โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

Others

3 เทคนิคเลือก ประกัน ที่ใช่สำหรับลูกน้อย

การเงินธนาคาร

อัพเดต 11 ม.ค. เวลา 09.51 น. • เผยแพร่ 11 ม.ค. เวลา 03.30 น.

ในยุคนี้การทำประกันชีวิตมีหลากหลายรูปแบบ พ่อแม่สามารถทำ ประกัน ให้ลูกโดยเลือกแบบประกันที่ตรงกับความต้องการและกำลังซื้อได้ เช่น การวางแผนเพื่อการศึกษา ความคุ้มครองสุขภาพ หรือเก็บออมเป็นทุนไว้ใช้จ่ายในอนาคตของลูก

ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจทำประกันชีวิตแบบไหนดี อาจจะเริ่มต้นจาก 3 เทคนิคง่ายๆ ดังนี้

เทคนิคที่ 1 เปรียบเทียบข้อมูลของแบบประกันจากหลายๆ บริษัท เพื่อพิจารณาถึงจุดเด่นหรือจุดด้อยของแบบประกัน โดยสามารถสอบถามรายละเอียดจากตัวแทนของบริษัทต่างๆ ได้

เทคนิคที่ 2 สอบถามจากบรรดาคุณพ่อคุณแม่ ที่เคยทำประกันให้กับลูกๆ ไปแล้ว ว่าประกันของบริษัทไหนที่ดีกับเด็ก เพื่อรับฟังทั้งข้อดีข้อเสียก่อนนำมาเป็นข้อมูลเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อประกัน

เทคนิคที่ 3 สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคให้รอบด้าน โดยการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่รวบรวมความเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับการทำประกัน เพื่อใช้เป็นข้อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจทำประกันให้กับลูก

โดยแบบประกันที่เหมาะสำหรับช่วงวัยเด็ก และควรต้องมีไว้ ประกอบด้วย ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพหรือสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ

สำหรับการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ จะเหมาะกับการสร้างเงินออมควบคู่ไปกับการคุ้มครองชีวิต ซึ่งแบบประกันนี้แม้ว่าเด็กจะไม่สามารถทำประกันด้วยตนเองได้ แต่พ่อแม่ก็สามารถทำประกันชีวิตเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการออมเงินให้กับลูกได้ เพราะยิ่งเริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งจ่ายเบี้ยประกันถูกแต่ได้รับทุนประกันสูง สามารถสร้างเป็นกองทุนมรดกสะสมไว้ให้กับลูกน้อยในอนาคตได้

ขณะที่ การทำประกันภัยอุบัติเหตุนั้นถือว่ามีความจำเป็นเพราะช่วงวัยเด็กมักจะซุกซนจนทำให้เกิดอุบัติเหตุและพบคุณหมออยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นการทำประกันอุบัติเหตุจะช่วยคุ้มครองลูกหรือผู้เอาประกันจากการบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณา คือ วงเงินและทุนประกันค่ารักษาหากเกิดอุบัติเหตุ เพื่อใช้เปรียบเทียบกับเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายต่อปี หรือหากมีความคุ้มครองอื่นๆ เพิ่มจากความคุ้มครองหลักแล้วเรามีความจำเป็นต้องซื้อความคุ้มครองอื่นเพิ่มเติมหรือไม่

ส่วนประกันสุขภาพหรือสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพก็จะเป็นอีกตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับคุณพ่อคุณแม่ ทั้งเรื่องของค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องหากลูกเกิดเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษา ซึ่งก่อนตัดสินใจซื้อควรพิจารณาว่ามีโรงพยาบาลไหนที่รับประกัน และโรงพยาบาลที่ลูกอาจจะต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลหากเกิดเหตุฉุกเฉินว่าอยู่ในเครือข่ายของโรงพยาบาลตามสัญญาของบริษัทประกันหรือไม่ อีกทั้งควรดูว่าต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อนหรือเคลมได้เลย ควบคู่ไปกับข้อตกลง เงื่อนไข และราคาเบี้ยประกัน

ทั้งนี้ การทำประกันสุขภาพสำหรับลูกนั้น สิ่งสำคัญคือต้องระบุชื่อผู้รับประกันด้วยชื่อของลูกเท่านั้น เพราะลูก คือ ผู้ที่จะได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ ถ้าพ่อแม่เป็นข้าราชการหรือเป็นพนักงานบริษัทที่มีสวัสดิการที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกด้วยยิ่งเป็นเรื่องดี เพราะจะช่วยประหยัดเบี้ยประกันสุขภาพที่ต้องจ่าย โดยสามารถเลือกทำประกันเฉพาะส่วนที่เกินจากสวัสดิการได้ ทำให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเต็ม 100% แต่ยังได้รับความคุ้มครองที่เต็มร้อย

ส่วนครอบครัวที่ไม่มีสวัสดิการ การทำประกันสุขภาพให้กับลูกน้อยยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากและไม่ควรจะมองข้าม โดยอาจเลือกทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเจ็บป่วยเล็กน้อยหรือป่วยหนักก็ตาม แต่ปัจจุบัน แบบประกันสุขภาพสำหรับเด็กจะมีค่าเบี้ยประกันที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น หากต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน ก็สามารถเลือกจ่ายค่ารักษาพยาบาลการเจ็บป่วยเล็กน้อยเองได้ โดยเลือกทำประกันเพิ่มเติมเฉพาะในส่วนของค่าห้องพักโรงพยาบาลเท่านั้นก็ได้

โดยต้องสำรวจค่าห้องจากโรงพยาบาลใกล้บ้านว่าอยู่ในเรทราคาเท่าไร แต่พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องซื้อประกันค่าห้องเต็มจำนวนทั้งหมด โดยอาจเลือกแค่ 80% ของเงินค่าห้องเพื่อให้อยู่ในกำลังที่จ่ายได้ และหากในปีนั้นไม่มีการเจ็บป่วย เมื่อต้องต่อประกันจะได้ไม่รู้สึกเสียดายเงินที่จ่ายไป

การทำประกันเด็ก เป็นแบบประกันที่สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือเลือกที่จะรอทำในช่วงอายุที่พ่อแม่ผู้ปกครองคิดว่าสะดวกและเหมาะสม อาจรอจนอายุ 1 ขวบขึ้นไป หรือรอให้บุตรหลานเข้าเรียนเนอสเซอร์รี่ก่อนก็ทำได้ โดยเบี้ยประกันสุขภาพจะแบ่งเป็นช่วงอายุ เช่น เด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ปี และเด็กโตตั้งแต่อายุ 6 - 15 ปี

สิ่งที่ต้องรู้คือ ในช่วงแรกของอายุหรือที่เรียกว่าเด็กเล็ก การทำประกันสุขภาพสำหรับเด็ก ค่าเบี้ยประกันสุขภาพจะแพงกว่าเด็กโต เพราะความเสี่ยงของเด็กเล็กมีมากกว่า เนื่องจากร่างกายยังสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่เต็มที่ มีโอกาสป่วยมากกว่าเด็กโต

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับ แวดวงประกันภัย ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...