โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ลิขิตชะตา นางพญามารข้ามภพ [นิยายแปล]

นิยาย Dek-D

อัพเดต 01 ก.พ. 2566 เวลา 12.45 น. • เผยแพร่ 01 ก.พ. 2566 เวลา 12.45 น. • Jinovel
ชะตาขององค์หญิงขี้ขลาดผู้นี้ ข้า… พญามัจจุราช ‘ชิงอีเตี้ยน’ จะเป็นคนลิขิตใหม่เอง!

ข้อมูลเบื้องต้น

ชะตาขององค์หญิงขี้ขลาดผู้นี้ ข้า… พญามัจจุราช ‘ชิงอีเตี้ยน’ จะเป็นคนลิขิตใหม่เอง!

---------------------------------

เจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับ : Beijing Yitianxindong Network and Technology Co., Ltd

ประพันธ์โดย : 封侯拜饭 (Fēng hóu bài fàn) ลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทยถูกต้องโดย : Glory Forever

แปลภาษาไทยโดย : purple u (ศรันย์พร เจริญวัฒน์)

----------------------------------

ความหายนะข้ามภพกำลังจะเกิดขึ้น!

เมื่อ ‘ชิงอีเตี้ยน’ นางพญามัจจุราชสาวแห่งปรโลก

ต้องเข้ามาอยู่ในร่างของผีแค้นอย่าง องค์หญิง ‘ฉู่ชิงอี’

องค์หญิงผู้ถูกหักหลังจากคนรัก ที่ส่งนางไปเสียตัวให้กับชายอื่น!

ต้องเข้าร่างที่เพิ่งโดนยากำหนัดเช่นนั้นหรือ?

ไม่มีอะไรที่พญามัจจุราชสาวจัดการไม่ได้!

จะว่าไป.. หน้าตารูปร่างของ“หนุ่มน้อย” ตรงหน้าก็ค่อนข้างตรงกับรสนิยมของนางดี

แต่ทำไมมนุษย์ธรรมดาๆอย่างเขา ถึงสามารถต้านทานพลังเวทย์ของนางได้กัน!

มัจจุราชชิงอี : ข้าเสพสุขจากเจ้าไปขนาดนี้แล้ว ข้าจะทิ้งหยกนี้เป็นรางวัลแล้วกัน…..

เซ่อเจิ้งอ๋อง : ตามหานาง แม้จะต้องพลิกแผ่นดินหา ก็ต้องหาตัวนางให้เจอ!

-----------------

แนะนำช่องทางการอ่านนิยายแปลจีนสุดคุ้มกับระบบ subscribe จาก Jinovel

https://www.youtube.com/watch?v=1Z70wf-9P8A

----------------------------------

พลาดไม่ได้! อ่าน ‘ลิขิตชะตา นางพญามารข้ามภพ’
และนิยายจาก Jinovel ทั้งหมด ทุกเรื่อง ทุกตอน ไม่จำกัด
เพียง 99 บาท/ เดือน คลิกเลย >https://bit.ly/36OqKiV

---------------------------------

ติดตามได้ก่อนใคร และร่วมให้กำลังใจ นักเขียน นักแปลได้ที่นี่ เลยค่า~ >/\<

> จิ้มตรงนี้เพื่อติดตาม <


ขอแนะนำนิยายสนุกๆ คัดสรรค์มาเพื่อคุณท่านโดยเฉพาะ
อยากอ่านเรื่องไหน จิ้มได้เลย <3

รูปร่างหน้าตาไม่เลว

ราชวงศ์เหยียน ณ แคว้นเฟิ่งเทียน ช่วงปลายปีที่ 36

เรือสำราญที่ดูโอ่อ่ากำลังล่องไปตามแม่น้ำไหวเหอ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลรอบเมืองหลวงอย่างช้าๆ ตามมุมชายคาของเรือประดับไปด้วยโคมแดงที่ทำจากคริสตัล เสียงบรรเลงของเครื่องดนตรีดังไพเราะไม่ขาดสาย

ภายในห้องชั้นสามบนเรือ มีหญิงสาวในชุดนางรำที่มิได้ปกปิดเรือนร่างอันสวยงามของนางแม้แต่น้อย ส่วนใบหน้าถูกบดบังไว้ด้วยผ้าผืนบาง ซึ่งเผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่สวย กระนั้นก็มิอาจบดบังความงามได้เลย

นางมองมีดสั้นที่ซ่อนไว้ภายในแขนเสื้อ โดยมิอาจซ่อนความตื่นตระหนกได้ ทันใดนั้นบานประตูก็ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับชายหนุ่มที่มีรูปโฉมหล่อเหลาเดินเข้ามา

“อีเอ๋อร์”

“พี่เยวี่ย”

ฉู่ชิงอีตรงเข้าไปกอดคนตรงหน้า พร้อมส่งสายตาหวานซึ้งให้ชายหนุ่ม

“อีเอ๋อร์ เจ้าพร้อมหรือยัง?” ตู้หมิงเยวี่ยมองสาวงามในอ้อมกอดก็ตกตะลึงในความงดงามของนาง ปกติยามอยู่วัง นางมักสวมชุดและใช้ปิ่นปักผมเรียบๆ ดูแล้วน่าสงสาร พอนานเข้าก็เกิดรู้สึกเบื่อ แต่วันนี้นางในชุดนางรำหอนางโลมกลับดูเปล่งประกายต่างไปจากเดิม

ช่างน่าเสียดาย หญิงสาวที่งดงามเช่นนี้กลับต้องถูกคนอื่นเชยชม!

