โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ดาวพระศุกร์กลายเป็นผีเสื้อ ว่าด้วยเรื่องเล่าและการเปรียบเปรยผีเสื้อฝูงยักษ์/บทความพิเศษ

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 05 ส.ค. 2565 เวลา 01.51 น. • เผยแพร่ 05 ส.ค. 2565 เวลา 01.51 น.

บทความพิเศษ

มีเกียรติ แซ่จิว

ดาวพระศุกร์กลายเป็นผีเสื้อ

ว่าด้วยเรื่องเล่าและการเปรียบเปรยผีเสื้อฝูงยักษ์

หากวางเทียบเคียงกวีนิพนธ์ ‘ดาวพระศุกร์’ ของภู่มณี ศิริพรไพบูลย์ กับเรื่องสั้น ‘กลายเป็นผีเสื้อ’ ของนฤพนธ์ สุดสวาท ที่ผ่านเข้ารอบการประกวดมติชนอวอร์ดรอบสัปดาห์นี้

วรรณกรรมทั้งสองประเภทมีลักษณะการเปรียบเทียบในเชิงอุปลักษณ์ (Methaphor) ที่คล้ายคลึงกัน ทั้งในรูปแบบเทียบเคียงเข้ากับละครและเรื่องราวที่ดูลึกลับเหนือจริง

แต่ทั้งสองเหตุการณ์ก็ดูสมจริงและสั่นสะเทือนในความรู้สึกเมื่ออ่านจบลง

ผู้เขียนบทความอาจไม่ลงลึกในรายละเอียด แต่จะนำเอากวีนิพนธ์ ‘ดาวพระศุกร์’ กับเรื่องสั้น ‘กลายเป็นผีเสื้อ’ มาทำการเปรียบเทียบให้เห็น ‘โลกความจริงกับโลกในละคร’ คู่ขนานไปกับ ‘นักล่ากับผู้ถูกล่า’ โดยจะนำทั้งสองเหตุการณ์มานำเสนอคู่เคียงร้อยเรียงกันในบทความชิ้นนี้

ดังจะขอเริ่มจากบทกวี ‘ดาวพระศุกร์’ ของภู่มณี ซึ่งนำเสนอในรูปของกวีไร้ฉันทลักษณ์

เนื้อหลักใจความว่าด้วยเรื่องสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ลูกสาวทำงานในฟู้ดคอร์ตทอดขนมกุยช่าย วันนั้นช่วงบ่ายไฟดับ ‘แม่ลูกเลยได้คุยไลน์กัน’ แม่เล่าว่า ‘เมื่อปี 37 ไฟก็ดับทั้งหมู่บ้าน’ ไปนอนค้างบ้านญาติป้าแต้วอีกหมู่บ้านหนึ่ง ดูละครดาวพระศุกร์เสนอเป็นตอนอวสาน แม่ตั้งชื่อเธอว่า ‘ดาวพระศุกร์’ หวังว่าลูกสาวจะเป็นดาวพระศุกร์ของคุณภาคย์เหมือนในละคร แต่ในชีวิตจริงลูกเป็นมือทอดขนมกุยช่ายเบอร์หนึ่งของร้านอยู่หน้าห้องน้ำ

“มีคุณภาคย์ที่ไหนมาจีบแกบ้างหรือยัง”

“จะภาคไหนก็ไม่มีหรอกแม่ แทบไม่ได้เจอใครเลย”

บทกวีชิ้นนี้สะท้อนความน้ำเน่าของชีวิตคนหาเช้ากินค่ำในช่วงโควิดระบาดที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้ทำงานต่อไปอีกนานแค่ไหน มีแต่พนักงาน ไม่มีลูกค้าเดิน แต่ในเมื่อยังไม่ถูกเลิกจ้าง ก็ยังคงต้องมาทำหน้าที่หาเลี้ยงตัวและครอบครัวต่อไป

