื่องในรูปแบบของคอนเทนต์ และเมื่อเซเลบริตี้ไทยจำนวนมากมีแฟนคลับระดับภูมิภาค การโพสต์ถึงเพียงภาพเดียวก็สามารถขับเคลื่อนรับรู้ของแบรนด์ไปยังตลาดที่ยากจะเข้าถึงในอดีต
ส่วนในเชิงวัฒนธรรมการได้เห็นคนไทยมีที่ยืนในแฟชั่นวีคอย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงการเปลี่ยนตำแหน่งของ “สังคมไทยในสายตาโลก” โดยจากผู้บริโภคแฟชั่นไปสู่ผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดรสนิยมระดับโลก เซเลบริตี้ไทยไม่ได้ถูกมองแค่ในฐานะคนสวมเสื้อผ้า แต่ในฐานะตัวแทนของโลกใหม่ที่เชื่อมระหว่างความเรียบหรูแบบยุโรปกับความเป็นธรรมชาติแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการเติบโตของตลาดลักชัวรีในภูมิภาคนี้ดึงดูดให้แบรนด์ระดับโลกเริ่มสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับสื่อ ศิลปิน และผู้มีอิทธิพลจากไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันเซเลบริตี้ไทยเองก็เริ่มมีบทบาทในฐานะผู้แปลความแฟชั่นให้เข้าถึงได้ผ่านมุมมองของเอเชีย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เคยถูกผูกขาดโดยฮ่องกง ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้มาก่อน
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงสำคัญในภูมิทัศน์ของแฟชั่นโลกที่พลังแห่งความหมายไม่ได้ถูกสร้างจากรันเวย์อีกต่อไป แต่ถูกสร้างจากคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าในแถวเดียวกันกับเหล่าแบรนด์และครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ และเมื่อมองจากจุดนี้ เราอาจพูดได้เต็มปากว่า การปรากฏตัวของเซเลบริตี้ไทยในแฟชั่นวีคไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลองสไตล์ แต่คือการประกาศตัวตนของประเทศที่เริ่มเข้าใจแฟชั่นในฐานะวัฒนธรรมร่วม บางทียุคทองของแฟชั่นไทยอาจไม่ได้อยู่ที่การมีรันเวย์ของตัวเอง แต่อยู่ที่การที่โลกเริ่มเห็นว่า “คนไทยอยู่ในภาพนั้นด้วยเสมอ”
Note : The information in this article is accurate as of the date of publication.