ชีวิต-สำริด นิทรรศการเชิดชูศิลปินชั้นครู ‘ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์’
มีโอกาสได้พบกับนินนาและนิเภา เมืองสมบูรณ์ หลานปู่ของศิลปินแห่งชาติ ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ประติมากรรมชั้นครู ผู้ที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี กล่าวว่า “เป็นศิลปินซึ่งเกิดมาสำหรับปั้นสัตว์เหมือนจริงและในงานประเภทนี้แล้วนับว่าหาตัวจับยาก"
เนื่องจากประติมากรในยุคนั้นนิยมปั้นรูปบุคคล หรือสร้างงานอนุสาวรีย์เป็นส่วนใหญ่ มีเพียง ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ที่นำความน่ารักของสัตว์ต่างๆมาถ่ายทอดเป็นงานประติมากรรม สะท้อนถึงความงามของชีวิตที่เรียบง่ายแต่จับใจเมื่อได้เห็น
นิเภาและนินนา เมืองสมบูรณ์ หลานปู่ของ ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ศิลปินแห่งชาติ
“ตกใจ”ปั้นเมื่อพ.ศ. 2503
นินนา เล่าว่าเติบโตมาได้เห็นคุณปู่ทำงาน ได้เห็นรูปปั้นสัตว์ต่างๆที่ส่วนมากเกิดจากความรู้สึกที่คุณปู่บอกว่า “น่ารัก” ยกเว้นประติมากรรมรูปสัตว์บางชิ้นที่เกิดจากความรู้สึกเศร้า สะเทือนใจ
“ไปค้นหาในกูเกิ้ลจะพบว่ามีคนตีความไปมากมาย ความจริงแล้วตอนนั้นคุณปู่กำลังอกหักค่ะ เป็นช่วงที่มีเรื่องไม่เข้าใจกับคุณย่า แต่ท้ายที่สุดก็กลับมาคืนดีกันนะคะ” นินนา ครูและนักบัลเล่ต์ เฉลยที่มาของประติมากรรมชื่อ ตกใจ ที่ปั้นขึ้นในปี พ.ศ. 2503 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ขอให้ปั้นเพื่อนำไปร่วมแสดงในงานศิลปกรรมแห่งชาติ ไพฑูรย์เคยเล่าถึงผลงานชิ้นนี้ไว้ว่า
“บังเอิญเป็นช่วงที่มีเหตุสะเทือนใจในชีวิตบางอย่างเลยเลือกปั้นรูปกวางในอาการตกใจ สังเกตดูสีหน้าของกวางจะดูเศร้าๆ เพราะอารมณ์ช่วงนั้นของผมมันเศร้า"
ส่วนผลงานที่เริ่มต้นด้วยความน่ารักและเป็นที่มาของประติมากรรมรูปสัตว์ต่างๆ นินนาเล่าว่าเกิดขึ้นจาก ไก่ไม่มีขน หรือ ประติมากรรมชื่อ ลูกไก่ ปั้นขึ้นเมื่อพ.ศ.2487
ลูกไก่ ปั้นเมื่อพ.ศ.2487
วันหนึ่งคุณปู่พายเรือไปวาดรูปสีน้ำกับอาจารย์สวัสดิ์ ตันติสุข เผอิญไปเห็นลูกไก่แรกรุ่นตัวเล็กๆขนยังไม่ขึ้น เห็นแล้วน่าเอ็นดูเลยขอยืมจากเจ้าของแล้วนำมาเป็นแบบปั้นที่โรงหล่อ กรมศิลปากร อาจารย์ศิลป์เห็นทีแรกก็ตกใจ แต่เมื่อปั้นเสร็จอาจารย์ศิลป์ชอบใจส่งไปแสดงที่อังกฤษ ปรากฏว่าคนอังกฤษชื่นชอบมาก จึงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้มีผลงานปั้นรูปสัตว์มากมายในเวลาต่อมา
ลูกวัว ปั้นเมื่อ พ.ศ.2494
"ชิ้นนี้ปั้นที่กรมการสัตว์พญาไท ปัจจุบันคือกรมการแพทย์ทหารบก ไปอุ้มลูกวัวออกมาจากคอกเห็นอากัปกิริยาของมันน่ารักเหมือนเด็กๆเลยปั้นออกมาเป็นท่าทางนี้ใช้เวลาในการปั้น 2 อาทิตย์” ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์
ลูกแพะ ปั้นเมื่อพ.ศ.2488
ผลงานนี้ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี กล่าวชมว่า "ลูกแพะที่นำมาแสดงนอกจากมีลักษณะทางโครงสร้างและทางกายวิภาคที่สมบูรณ์หาที่ติไม่ได้แล้ว ยังเป็นประติมากรรมที่งดงามน่ารักยิ่ง"
สำหรับนิทรรศการ Life and Bronze นอกจากการนำผลงานประติมากรรมชิ้นเอกของคุณปู่มาจัดแสดงแล้ว นินนาและนิเภาน้องสาวผู้เป็นนักจิตวิทยา ยังเชิญชวนให้เราได้ทำความรู้จักกับประวัติและชีวิตของคุณปู่ผ่านเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ในการทำงาน ภาพสเก็ตช์ ภาพวาดสีน้ำ รวมทั้งจดหมาย เอกสาร หนังสือพิมพ์ที่ลงข่าว ซึ่งได้รับการจัดเก็บเป็นอย่างดีโดยคุณพ่อของสองสาว กุลพัฒน์ เมืองสมบูรณ์ บุตรชายของไพฑูรย์ ศิลปินแห่งชาติ