ภาพดาวพระศุกร์ในโลกความจริงที่ ‘หน้าไม่สวยเท่ากบ สุวนันท์’ กำลังยืนทอดกุยช่ายอยู่หน้าห้องน้ำ จึงต่างกันลิบลับจากภาพในละครเมื่อปี 37 ที่แม่ดู ตอนนั้นโทรทัศน์ยังเป็นจุดศูนย์กลางให้ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อดูละครเรื่องโปรดในช่วงเวลาเดียวกัน (Prime time) ช่วงเวลาที่การสื่อสารระหว่างคนด้วยกันได้พูดคุยใกล้ชิดกันมากกว่าในปัจจุบันแม่ลูกต้องอยู่ห่างกันและสนทนากันผ่านข้อความทางไลน์

แต่ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นดาวพระศุกร์ของคุณภาคย์ที่ไหนมาขอแต่งงานและให้สัญญาว่า ‘ต่อจากนี้ จะไม่มีอะไรทำให้เราพรากจากกัน’ เหมือนอย่างในละคร

แต่ชื่อดาวพระศุกร์ที่แม่ตั้งให้ก็ยังคงเป็นดาวที่อยู่บนที่สูง เธอยังคงกตัญญูรู้คุณต่อแม่ผู้ให้กำเนิด (“แม่อย่าออกบ้านบ่อยล่ะ เงินหมดเมื่อไรก็บอก จะโอนไปให้”) ต่อให้ตัวเธอจะทำงานอยู่ในระดับล่างตรงจุดที่คนเดินผ่านเข้าออกอยู่หน้าห้องน้ำก็ตาม

ดังจะเห็นว่า บทกวีชิ้นนี้นอกจากสะท้อนความน้ำเน่าของชีวิต ดาวพระศุกร์ของคุณภาคย์ที่มีแต่ในละครโทรทัศน์แล้ว จุดสัมผัสเชื่อมร้อยถึงใจคงอยู่ตรงนี้ ในวันที่โควิดระบาด สายใยความผูกพันแม่ลูกยังถักทอถึงกัน แม้จะเป็นข้อความทางไลน์เพียงไม่กี่ประโยค ในเหตุการณ์ไฟดับที่นำเราย้อนโยงสู่อดีต ผู้เขียนได้ส่งสารบางอย่างที่เราอาจหลงลืม

หนึ่งในนั้นก็คือ การสื่อสารระหว่างคนกับคนด้วยกันที่กำลังขาดหายไปจากสังคม และสองในระดับชนชั้นแรงงานที่มิได้ Work From Home แต่ยังต้องปากกัดตีนถีบดิ้นรนทำงานวันต่อวัน ท่ามกลางสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าจะถูกเลิกจ้างเมื่อใดนั้นเรียกได้ว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่าในละคร

ดาวพระศุกร์อาจกลายเป็นผีเสื้อ

‘นฤพนธ์ สุดสวาท’ ชื่อนี้ผ่านเกิดในช่อการะเกด 56 (ฉบับเฉพาะกิจ) “รัฐประหารในสังคมไทย” จากเรื่องสั้น ‘ไปเก็บปลาดาว’ สมัยที่ ‘สุชาติ สวัสดิ์ศรี’ กลับมาเป็นบรรณาธิการอีกครั้ง แต่ทว่า ในบทความชิ้นนี้มิใช่ ‘ปกหลังนักเขียน’ เราเพียงจะมากล่าวถึงเรื่องสั้น ‘กลายเป็นผีเสื้อ’ ที่เข้ารอบการประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด

ว่าด้วยตัวละครที่มิใช่คนแต่เป็นจำพวกแมลงและสัตว์ที่ผู้เขียนกล่าวถึงในเรื่องสั้นกลายเป็นผีเสื้อนั้น แน่นอนว่ามีทั้ง ‘ผีเสื้อ’ ‘นกกลางคืน’ และก็มี ‘แมว’ ซึ่งภาพแทนในเชิงอุปลักษณ์เหล่านี้ ถูกนักเขียนปรุงปรนประกอบสร้างและมิใช่เพียงแค่ในระดับเดียว แต่นัยระดับที่ลึกไปกว่านั้น นักอ่านก็ถูกท้าทายให้ตีความในบริบทและขอบข่ายที่เหมาะสมด้วยเช่นเดียวกัน