ฉู่ชิงอีกัดริมฝีปาก พร้อมกับแสดงสีหน้าลังเล “พี่เยวี่ย ข้ากลัว…”

ตู้หมิงเยวี่ยเห็นนางเริ่มมีทีท่าขี้ขลาด ยามนั้นราวกับกองไฟที่โดนสาดด้วยน้ำเย็น ควันที่ลอยฟุ้งอยู่เต็มอกแปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญ “เจ้าทำไม่ลงงั้นหรือ? นั่นสินะ เซียวเจวี๋ยทรงเป็นถึงเทพสงครามแห่งราชวงศ์เหยียน แถมฝ่าบาทยังทรงแต่งตั้งให้เป็นถึง ‘เซ่อเจิ้งอ๋อง[1]’ คอยช่วยเหลือฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่จะขึ้นครองบัลลังก์ ข้ามันก็แค่บุตรของอัครมหาเสนาบดีจะไปเทียบอะไรได้เล่า!”

ฉู่ชิงอีได้ยินดังนั้นก็รีบตอบกลับ “ข้าเปล่า! พี่เยวี่ย ท่านเชื่อข้านะ! ชั่วชีวิตนี้คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วยมีเพียงท่าน! เสด็จพ่อไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา ข้าเคยทูลเสด็จพ่อแล้วว่าข้าจะไม่แต่งงานกับเซียวเจวี๋ย แต่เสด็จพ่อไม่ทรงฟังข้าสักนิด!”

“เฮ้อ หากข้าไม่ได้เป็นบุตรของอัครมหาเสนาบดี หากท่านอาข้าไม่ได้ขึ้นเป็นฮองเฮาต่อจากฮองเฮาองค์ก่อน ฝ่าบาทก็คงไม่ทรงพรากคนรักออกจากกันเช่นนี้” ตู้หมิงเยวี่ยแสดงท่าทางเจ็บปวดใจ “แต่อีเอ๋อร์ เจ้าต้องเชื่อข้า! ขอแค่ฆ่าเซียวเจวี๋ยได้ ข้าก็จะไปกับเจ้าได้ เดินทางไปยังที่ไกลแสนไกล หลีกหนีเรื่องราววุ่นวายนี้”

“แต่ข้าได้ยินมาว่าเซียวเจวี๋ยเป็นคนยากจะคาดเดา แล้วขะ ข้าจะฆ่าเขาได้จริงหรือ?”

ตู้หมิงเยวี่ยมีสีหน้าเบื่อหน่าย เขาพยายามข่มอารมณ์ไว้ แล้วพูดต่อ “เจ้าวางใจเถอะ หลายปีก่อนเซียวเจวี๋ยได้รับบาดเจ็บจากสงคราม วิทยายุทธ์ถดถอยลงมาก ยิ่งกว่านั้นข้าสั่งให้คนวางยาในเหล้าของเขาแล้ว แค่รอยามที่เจ้ากับเขากำลังมีความสุขกัน อาศัยจังหวะนั้นเอามีดแทงเขาซะ! ต้องแทงให้โดนภายในครั้งเดียว!”

“ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

นี่เขาจะให้นางเสียตัวให้คนอื่นงั้นหรือ?

สีหน้าของนางซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดพวกนี้จากปากของตู้หมิงเยวี่ย

ตู้หมิงเยวี่ยเห็นนางน้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้ ทำให้ความอดทนของเขาหมดลง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ไยดี “ข้าไม่ถือสาเรื่องที่เจ้าโดนคนอื่นย่ำยีหรอกน่า เจ้ายังกังวลอะไรอีก? เอาล่ะ งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เจ้ารีบเตรียมตัวซะ!”

“ไม่!” ฉู่ชิงอีอึ้งมองเขา “ท่านไม่ใช่พี่เยวี่ยที่ข้ารู้จัก พี่เยวี่ยที่ข้ารู้จักไม่มีทางทำแบบนี้กับข้า! ข้าจะกลับวัง ข้า…อื้อ…”

ฉู่ชิงอีเดินได้เพียงสองก้าวก็ถูกตู้หมิงเยวี่ยปิดปากและลากตัวกลับเข้าไปข้างใน เขากระแอมสองสามครั้ง องครักษ์ด้านนอกก็รีบเข้ามากดแขนกดขานางไว้ทันที

“เอายาให้นางกินซะ!” ตู้หมิงเยวี่ยทิ้งภาพลักษณ์เก่าไปอย่างสิ้นเชิง เขาจับจ้ององครักษ์ที่กำลังเอายากรอกปากฉู่ชิงอีและบังคับให้นางกลืนมันลงไปด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

“แคก แคก แคก ท่าน นี่ท่านเอายาอะไรให้ข้ากิน!” นางหน้าซีดมองไปยังชายหนุ่ม

ตู้หมิงเยวี่ยแสยะยิ้ม “เจ้ากลัวไม่ใช่หรือ? นี่ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ! อีกเดี๋ยวเซียวเจวี๋ยก็จะมาถึงแล้ว เจ้าจะอยากพุ่งเข้าหาเขาทันทีเชียวล่ะ!”

“ท่าน นี่ท่านกล้า…ไม่นะ! ปล่อยข้า! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”

“เอะอะน่ารำคาญ ทำให้นางเงียบซะ!”

“นี่!”

หนึ่งในนั้นเอาปลอกกระบี่กระแทกไปที่หลังคอฉู่ชิงอี ภาพที่นางมองเห็นก็มืดลง แล้วท้ายทอยของนางกระแทกเข้ากับมุมเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะล้มลงไปที่พื้น

“เร่งมือเข้า เอานางไปไว้ใต้เตียง”

ตู้หมิงเยวี่ยสั่งการเสร็จก็รีบพาคนออกไป ไม่แม้แต่จะเหลียวมองนาง ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าผมดำสนิทของหญิงสาวใต้เตียงนั้นถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงฉาน บัดนี้ นางได้สิ้นลมไปเสียแล้ว

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงเพลงบรรเลงบนเรือก็พลันหยุดลง เสียงฝีเท้ามากมายดังมาจากด้านนอก กลุ่มคนชุดดำประคองชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาในห้อง

ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงจะโดนสูบหายไปหมด

“เจ้าพวกเลวทรามนั่นบังอาจนัก กล้าดียังไงมาวางยาพิษในเหล้า!” องครักษ์หลิงเฟิงพูดอย่างมีน้ำโห