จดหมายและบันทึก
ภาพสเก็ตช์ที่จัดเก็บใส่กรอบเป็นอย่างดี
“เดิมทีคุณปู่เป็นช่างวาดรูปนะคะ แต่มาเปลี่ยนเป็นช่างปั้นในช่วงสงครามโลกครั้งสี่ 2 เนื่องจากยุคนั้นสีและอุปกรณ์ในการวาดรูปหายากและมีราคาแพง ส่วนดินเหนียว ดินน้ำมัน ปูนปลาสเตอร์ เป็นของโรงเรียนไม่ต้องเสียเงิน” หลานปู่อธิบายถึงภาพวาด ภาพเขียนสีน้ำที่คุณพ่อนำไปใส่กรอบเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลงานที่ไม่หลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน
ผลงานจิตรกรรมของไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์
ต้องขอบคุณนินนาและนิเภาที่ช่วยนำชมนิทรรศการทำให้เราได้ทำความรู้จักกับศิลปินชั้นครูในมุมมองของตำนานประติมากรคนสำคัญของประเทศ และมุมมองจากหลานสาวที่คนโตเติบโตมาได้ทันเห็นการทำงานของคุณปู่ แม้ว่าหลานสาวคนเล็กจะยังเป็นเด็กมากในตอนนั้น หากนิทรรศการครั้งนี้ก็ทำให้เธอได้เข้าใจชีวิตและงานของคุณปู่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นิทรรศการ Life and Bronze เป็นอีกหนึ่งในนิทรรศการช่วงปลายปีที่เรารู้สึกประทับใจและอยากเชิญชวนไปชมความ “น่ารัก” ของประติมากรรมที่มีทั้งลูกไก่ ลูกวัว ลูกแพะ ลูกลิง และลูกหมา น่าเอ็นดูเหลือเกิน
เกี่ยวกับศิลปิน
ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ (พ.ศ. 2465 – พ.ศ. 2552) ประติมากรชั้นครูผู้เป็นตำนานแห่งวงการศิลปะ (รางวัลศิลปินชั้นเยี่ยมและศิลปินแห่งชาติ) เป็นลูกศิษย์ที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยกย่องว่าเป็นทั้งครูและศิลปินที่มีความสามารถ
เริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรม กรมศิลปากร แต่เปลี่ยนมาเรียนวิชางานปั้น เนื่องจากตรงกับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อุปกรณ์ในการวาดรูปหายากและมีราคาแพง จึงเปลี่ยนมาเป็นช่างปั้น เพราะดินเหนียว ดินน้ำมัน ปูนปลาสเตอร์ เป็นของโรงเรียนไม่ต้องเสียเงิน
หลังจบการศึกษาได้เข้ารับราชการที่กรมศิลปากร ควบคู่กับอาจารย์สอนประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ช่วงปี พ.ศ. 2501-2502 ได้รับทุน UNESCO เดินทางไปศึกษาดูงานที่สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อิตาลี และอังกฤษ กระทั่งในปี พ.ศ. 2508 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ปฏิบัติราชการสนองพระเดชพระคุณ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน จวบจนเกษียณอายุราชการ
ผลงานโดดเด่นของอาจารย์ไพฑูรย์คือ ประติมากรรมชุดสัตว์ และชุดกายกรรม ที่ถ่ายทอดทั้งความเหมือนจริงและเสมือนจริง ได้อย่างสวยน่าทึ่ง ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ภาพ : สมัชชา อภัยสุวรรณ
นิทรรศการ Life and Bronze จัดแสดงระหว่าง 6 ธันวาคม 2568 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2569
บนชั้น 2 ของท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) เปิดให้เข้าชมทุกวัน 9.00 – 17.00 น.
บัตรเข้าชมผู้ใหญ่ 250 บาท และนักเรียน / นักศึกษา / เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซ็นติเมตร 150 บาท
โทร. 08 2896 1929
Website: museumpier.com