โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ส.ส.ปชน. แฉ งบทหารผ่านศึก โยกเปิดธุรกิจอื่น โกยเงินเข้ากระเป๋าผู้บริหาร

MATICHON ONLINE

อัพเดต 29 พ.ค. เวลา 16.20 น. • เผยแพร่ 29 พ.ค. เวลา 15.17 น.

ธนเดช แฉ งบยังชีพทหารผ่านศึก กลับนำไปใช้เปิดธุรกิจอื่น โกยเงินเป็นโบนัสเข้ากระเป๋าผู้บริหารองค์กร ขณะที่ทหารผ่านศึกนั่งรอเงินปันผลที่น้อยกว่า 10 เท่า ปูด ผอ.อผศ.พาครอบครัวเข้าใช้สิทธิ รพ.ทหารผ่านศึก ทำเสียงบกว่า 2.2 ล้าน จี้ รมต.สางปัญหาคืนเกียรติและศักดิ์ศรีให้การเสียสละเพื่อชาติ

เมื่อเวลา 20.25 น. วันที่ 29 พฤษภาคมที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธาน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 2

ร.อ.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายถึงงบประมาณขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ว่า ตนจะอภิปรายในหน่วยงานที่มากไปด้วยเกียรติศักดิ์คือหน่วยงานองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก หรือ อผศ. โดยงบอุดหนุนจากรัฐบาลที่ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานกว่า 42 ล้านบาท เงินอุดหนุนการให้การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกกว่า 1,316 ล้านบาท เงินอุดหนุนการให้การสงเคราะห์โรงพยาบาลทหารผ่านศึกกว่า 99 ล้านบาท การจัดตั้งเครือข่ายทหารผ่านศึกและทหารนอกประจำการเพื่อความมั่นคงกว่า 1,880 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในองค์การบริหารองค์การทหารผ่านศึกกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบสำหรับวีรบุรุษของประเทศนี้ ซึ่งไม่ได้บ่งบอกอะไรเลยว่าเงินจะถึงมือพวกเขาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ และไม่ได้บอกเลยว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเกียรติศักดิ์ที่ทำไว้กับประเทศนี้จะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นอย่างไร

ก่อนหน้านี้ที่มีการอภิปรายงบตั้งแต่ปี 2567-2568 พวกเราไม่เคยอภิปรายงบองค์กรนี้ เพราะพวกเราเชื่อโดยสมัครใจว่าองค์กรนี้จะเป็นองค์กรที่บริสุทธิ์ มีความสุจริตและเที่ยงธรรม และจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ทหารผ่านศึกมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่ตนทราบมากลับไม่ใช่ กลับกลายเป็นองค์กรแสวงหาผลประโยชน์ เป็นแหล่งที่กลุ่มทุนกลุ่มยี่ปั๊วมากอบโกยเงินทอง และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของทหารประเทศนี้ และมานั่งนับเงินบนคราบเลือดของเขา

ร.อ.ท.ธนเดช กล่าวต่อว่า ส่วนสิทธิประโยชน์ของทหารผ่านศึกตามชั้นบัตร ซึ่งแต่ละชั้นบัตรมีสิทธิ์ที่แตกต่างกันมาก โดยบัตรชั้นหนึ่งคือบัตรที่ไปรบแล้วได้รับเหรียญกล้าหาญ ได้รับเงินยังชีพอยู่ที่ 6,000 -9,000 บาท หากพิการจนทุพลภาพ ได้เพิ่ม 1,000 บาท และหากเสียชีวิตในสงครามครอบครัวของพวกเขาจะได้รับเบี้ยยังชีพอีก 4,000 บาท ส่วนบัตรชั้นที่ 2-4 ที่พิการหรือทุพลภาพได้ไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งจากที่กล่าวไปข้างต้นองค์กรนี้ไม่ได้ทำเพื่อทหารผ่านศึกด้วยความเต็มใจ ขณะที่ 7 กิจการพิเศษที่เป็นขุมทรัพย์ขององค์การทหารผ่านศึก ซึ่งเป็นขุมทรัพย์ที่เกาะกินทหารผ่านศึกอยู่จนถึงทุกวันนี้ ทั้งเป็นยี่ปั๊วรายใหญ่ในการขายหวยของประเทศนี้ รวมถึงเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีโรงงานในอารักษ์ที่มีพ่อค้าคนกลางที่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง ศาลหลักเมืองของคนไทยก็อยู่ในการกำกับดูแล รวมถึงจะมีการทำธุรกิจด้านพลังงาน มีโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง และมีเกษตรอุตสาหกรรมและการบริการ