ชายหนุ่มลืมตาขึ้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา แม้จะโดนพิษเล่นงาน แต่น้ำเสียงก็ยังคงเรียบเฉยเช่นเคย “จับกุมทุกคนบนเรือลำนี้ อย่าให้ใครหนีรอดไปได้”

“ท่านอ๋อง[2]แล้วท่าน…”

“แค่พิษของหร่วนกู่ส่าน[3] ข้าเดินลมปราณขจัดพิษได้ เจ้าพาคนไปเถอะ ถ้าข้าไม่ได้สั่ง ห้ามเข้ามาเป็นอันขาด”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลิงเฟิงรับคำสั่งและรีบนำคนออกไปจากห้อง

ทว่า ร่างของฉู่ชิงอีที่หมดลมหายใจไปแล้วนั้น จู่ๆ ก็ขยับกาย

ภายในความมืด ดวงตาคู่สวยพลันลืมตาขึ้น แววตาคู่นั้นทอประกายระยิบระยับแลดูน่าหลงใหล

พื้นที่ที่แสนคับแคบจนรู้สึกอึดอัด นางยื่นมือออกไปก็สัมผัสโดนเข้ากับแผ่นพื้นเตียง ถึงได้แน่ใจทันทีว่านางกำลังอยู่ที่ไห

นางเลิกหางคิ้วขึ้น เฮอะ เจ้าบ้าที่ไหนบังอาจเอานางมายัดไว้ใต้เตียงกันฮะ?

ขณะที่นางกำลังอ้าปาก ก็รู้สึกได้ถึงความแห้งผากภายในปาก ร่างกายนี้เหมือนกับถูกความร้อนจากภูเขาไฟในขุมนรกชั้นที่สิบหกแผดเผาอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ทรมานจนพูดไม่ออก บวกกับความเจ็บปวดหนักๆ ที่ท้ายทอยจนแทบทนไม่ไหว

ความทรงจำมากมายประดังเข้ามาภายในหัวของนาง

นางสะบัดหัวอย่างแรง พร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ ในที่สุดก็ได้ ‘ขึ้นมา’ ทั้งที คิดว่าจะได้ร่างดีๆ เสียอีก ดันได้ร่างที่โดนคนวางยาปลุกกำหนัดเนี่ยนะ?

ฤทธิ์ยานี่…ท่าจะแรงไม่เบา

ยามนี้นางรู้สึกราวกับมีมดไต่ไปทั่วร่างกาย มันทั้งอัดอั้น และเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจบรรยายได้

“นั่นใคร!” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมาจากด้านบน

เสียงหึ่งดังขึ้นในหัวของชิงอี ภายใต้การควบคุมของฤทธิ์ยา ทำให้นางคลานออกมาจากใต้เตียง

นัยน์ตาของนางสะท้อนใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับภาพที่ถูกวาดขึ้นอย่างประณีต ใบหน้าของเขาขาวซีดดูอ่อนแรง ชุดสีขาวสะอาดตาที่เขาสวมใส่นั้นไร้ซึ่งฝุ่นผง ความเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเขาช่างเย็นยะเยือกและดูห่างเหินราวกับคมกระบี่ต้องหิมะ

ดวงตาคู่คมคล้ายดอกท้อหรี่ตาลง นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับหมึกดูล้ำลึกยากหยั่งถึง แค่มองเพียงครู่เดียวก็ราวกับว่าวิญญาณถูกดูดเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

รูปโฉมที่งดงามยิ่งกว่าผลงานศิลปะชั้นสูง เรียกได้ว่าเกินบรรยาย

ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนเขาไม่สามารถขยับตัวได้ ชิงอีที่มีสภาพไม่ต่างจากผีโผล่ออกมาจากใต้เตียง ชายหนุ่มกลับทำได้แค่จ้องมองนิ่งๆ มากสุดคือหรี่ตาลงเล็กน้อย จนบัดนี้แม้แต่จังหวะลมหายใจของเขาก็แทบไม่ต่างไปจากเดิมเลยสักนิด มันกลับสงบเสียจนทำให้ผู้คนอยากจะเห็นเขากระวนกระวาย

ใบหน้าของชิงอียังคงถูกผ้าคลุมปิดไว้ ผิวสีชมพูระเรื่อที่โผล่พ้นผ้าคลุมช่างล่อตาล่อใจยิ่งนัก เพียงเสี้ยวหน้าก็รับรู้ถึงความงามที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้า ทว่า แววตาของนางกลับเย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยความทะนง สายตาค่อยๆ สำรวจใบหน้า และร่างกายของเขา ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับตรวจสอบสินค้า จากการสำรวจดูท่าว่าชายหนุ่มน่าจะเป็นคนชนชั้นสูงทีเดียว ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ นางถึงเอ่ยปากขึ้น “รูปร่างหน้าตาไม่เลว พอให้ข้าฝืนใจร่วมเตียงด้วยได้”

****************************

[1] เซ่อเจิ้งอ๋อง หมายถึง ตำแหน่งของอ๋องที่ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ได้ โดยมากเป็นองค์ชายหรือเครือญาติของฮ่องเต้

[2] อ๋อง หมายถึง บรรดาศักดิ์ชั้นพิเศษ ‘อ๋อง’ หรือที่รู้จักกันว่า ‘หวัง’ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งอ๋องโดยมากเป็นพระโอรส พระเชษฐา หรือพระอนุชาของฮ่องเต้

[3] หร่วนกู่ส่าน หมายถึง ชื่อตำรับยาพิษที่ใช้ในนิยายจีนโบราณ คนที่โดนพิษนี้จะทำให้ร่างกายไร้เรี่ยวแรง เป็นคนละอย่างกับตำรับยาหร่วนกู่ส่านที่ใช้ในปัจจุบัน

---------------------------------

ติดตามได้ก่อนใคร และร่วมให้กำลังใจ นักเขียน นักแปลได้ที่นี่ เลยค่า~ >/\<

> จิ้มตรงนี้เพื่อติดตาม <

เงินรางวัลของเจ้า

ฝืนใจร่วมเตียงด้วยได้?

ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย และยังคงมีท่าทีนิ่งเฉยเช่นเคย

ชิงอีเห็นท่าทีเช่นนั้นถึงกลับคลี่ยิ้มเย็น

นางนิยมชมชอบหนุ่มรูปงามอยู่แล้ว แถม ‘หนุ่มน้อย’ ตรงหน้าค่อนข้างตรงกับรสนิยมของนางอีก นอกจากฤทธิ์ของยาแล้ว ท่าทีสงบเยือกเย็นนั่นยังกระตุ้นอารมณ์ของนางได้ดีทีเดียว

นางรู้ดีว่าสิ่งที่แฝงอยู่ภายใต้ท่าทีสงบเยือกเย็นนั่นคืออะไร แถมชายคนนี้มีบรรยากาศที่นางคุ้นเคย ท่าทีเช่นนี้มักมีเพียงผู้ที่มีตำแหน่งสูงศักดิ์หรือฝีมือแข็งแกร่งเท่านั้น

ท่าทีสงบเยือกเย็นไม่สนใจใคร

มันเป็นกิริยาที่ผู้แข็งแกร่งใช้เหยียดหยามผู้อ่อนแอ หรือ…เขาคิดว่าทุกอย่างในตอนนี้ยังอยู่ภายใต้ความควบคุมของตน

ช่างน่าสนใจจริงๆ

นางตวัดลิ้นเลียริมฝีปากแดง แล้วส่งยิ้มยั่วให้ชายหนุ่ม “ข้าเป็นคนมีมนุษยธรรมพอ ก่อนจะเชยชมเจ้า ข้าขอถามเจ้าเสียก่อนว่าเจ้ายินยอมให้ข้าเชยชมหรือไม่?”

“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว”

“ถ้าข้าต้องการต่อให้เจ้าไม่ยินยอม ยังไงเสียเจ้าก็ต้องยอมอยู่ดี”

“หนุ่มน้อย วันนี้นับว่าเป็นโชคดีของเจ้า”

ชายหนุ่มที่ฟังนางพูดพร่ำมาตั้งแต่ต้น โดยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่พอได้ยินคำว่า ‘หนุ่มน้อย’ ครู่หนึ่งรอยยิ้มแปลกๆ ก็ผุดขึ้นบนหน้าของเขา

ก่อนจะถามย้ำ ราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด

“เจ้าคิดจะร่วมเตียงกับใคร?”

“กับเจ้ายังไงล่ะ” นางตอบคำถาม พลางถอดชุดที่สวมใส่ออกจนหมด แล้วยืนต่อหน้าเขาอย่างไร้ซึ่งความละอาย ท่าทางเย่อหยิ่งนั่น ไม่ต่างจากชายสูงศักดิ์ที่เข้าไปเด็ดดอมดอกไม้ในหอนางโลมไม่มีผิด

แหม ช่างดุดัน และมีเสน่ห์เสียจริง

ชายหนุ่มมองนางด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ไม่ได้หวั่นไหวไปกับความงามตรงหน้าแม้แต่น้อย แถมยังมองด้วยความเย้ยหยันเสียด้วยซ้ำ

ร่วมเตียงกับเขางั้นหรือ?

เมื่อเทียบกับเหล่าสตรีในอดีตที่พยายามเสนอตัวให้กับเขาแล้ว หญิงสาวนางนี้อาจหาญกว่าเหล่าสตรีที่ผ่านมาเป็นไหนๆ

“หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะรีบวางมือเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะอย่างน้อยก็ยังพอจะรักษามือของตัวเองเอาไว้ได้” ชายหนุ่มเตือนเสียงเรียบ ในระหว่างที่มือสวยราวกับหยกเคลื่อนไปยังขอบกางเกงของเขา

“น่ากลัวจัง” ชิงอีทำน้ำเสียงหวาดกลัว นางสบตากับชายหนุ่มโดยไม่มีทีท่าว่าจะหลบ ยิ่งทำให้นางไม่เพียงแค่วางท่าทีใหญ่โตยิ่งขึ้น แต่ยังทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นจนคิ้วกระตุก “ยิ่งเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ยิ่งอยากลองน่ะสิ”

ชายหนุ่มหรี่ตามอง นางนี่ช่าง…

ในตอนนั้นเอง มือของนางก็เอื้อมมาที่ผ้าคาดเอว

พรึ่บ!

เสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องออกจนหมด

ในที่สุดสีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ทั้งมึนงง ประหลาดใจ และโกรธเป็นอย่างมาก

นี่นางกล้าลงมือจริงๆ หรือ?

หลิงเฟิงกับองครักษ์เงาที่คอยคุ้มกันอยู่ด้านนอก ทำไมถึงไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรเลย? ชายหนุ่มรู้แล้วว่าทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมของเขา แต่ก็สายไปเสียแล้ว

ขายาวเรียวของนางย่างเท้าเข้ามาดุจดั่งนางพญา จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น

ชิงอีค่อยๆ ลืมตาคู่สวยอย่างเชื่องช้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยหนุ่มน้อย ข้าบอกแล้วว่าจะร่วมเตียงกับเจ้า เช่นนั้นข้าจะปล่อยให้พวกองครักษ์ไร้ฝีมือของเจ้ามาทำให้เสียอารมณ์ได้อย่างไรล่ะ จริงไหม?”

ร่วมเตียงคือร่วมเตียง คำไหนคำนั้น นี่แหละคือวิถีของราชินี!

ทุกอย่างดำเนินไป

จนกระทั่งสุขสม

ชิงอียันตัวขึ้นแช่มช้า ความเจ็บแปล๊บเกิดขึ้นบนบางส่วนของร่างกาย จนนางต้องย่นหน้า พอหลุบตาก็พบกับรอยเลือดบนเตียง นางส่งเสียง ‘จิ๊’ ออกมา

ชายหนุ่มที่หลับตาอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ถึงแววตาจะเย็นชา แต่กลับไม่ได้รู้สึกโมโหเท่าที่คิด ออกจะเป็นความรู้สึกเฉยเมยราวกับเป็นเพียงผู้ชม คล้ายว่าคนที่โดนขืนใจเมื่อครู่ไม่ใช่ตนเสียอย่างนั้น

หากมองข้ามเส้นเลือดที่ปูดขึ้นบนหน้าผากของเขาไป ไม่แน่ชิงอีอาจรู้สึกว่าเมื่อครู่เขาเองก็สุขสมไม่แพ้กัน?