เรื่องสั้นเรื่องนี้เริ่มต้นด้วย ‘มีคนตามหาเธอ เขาบอกว่าเป็นนักจับแมลง’

เนื้อเรื่องโดยสังเขป เริ่มจากมีคนมาตามหาผีเสื้อพันธุ์หายาก และมีอีกคนหนึ่งมาตามหานกกลางคืนแล้วอีกคนหนึ่งมาตามล่าหาแมว ซึ่งสรุปสุดท้ายแล้วก็เป็นคนคนเดียวกันคือ เป็นทหารมาตามล่าตัวผู้เห็นต่างทางการเมืองที่หนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ และ ‘ผม’ ตัวละครผู้เล่าเรื่องเป็นคนเจอเธอเมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้ เธอผู้วันหนึ่งกลายร่างเป็นผีเสื้อราตรี บินออกไปทางหน้าต่างแล้วไม่หวนกลับมา

ผู้เขียนใช้การเล่าย้อนความ (flashback) แต่เป็นการย้อนกลับไปกลับมาอย่างมีชั้นเชิง เราจะเริ่มทำความรู้จักตัวตนของเธอจากคนแรกที่มาตามหาผีเสื้อ คนที่สองมาตามหานกกลางคืน คนที่สามมาตามล่าหาแมว ตัวละครผมเปรียบเสมือนผู้ให้ปากคำ ‘บอกเท่าที่รู้’ ท่ามกลางความสับสนในสิ่งที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ชัดในฐานะของ ‘คนนอก’ พื้นที่ที่อยู่ติดป่าเขา มิใช่คนที่หนีมาจากในเมืองหลวง

ซึ่งเราจะพบว่าผู้เขียนมักเล่าเหตุการณ์จากปัจจุบันแล้วถอยกลับไป ‘หลังจากนั้น’ อยู่เสมอๆ

ตั้งแต่ ‘หลังราตรีโพสต์ลง’ ‘หลังจากนั้นนักจับแมลงก็ตามมาถึงบ้าน’ ‘ผมเล่าแค่ตอนราตรีหายตัวรวมถึงหลังจากนั้นอีกนิดหน่อย’ ‘เราพบกันครั้งแรกหลังป่าช้า’ ‘บ้านผมอยู่ด้านหลังอำเภอ’ (ตัวเน้นเป็นของผู้เขียนบทความ)

“เธอบอกว่าหลังจากโบยบินออกไป จะไปเกาะตามต้นไม้แถวหลังป่าช้า ก็สถานที่ที่เธอเดินออกมาในคืนนั้น นี่เธอเล่าวันก่อนจะจากไปนะ นกกลางคืนจะกลืนเธอลงสู่ท้องก่อนพาไปนอนปลอดภัยที่ชายคาบ้านใครสักคน บอกจะมีแมวมากลืนนกลงท้องต่ออีกทียิ่งเหลวไหล…”

การทบซ้อนความคลุมเครือนี้ แทบไม่ต่างไปจากตุ๊กตาแม่ลูกดกของรัสเซียที่เรียงซ้อนกันอยู่ข้างใน จากใหญ่ไปหาเล็กจะซ้อนกันกี่ตัวก็ตาม แต่ผู้เขียนก็ซุกซ่อนความนัยเชิงสัญลักษณ์เอาไว้สามชั้นด้วยกัน ว่าด้วยเรื่องผีเสื้อถูกนกกลางคืนกลืนลงท้องแล้วต่อมาแมวก็กลืนนกกลางคืนต่ออีกทอด กล่าวคือ อีกนัยหนึ่งการตามล่าหาตัวเธอที่มีกลุ่มคนคอยช่วยเป็นหูเป็นตาปกปิดอำพราง จึงซับซ้อนซ่อนเงื่อนยากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร

รวมไปถึงการค่อยๆ ตะล่อม ‘บอกไม่หมด’ โดยให้ผู้อ่านล่องไหลพัวพันไปกับเรื่องราวลึกลับเหนือจริงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ซึ่งนี่ถือเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งของผู้เขียนโดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกลายร่างเป็นผีเสื้อแล้วหายตัวไปในวันพระ การเล่าเรื่องสัตว์ตัวที่ใหญ่กว่ากลืนกินเพื่อการหลบซ่อนตัว คนตามล่าผีเสื้อ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนก นักล่ารางวัลตามหาแมว เรื่องราวลึกลับในป่าเขา ผู้อ่านจึงคล้ายนักสืบใช้แว่นขยายอ่าน ‘ความระหว่างบรรทัด’ ตามติดร่องรอยผ่านแต่ละเรื่องเล่าไปเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะหาตัวเธอผู้กลายเป็นผีเสื้อได้จากที่ใด

‘ผีเสื้อที่ไหนก็เหมือนกัน มีปีกเพื่อขยับบินไปกอดหยดน้ำ ไปกอดกลีบดอกไม้ กอดสายลมใต้ปีก หรือกอดอะไรผมไม่รู้เลย รู้เพียงว่าเธอบินจากไป’

ก่อนที่ในช่วงท้าย ผู้เขียนจะมาขมวดภาพที่กระจัดกระจายให้รวมเป็นกลุ่มก้อนความฝัน ‘ฝันถึงเธอ’ และกลายเป็นไคลแมกซ์ที่น่าจดจำของเรื่อง ไม่ต่างไปจากการชมภาพยนตร์ที่กำลังคลี่คลายเผยตอนจบ

ทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีกถูกนำมาใช้ได้ผลก็ในตอนนี้

ผีเสื้อตัวเดียวอาจจะทำอะไรไม่ได้มากหรือไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่ผีเสื้ออีกหลายล้านตัวหากขยับปีกพร้อมกันอาจสะเทือนไหวถึงดวงดาว! เช่นเดียวกับกลุ่มก้อนความคิดเห็นต่างทางการเมืองที่นับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในท้ายที่สุดคนนอกเมืองอย่างผมก็กรีฑาทัพเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเมืองกลายเป็นผีเสื้ออีกตัวหนึ่งท่ามกลางผีเสื้อนับหมื่นนับแสนล้านตัวที่อยู่ร่วมในอุดมการณ์เดียวกัน

“หากกระสุนหนึ่งนัดล้มหนึ่งคน พวกเขาควรคิดล่วงหน้าว่าต้องใช้จำนวนมากมายแค่ไหน”

วลีที่ว่า ‘อย่าให้ผีเสื้อขยับปีกพร้อมกัน’ อาจใช้ได้ผลในวันหนึ่ง และเมื่อวันนั้นมาถึง ดาวพระศุกร์อาจกลายเป็นผีเสื้อ ชนชั้นระดับล่าง กลาง กลุ่มปัญญาชน นักเรียนนักศึกษาจะรวมตัวครั้งใหญ่สมัครสมานสามัคคีพร้อมใจกลายเป็นผีเสื้อฝูงยักษ์ขยับปีกพร้อมกัน

และในวันนั้นผู้ถูกล่าจะกลับตาลปัตรกลายมาเป็นผู้ล่าอย่างมืดฟ้ามัวดิน!

นี่อาจเป็นอีกครั้งถัดจากเรื่องสั้นการเมือง ‘ไปเก็บปลาดาว’ ที่การใช้อุปลักษณ์เปรียบเปรยของนฤพนธ์สื่อสารได้อย่างตรงจุดและหวังผลสะเทือนอารมณ์ได้ดีไม่แพ้กัน (ไปเก็บปลาดาวอาจหวือหวากว่าด้วยลีลาและสำบัดสำนวน ส่วนกลายเป็นผีเสื้ออาจสงบเสงี่ยมเจียมตัวกว่า แต่ก็โรแมนติกกว่าอย่างเห็นได้ชัด)

หากใครอ่านมาถึงตรงนี้ ก็ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ตาชั่งไม่โอนเอียงไปทางหนึ่งทางใดว่า

‘กลายเป็นผีเสื้อ’ ของนฤพนธ์ สุดสวาท เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตาในเวทีประกวดมติชนอวอร์ดครั้งนี้!

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...