โดยกิจการแรก คือ สำนักงานจัดจำหน่ายสลากกินแบ่งและบุหรี่ ซึ่งตนตั้งคำถามว่าใช่หน้าที่ขององค์การทหารผ่านศึกหรือไม่ หากย้อนกลับไปความตั้งใจของกองสลากฯ เป็นความตั้งใจที่ดีซึ่งตั้งใจว่าจะให้โคต้าให้กับทหารผ่านศึก ซึ่งให้ อผศ.ยื่นเข้าไปตรวจสอบว่ามึผู้ตรวจสอบกี่หลาย ซึ่งจากที่ยื่นไป 203 คน และได้โควตาจำนวน 10,988 เล่มต่องวด เฉลี่ย 54 คนต่องวด แต่ อผศ.กลับจัดตั้งตงจำหน่ายสลากฯ และรวบโควตาเหล่านั้น โดยให้ผู้ที่ยื่นสิทธิ์ยินยอม ซึ่งหากรวมใน 1 งวดกำไรไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท หากตีเป็นกำไรเฉลี่ย 200,421,120 บาท/ปี ซึ่งนำเงินส่วนหนึ่งมาปันผลให้กับทหารผ่านศึก โดยทหารผ่านศึกบัตรชั้น 1 ที่พิการกลับมา ได้ 13,700 บาทต่อปี ส่วนบัตรชั้น 2-4 ที่พิการได้ 2,000 บาทต่อปี รวมทั้งสิ้น 57 ล้านบาท ตนจึงตั้งคำถามว่าเงินที่เหลืออีกกว่า 140 ล้านบาทหายไปไหน ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวว่า กลายเป็นเงินรางวัลจัดหนัก ตามระเบียบของ อผศ.ว่าในทุกกิจการพิเศษที่มีกำไรให้จ่ายเงินรางวัลให้กับผู้บริหารหน่วยงานปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 6 เดือน ซึ่งผู้อำนวยการ อผศ.คนปัจจุบันได้ครั้งละไม่เกิน 90,000 บาทต่อ 1 กิจการ ซึ่ง 2 ไตรมาสแรกของการขายหวย มีผู้บริหาร 12 คนของ อผศ. เกือบ 6 แสนบาท ขณะที่ ผอ.อผศ.ได้คนเดียว 7 หมื่นบาท ต่างจากทหารผ่านศึกที่ออกไปรบที่เพียง 13,000 บาทต่างกันถึง 10 เท่า

ร.อ.ท.ธนเดช กล่าวด้วยว่า กิจการต่อมา คือสำนักงานรักษาความปลอดภัยพบว่าเดือนมีนาคม 2567 มีคู่สัญญาอยู่ที่ 2,270 สัญญา มีเจ้าหน้าที่ รปภ. 22,793 คน ซึ่งจะดีมากหากเป็นทหารผ่านศึกในอดีต แต่กลับกลายเป็นพลเรือนหรือทหาร ซึ่งทหารผ่านศึกบางคน ยังโพสต์หางานทำอยู่เลย โดยกิจการนี้มีรายได้ในเดือนมีนาคม ปี 2567 อยู่ที่ 400 กว่าล้านบาท หากรวม 2 ไตรมาสแรก 2,800 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายแล้วจะเหลือกำไร 114 ล้านบาท หากเงินจำนวนดังกล่าวถูกส่งให้ทหารผ่านศึกเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็คงจะดี แต่ก็ถูกเพิ่มเป็นโบนัสให้กับผู้บริหาร ซึ่งผู้บริหาร 12 คน ได้โบนัสไป 1.6 ล้าน จึงตั้งคำถามว่านี่หรือคือองค์กรที่จะทำให้ทหารผ่านศึกมีชีวิตที่ดี ส่วนกิจการโรงงานในอารักษ์ เปรียบเสมือนพ่อค้าคนกลางที่ไม่ต้องผลิตอะไรเลยเป็นโรงงานที่คอยร่อนหนังสือบอกส่วนราชการให้มาซื้อของที่ตน และอ้างว่ากำไรที่ได้จากไปช่วยทหารผ่านศึก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกรมส่งเสริมสุขภาพคนพิการ จัดซื้อรถเข็น 72,000 คัน มูลค่า 34 ล้านบาทจาก อผศ. และบริจาคคืนให้ ซึ่งในโรงงานอารักษ์ที่พร้อมจัดจำหน่ายทุกอย่าง และมีกำไรที่ดีแต่ก็เหมือนเดิมที่เอากำไรไปเป็นโบนัสให้กับผู้บริหาร โดยในไตรมาสแรกมีจำนวน 801,000 บาท ที่ทหารผ่านศึกไม่ได้อะไรเลย