“เจ้าเป็นใคร?” สายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของเขาจ้องไปที่นาง

ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ชิงอีเบะปากรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

จากประสบการณ์ที่ได้ลองเองเมื่อครู่บอกเลยว่าไม่สบายตัวสักนิด ข้อแรกร่างกายนี้เพิ่งจะเสียความบริสุทธิ์ ข้อสองตลอดเวลาที่ร่วมเตียง ฝ่ายตรงข้ามเอาแต่ส่งสายตาพิฆาตมาให้ หากไม่ใช่เพราะฤทธิ์ยาทำให้นางทนไม่ไหวแล้วละก็ นางคงไม่มีแรงทำจนจบแน่

ไอ้ท่าร่วมรักให้ผู้หญิงอยู่บนเนี่ย เหนื่อยชะมัด

“จนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าข้าคือใคร? ที่แท้อาหารมันไปบำรุงแค่หน้าเจ้าอย่างเดียวสินะ ไม่ได้ส่งไปบำรุงสมองเลยงั้นสิ” ชิงอีพิงเตียงพลางยิ้มอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมกับจ้องมองเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มอย่างมีความสุข ไร้ซึ่งความเกรงใจใดๆ ก่อนจะให้คำตอบที่ดีที่สุดแก่คนตรงหน้า “ข้าเสพสุขจากเจ้าไปขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเป็นลูกค้าน่ะสิ~”

“ถึงแม้ว่าหน้าตาเจ้าจะไม่เลว แต่การปรนนิบัติกลับแย่มาก โดยเฉพาะสีหน้าอย่างกับศพ เมื่อครู่ผีหื่นในปรโลกเห็นเจ้ายังหมดอารมณ์เลย”

อุณหภูมิในห้องลดฮวบไปยังจุดเยือกแข็งอย่างเฉียบพลัน แต่ชิงอีเหมือนจะไม่รู้ตัว นางยังคงสวมใส่เสื้อไปพลางพูดไปพลาง

หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ละก็ ร่างกายของนางคงจะมีรูพรุนนับไม่ถ้วนไปแล้ว

หลังจากแต่งตัวเสร็จ นางหันกลับมาก็พบว่าดวงตาดอกท้อที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของหนุ่มรูปงามยังคงจับจ้องนางอยู่

นางจิ๊ปาก “เอาเถอะ ลูกค้าย่อมมีหลักการของลูกค้า เจ้าวางใจได้ข้าไม่ให้เจ้าเสียตัวฟรีๆ หรอก” พูดจบนางก็ค้นทั่วตัว มือบางสัมผัสเข้ากับหยกที่ห้อยอยู่บนคอของตน ดูแล้วน่าจะมีราคาไม่น้อย นางกระตุกสร้อยหยกแล้วโยนลงบนร่างของชายหนุ่ม “เจ้าไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย ใช้แค่ร่างกายเท่านั้น ข้าว่าต่อให้เด็กที่นี่ใช้วิธีมากมายบำเรอเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่โตคืนหนึ่งก็คงจะหาได้ไม่เยอะเท่าเจ้า เฮ้อ ถึงแม้จะให้เจ้าเยอะไปหน่อย ข้าจะถือเสียว่ายอมให้เจ้าเอาเปรียบแล้วกัน”

ข้า-เนี่ย-นะ-เอา-เปรียบ?

เซียวเจวี๋ยหรี่ตาลงจนเป็นเส้นเดียว นี่นางพูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว แล้วยังมาบอกว่าแม้แต่พวกเด็กรับแขกของหอนางโลม เขาก็สู้ไม่ได้เนี่ยนะ!

“หนุ่มน้อย ข้าไปก่อนล่ะ พวกเราคงไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว ต่อให้มีพรหมลิขิตก็ไม่มีทางเจอแน่นอน” ชิงอีเดินที่หน้าต่าง เตรียมหนี เสียงทุ้มต่ำเย็นชาของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”

ชิงอีชะงักส่งยิ้มท้าทายกลับไปให้ชายหนุ่ม “ก็ลองดูสิ?”

พูดจบเงาของนางก็หายไปในความมืดด้านนอกหน้าต่าง

เซียวเจวี๋ยเรียกหลิงเฟิงที่อยู่ด้านนอกอีกครั้ง ในที่สุด ด้านนอกก็มีความเคลื่อนไหว หลิงเฟิงรีบพาคนเข้ามา ภาพที่เห็นทำให้ลูกตาของหลิงเฟิงแทบหลุดออกมาจากเบ้า

ทะ ท่านอ๋อง ท่านทรงโดนอะไรมาพ่ะย่ะค่ะ!

เขาไม่รีรอรีบรุดเข้าไปช่วยท่านอ๋องแต่งตัว

“รีบไปจับหญิงสาวผู้นั้นกลับมาเดี๋ยวนี้”

หญิง หญิงสาว?

หลิงเฟิงมือค้าง “ท่าน ท่านอ๋อง หญิงสาวที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เขาคุ้มกันอยู่ข้างนอกตลอด ไม่เห็นจะมีหญิงสาวสักนาง!

แววตาของเซียวเจวี๋ยเคร่งขรึมจนคนรอบข้างกลัว เขามองไปยังหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้

หลิงเฟิงตัวสั่นขึ้นมา ไม่รู้ตัวนานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็นท่านอ๋องพิโรธถึงเพียงนี้? เมื่อเขามองไปที่หน้าต่างสีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน หรือว่าเมื่อครู่จะมีหญิงสาวซ่อนตัวอยู่ภายในห้อง!

“เร็วเข้า! ตามหาให้ทั่ว พาตัวหญิงสาวทุกคนบนเรือลำนี้มาให้หมด!” หลิงเฟิงรีบออกคำสั่งเหลือบมองเซียวเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ ซึ่งยังคงแผ่ไอเย็นออกมาไม่หยุด หลิงเฟิงยังคงกังวลไม่หาย “ท่านอ๋อง ทะ ท่านทรงไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!”

หลิงเฟิงลองเลียบๆ เคียงๆ ถาม แต่พอสบเข้ากับสายตาพิฆาตของเซียวเจวี๋ยก็รีบหลบแทบไม่ทัน

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หญิงสาวคนนั้นทำอะไรกับท่านอ๋อง? ไหนจะสภาพของท่านอ๋องเมื่อครู่อีก? หรือว่านางอาศัยช่วงที่ท่านอ๋องโดนวางยาพิษขืนใจเขา?

แค่คิดหลิงเฟิงก็อกสั่นขวัญแขวนแล้ว หญิงสาวนางนั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร นางจะใจกล้าเกินไปแล้ว!

เวลาผ่านไป

หลังจากที่เซียวเจวี๋ยเดินลมปราณขจัดพิษเสร็จ เขาก็ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ชายหนุ่มมองชุดนางรำบนพื้นที่หญิงสาวถอดทิ้งไว้ ผ้าปูเตียงที่อยู่ไม่ไกลยังคงมีรอยเลือดของนางเปื้อนอยู่

คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย เลือดนั่นคือ…

ทันใดนั้น หลิงเฟิงที่มีสีหน้าคร่ำเครียดก็เดินเข้ามา

“กระหม่อมไร้ความสามารถ หญิงสาวนางนั้น…หายตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”

เซียวเจวี๋ยไม่แปลกใจเท่าไรนักนางฝีมือร้ายกาจไม่เบา ตอนนั้นเขาเรียกหลิงเฟิงจากข้างในห้อง แต่คนฝีมือระดับหลิงเฟิงกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

“ตามหาต่อไป แม้จะต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหานางให้เจอ” ดวงตาสีดำราวกับสีหมึกของเซียวเจวี๋ยวาวโรจน์ขึ้น ชายหนุ่มกำหมัดแน่นรับรู้ถึงของแข็งๆ ภายในมือ เขาก้มลงมองหยกในมือตน

หลิงเฟิงที่เห็นเข้าก็เผลอถามออกมา “ท่านอ๋อง หยกนั่นคือ?”

ฮึ…

อยู่ดีๆ ใบหน้าราวกับภาพวาดของเซียวเจวี๋ยก็ปรากฏรอยยิ้มน่ากลัว นิ้วเรียวงามทั้งห้าบีบหยกในมือแน่

“นี่ก็คือเงินรางวัลของข้าไง…”

หลังจากหลิงเฟิงเห็นรอยยิ้มนั่น ขนทั่วร่างของเขาต่างพากันลุกชัน เงินรางวัลเนี่ยนะ?

หรือว่าหญิงสาวนางนั้นจะคิดว่าท่านอ๋องเป็นพวกหนุ่มรับแขกของที่นี่เลยร่วมเตียงด้วย? แถมยังให้เงินรางวัลอีก?

นี่มันบ้าชัดๆ ปีศาจสาวนางนี้โผล่มาจากไหนกัน แล้วนางเติบโตมาด้วยดีหมีหรืออย่างไร?

---------------------------------

ติดตามได้ก่อนใคร และร่วมให้กำลังใจ นักเขียน นักแปลได้ที่นี่ เลยค่า~ >/\<

> จิ้มตรงนี้เพื่อติดตาม <

บอบบางและใสซื่อ

ชิงอีหาวอย่างเบื่อหน่าย นางถอดชุดของบุรุษออกเปลี่ยนมาเป็นชุดของสตรี แล้วมายืนมองอยู่หน้ากระจก ทว่า ยิ่งมองก็ยิ่งขัดใจ

เด็กสาวหน้าตาสะสวย เรียบร้อยในกระจกนี่คือใครกัน?

นางเป็นถึงพญามัจจุราชสาวชิงอีเตี้ยนแห่งปรโลก มีรูปร่างเย้ายวนชวนฝันราวกับนางแมวยั่วสวาท เจ้าของฉายาเสียงคำรามแห่งขุมนรกที่มีเหล่าผีนับหมื่นเป็นบริวาร เพียงแค่นางส่งสายตาเชิญชวนบรรดาผีน้อยต่างก็พากันหลงนางหัวปักหัวปำ

ไม่เหมือนกับคนในกระจกนี่ ยามขมวดคิ้วกลับดูเหมือนคนจะร้องไห้ ยามโกรธกลับดูเหมือนคนโกรธที่เหนียมอาย

ให้ตายสิ ขนาดเบ้ปากยังดูน่ารักออดอ้อน

แหวะ—

นี่มันรูปโฉมของหญิงสาวอ่อนแอ น่าทะนุถนอมชัดๆ!

ไหนจะยังหน้าอกนี่อีก เฮอะ ไม่มีเหตุผลเลย ล้อนางเล่นใช่ไหม?

นางหลับตาแล้วลองสัมผัสมัน ความรู้สึกตอนที่สัมผัสมิได้แน่นเท่ากับยามที่สัมผัสหนุ่มน้อยนั่น

นางถึงกับกุมขมับ ยังดีที่มีใบหน้างดงามกับรูปร่างอรชรเลยยังพอทน ส่วนสิ่งที่ไม่มีก็ค่อยเติมเต็มทีหลังแล้วกัน!