ร.อ.ท.ธนเดช กล่าวต่อว่า สำหรับ กิจการของสำนักกิจการศาลหลักเมือง ซึ่งประชาชนที่ไปทำบุญหวังว่าเงินจะสามารถไปทำนุบำรุงศาสนาหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตของทหารผ่านศึก ซึ่งเงินที่ได้ก็ถูกนำไปเป็นโบนัสให้กับผู้บริหาร อผศ.เช่นกัน รวมทั้งหมด 12 คนที่เป็นผู้บริหารได้ไปประมาณ 8 แสนบาท ขณะที่กิจการการพลังงาน ซึ่งเป็นกิจการน้องใหม่ โดยได้รับใน 2 ไตรมาสแรก รวมเป็นโบนัสให้กับผู้บริหารทั้ง 12 คน 239,000 บาท และยังไม่รวมกิจการสำนักงานกิจการโรงพิมพ์ และการเกษตรฯ ซึ่งกิจการโรงพิมพ์รับผลิตปฏิทินจากองค์การสวัสดิการสังคม ซึ่งผู้บริหาร 12 คนรวมแล้วรับกว่า 11 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินโบนัสที่ อผศ.แจกจ่ายให้กับบุคลากรเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารทั้ง 12 คนก็ได้รับเงินโบนัสซ้ำซาก ในขณะที่ทหารผ่านศึกนั่งรอเงินปันผลเจียนตาย

“เรื่องฉาวและเรื่องชุมทรัพย์ไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีเรื่องเบียดบัง ผอ.อผศ.ทำอยู่ คือ ปัจจุบันให้เครือญาติของตัวเองได้สิทธิพิเศษในโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ได้นอนห้อง VIP ห้องคู่ โดยการขอตั๋วเด็กนอนมา 2 ปีแล้ว จึงฝากไปยังรัฐมนตรีกลาโหมดำเนินการ ซึ่งหาก ผอศ. จัดงบประมาณเช่นนี้ยังไงก็ไม่รอด และคงไม่มีทางได้เห็นคุณภาพชีวิตของทหารผ่านศึกดีขึ้น ตนเคยเสนอไว้แล้วว่าเราต้องเอาความต้องการของทหารผ่านศึกเป็นที่ตั้ง ฟื้นฟูสมรรถภาพ และฝึกอาชีพดูแลครอบครัวของเขา ก่อนความต้องการของผู้บริหาร วันนี้ผมได้ทราบ ผอ.อผศ.กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง ทำโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเสียงบประมาณ 2.2 ล้านบาท เปลี่ยนความตั้งใจดีของกองสลากที่อยากช่วยเหลือผู้พลีชีพเพื่อชาติ และมัดมือพวกเขา แปรสภาพตัวเองเป็นยี่ปั๊วและขายหวยให้กับซาปั๊ว จึงอยากถามว่ามีเพื่อนสมาชิกท่านใดทราบหรือไม่ว่าใครซาปั๊ว เพราะผอ.อผศ.ก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับเพื่อนสมาชิกบางคน” ร.อ.ท.ธนเดช กล่าว

ร.อ.ท.ธนเดช กล่าวต่อว่า วันนี้อยากจะบอกกับท่านประธานว่าวันที่เหล่าทหารกล้าเขากลับมาจากศึกสงคราม หลายคนต้องสละชีพเพื่อชาติ หลายคนต้องเสียเพื่อนและมิตรในสงคราม เขากลับมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่อาจสมบูรณ์ได้อีกต่อไป พวกเขากลับมาพร้อมกับแผลในใจ และที่เจ็บใจคือรายได้ของพวกเขาที่ควรเป็นรางวัลของผู้เสียสละเพื่อชาติ มันหายไปกับไตรระบบที่ดำมืดขององค์กรนี้ องค์กรที่ชื่อว่าสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเงินพวกเขาหายไปแต่ไปเด้งในบัญชีของผู้บริหารที่นั่งอยู่บนห้องแอร์ มันเจ็บที่ผู้เสียสละเหล่านี้ต้องนั่งอยู่ปลายแถวต้องรอคอยความช่วยเหลือแบบเศษๆ ในขณะที่ผู้บริหารกำลังเสวยสุขอยู่บนหยาดเหงื่อ และคราบเลือดของผู้พลีชีพเพื่อชาติ นับเงินโบนัสคาบน้ำตาของครอบครัวกล้า

ตนจึงไม่สามารถปล่อยให้งบองค์การทหารผ่านศึกไปได้หากไม่ได้ตรวจสอบ และตนไม่ได้อภิปรายเพื่อจะลดงบทั้งหมด แตกอภิปรายเพื่อตั้งคำถามว่างบนี้ใช้ถูกทางหรือไม่ ถึงตอนนี้ตนเองก็ยังไม่มั่นใจว่าเงินจำนวน 1,472 ล้านบาท ที่อุดหนุนให้กับองค์การทหารผ่านศึก จะทำให้ทหารผ่านศึกมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร และจะตกถึงมือของพวกเขาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ ถ้าเรายังปล่อยให้องค์การทหารผ่านศึกบริหารงานอย่างมีรูรั่วแบบนี้ เราควรจะมานั่งคุยกันและอุดรูรั่ว ให้เป็นเกียรติกับวีรชน และคืนเกียรติที่พวกเขาควรจะได้รับ เพื่อให้เขาได้อยู่ในประเทศนี้อย่างมีศักดิ์ศรีแบบวีรชนที่ช่วยเหลือประเทศไทยมา

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ส.ส.ปชน. แฉ งบทหารผ่านศึก โยกเปิดธุรกิจอื่น โกยเงินเข้ากระเป๋าผู้บริหาร

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...