นางเท้าเอวหมุนไปมาอยู่หน้ากระจก จู่ๆ นางก็เงยหน้าขึ้นมองเงาดำบนคานใต้หลังคา พร้อมกับสั่งเสียงเข้ม “ลงมา”

แมวดำตัวอวบอ้วนจนมองไม่เห็นกรงเล็บ มันกำลังส่ายสะโพกไปมา หางตั้งตรงราวกับไม้ทุบผ้า มันกระโดดลงจากคาน จากนั้นกระโดดมายืนบนโต๊ะเครื่องแป้งตรงหน้านาง นัยน์ตาสีเขียวหมองหม่นดูไม่สบอารมณ์ ทั้งที่เป็นแค่แมว แต่สีหน้าแววตากลับแฝงความเป็นมนุษย์เอาไว้

“ข้าว่าแล้ว ทำไมตอนข้าฟื้นขึ้นมา ถึงไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้า ที่แท้ก็มาอยู่ในร่างสัตว์เดรัจฉานนี่เอง แต่ก็ดูเหมาะกับเจ้าดีนะ” ชิงอีคลี่ยิ้ม อยู่ๆ เจ้าแมวอ้วนตัวนั้นก็ร้องเหมียว ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง ซึ่งหากรอบข้างมีคนอยู่ ป่านนี้คงตกใจจนวิญญาณออกจากร่างแน่

“อย่างกับท่านดีนักล่ะ? ดูสารรูปบอบบางใสซื่อในตอนนี้สิ มีรูปร่างหน้าตาแบบที่ท่านรำคาญสุดๆ รู้สึกดีไหมล่ะ?”

แววตาของชิงอีแปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม นางเลียริมฝีปากแดง “ฮึ ข้าว่าอาหารว่างคืนนี้เป็นเนื้อแมวก็ไม่เลวนะ เจ้าว่าไหม?”

เจ้าแมวอ้วนตัวสั่น ไม่ปากดีเหมือนตอนแรก และพยายามเปลี่ยนเรื่อง “เจ้าของร่างนี้มีนามว่า ‘ฉู่ชิงอี’ ค่อนข้างคล้ายคลึงกับท่าน ว่าแต่ท่านแอบมาที่โลกมนุษย์เช่นนี้ แถมขึ้นมาก็ใช้พลังเลย ไม่กลัวบรรดผู้เฒ่าผีข้างล่างนั่นหาท่านเจอหรือ?”

“หากเจ้าโผล่มาเร็วกว่านี้ มีหรือที่ข้าจำเป็นต้องใช้พลัง?” ชิงอีย้อน “พวกไร้ประโยชน์”

“ข้าเนี่ยนะไร้ประโยชน์? ข้าเป็นถึงผู้ดูแลสมุดบันทึกความตายแห่งปรโลกเชียวนะ!” แมวอ้วนโต้กลับอย่างฉุนเฉียว “ไม่ใช่เพราะท่านไม่ยอมเดินตามทางสงสารวัฏ[1]แล้วแอบหนีขึ้นมาเช่นนี้หรือไง ข้าถึงต้องมาอยู่ในร่างนี้!”

“เฮอะ หากรอเดินตามสงสารวัฏนั่นแล้วค่อยขึ้นมา เจ้าผู้เฒ่าพวกนั้นคงจะหาโอกาสลบความทรงจำกับพลังของข้าก่อนน่ะสิ การที่ข้าต้องมายังโลกมนุษย์เช่นนี้ ไม่ใช่เพราะฝีมือเจ้าพวกนั้นหรือไง?” ชิงอีพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ที่ปรโลกปั่นป่วนมานานนับพันปีไม่ใช่เพราะเจ้าพวกนั้นหรือ หากเย่เหยียนฟื้นขึ้นมาละก็ พวกผู้เฒ่าผีนั่นได้โดนปลดออกจากตำแหน่งพญามัจจุราชทั้งสิบแน่!”

“พ่ะย่ะค่ะๆ ท่านเย่เหยียนทรงเป็นพระเชษฐาแท้ๆ ของท่าน ยังไงเสียก็มีผู้ที่คอยหนุนหลังท่านอยู่แล้ว”

เจ้าแมวอ้วนเบ้ปาก แต่เพราะหน้ามีเส้นประสาทไม่มากนัก จึงดูเหมือนกำลังหาวอยู่เสียมากกว่า

นางไม่เชิงยิ้มพลางมองไปที่เจ้าแมวอ้วน จู่ๆ เจ้าแมวอ้วนก็หุบปากลง มันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงรีบกระโดดกลับขึ้นไปบนคานอีกครั้ง

ประตูถูกผลักเข้ามา แล้วหญิงสาวในชุดนางกำนัลฝ่ายในก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นชิงอีก็ตกใจ แต่ก็ปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว

“องค์หญิงใหญ่เพคะ! ทำไมท่าน…ยังไม่เข้าบรรทมอีกล่ะเพคะ…” เสาเหย้าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนคำ

ชิงอีถอดเสื้อคลุมทิ้งลงบนพื้น เผยให้เห็นเรือนร่างงามระหง “ข้าจะเข้านอนเมื่อไร เวลาไหนต้องให้เจ้ามาสั่งด้วยหรือ?”

“หม่อมฉันมิกล้า หม่อมฉันจะไปบังอาจสั่งองค์หญิงได้อย่างไรเพคะ” ดวงตาของเสาเหย้าฉายแววดูแคลน เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนนางคงปฏิบัติต่อเจ้าของร่างด้วยท่าทีเหิมเกริมเพียงใด พูดจบนางถึงได้เห็นว่าชิงอีกำลังจ้องตนด้วยสายตาเย็นชาพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย

เสาเหย้าขมวดคิ้วเล็กน้อย จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยดี นางคว่ำปากลงพลางหมุนตัวเดินออกไป

“ข้าสั่งให้เจ้าออกไปแล้วหรือไง?” น้ำเสียงน่าเกรงขามดังขึ้นจากด้านหลัง เสาเหย้าหันกลับไปมองนางด้วยแววตาไม่พอใจ “องค์หญิงยังทรงมีรับสั่งอะไรอีกเพคะ?”

ชิงอีชี้นิ้วไปที่พื้นก่อนจะชี้ไปยังตู้เสื้อผ้าด้านหลัง “ชุดพวกนั้นคืออะไร? ไม่สีขาวก็สีเทา คนตายยังไม่ใส่สีจืดชืดพวกนี้เลย เอาไปทิ้งซะ ไปเอาสีที่มันฉูดฉาดกว่านี้มา”

เสาเหย้าได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจ จ้องนางด้วยแววตาสงสัย ทำไมวันนี้นางชิงอีดูต่างไปจากปกติ?

เมื่อก่อนอย่าว่าแต่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดเลย แม้แต่ปิ่นปักผมที่ดูหรูหราหน่อยยังไม่กล้าใช้ มีแต่จะคอยหลบอยู่ตามซอกหลืบ กลัวที่จะเป็นจุดสนใจ

แต่ในเมื่อนางพูดมาเช่นนี้ เสาเหย้าก็จะหาให้

แม้ชิงอีจะไม่ได้เป็นที่โปรดปรานนัก แต่นางก็เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ ผ้าที่เอามาทำชุดต่อให้ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่แย่เกินไป หากวานให้คนเอาไปขายนอกวังคงได้เงินมาไม่น้อย

ส่วนพวกเสื้อผ้าสีฉูดฉาดนั่น เสาเหย้าคิดในใจอย่างเย้ยหยัน ช่างทำชุดจะยอมตัดให้องค์หญิงผู้ตกต่ำอย่างนางหรือไม่ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!

เสาเหย้าที่กำลังไล่เก็บเสื้อผ้าก็เจอเข้ากับเสื้อคลุมตัวโคร่ง แววตาของนางไหววูบเพียงครู่หนึ่ง นี่มันเสื้อคลุมของผู้ชายชัดๆ!

นางพลันคิดอะไรขึ้นได้ เมื่อเห็นว่าชิงอีไม่ได้สนใจ นางเลยรีบเอาเสื้อชุดอื่นห่อเสื้อคลุมนั่นไว้ แล้วตั้งท่าจะหอบกองเสื้อผ้าออกไปข้างนอก

“ช้าก่อน…” ชิงอีเอ่ยกล่าวขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

เสาเหย้าใจเต้นระส่ำด้วยความตื่นกลัว หรือว่านางชิงอีจะเห็นที่นางแอบทำเมื่อครู่?

“ไปตักน้ำมาหน่อย ข้าจะอาบน้ำ”

“องค์หญิงเพคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว พระองค์จะสรงน้ำอะไรอีก…” เสาเหย้าถามกลับเสียงแข็ง พอเงยหน้าขึ้นก็สบตากับชิงอีที่มองมา วินาทีนั้นราวกับโดนเทพแห่งความตายจ้องมองก็ไม่ปาน ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาในร่างกายและจิตใจ

แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่ เพราะความรู้สึกนั้นก็สลายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่านางหลอนไปเอง

นางดึงสติกลับมา แล้วมองใบหน้างดงามหมดจดที่ไร้ความรู้สึกของชิงอี ในใจก็ยังนึกสงสัยไม่หาย

เมื่อครู่…นางคิดไปเองหรือ?

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรรอยยิ้มของชิงอีที่นางเห็น ยามนี้ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่น ประหนึ่งโดนเปลื้องผ้าออกจนหมด แล้วให้ยืนต่อหน้าผู้คนอย่างไรอย่างนั้น

กลัวก็แต่จะถูกชิงอีจับได้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในกองผ้า นางสบถอย่างแค้นใจ และรีบพาตัวออกจากตำหนัก จึงไม่ทันได้เห็นสายตาเย้ยหยันของชิงอีที่มองมาจากข้างหลัง

เสาเหย้าจ้ำเท้ากลับมาที่ห้องพักเล็กๆ ของตน นางหยิบเสื้อคลุมตัวโคร่งไปซ่อนเอาไว้ หลังจากลงกลอนห้องก็รีบเรียกขันทีน้อยมา นางกระซิบบอกขันทีคนนั้น “รีบไปทูลเบื้องบนว่าองค์หญิงใหญ่กลับมาแล้ว!”

หลังจากที่เสาเหย้าสั่งให้คนไปรายงาน นางก็ใช้เรื่องที่ชิงอีจะอาบน้ำเป็นข้ออ้างในการไล่คนอื่นในตำหนักออกไปจนหมด เพราะนางเป็นถึงหัวหน้านางกำนัลแห่งตำหนักเชียนชิว แต่ไหนแต่ไรนางสามารถสั่งการเรื่องต่างๆ ได้เอง หากไม่ใช่เพราะตำแหน่งที่มี เกรงว่านางจะไม่เห็นหัวองค์หญิงใหญ่เสียด้วยซ้ำ ยามปกตินางกำนัลรับใช้เช่นนางก็ไม่ค่อยจะไว้หน้าเจ้านายอยู่แล้ว

ถ้าให้พูดคงเพราะชิงอีเป็นคนหัวอ่อน ถึงได้ถูกรังแกได้ง่ายๆ

เมื่อเสาเหย้าวางท่าน่าเกรงขามเสร็จ พลันนึกถึงเสื้อคลุมของผู้ชายตัวนั้น แล้วคิดว่าไม่แน่นางอาจจะจับจุดอ่อนของชิงอีเอาไว้แล้ว ในจังหวะที่นางเงยหน้าขึ้นอย่างพึงพอใจก็เห็นเงาสีขาวลอยทะลุประตูเข้าไปที่ห้องอาบน้ำ

นางตกใจเป็นอย่างมาก ถึงกับต้องขยี้ตาอยู่หลายครั้ง สิ่งที่เห็นเมื่อครู่ มันคืออะไรกัน?

****************************

[1] สงสารวัฏ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตด้วยอำนาจกิเลส กรรม วิบาก หมุนวนอยู่เช่นนั้นตราบเท่าที่ยังตัดกิเลส กรรม วิบากไม่ได้

---------------------------------

ติดตามได้ก่อนใคร และร่วมให้กำลังใจ นักเขียน นักแปลได้ที่นี่ เลยค่า~ >/\<

> จิ้มตรงนี้เพื่อติดตาม <

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...