ช่างเสริมสวยเปิดใจ ตั้งใจทำดีแต่ถูกโกง แก้เผ็ดลูกค้าตีเนียน หวังเป็นอุทาหรณ์
ช่าวเสริมสวยเปิดใจ ไม่ได้อยากดังแค่อยากให้เรื่องราวตนเป็นอุทาหรณ์แก่ช่างทำผมรายอื่นระวังเจอแบบนี้ตีเนียนโดนเบี้ยวค่าทำผม
จากกรณี เรื่องราวของช่างเสริมสวยแห่งหนึ่ง ที่อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ได้โพสต์เรื่องราวลูกค้าเชิดค่าทำผม แถมไม่ยอมจ่ายเงินส่วนที่เหลือ ให้ กว่า 7 พันบาท จากนั้นเจ้าของร้านตามไปทวงถามจากลูกค้ารายนี้ และถ่ายคลิปขณะไปย้อมสีผมกลับเป็นสีดำ แล้วโพสต์เรื่องราวของลงเฟสบุคส่วนตัว จนมีการแชร์ต่อๆกันไป ทำให้เรื่องราวนี้ดังกระหึ่มในโลกโซเชียล
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ไปยังร้านเสริมสวยแห่งนี้ ที่ร้าน โบว์ซาลอน ตั้งอยู่ที่ ถนนปฐมเจดีย์ เทศบาลตำบลอู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โดยได้พูดคุยกับเจ้าของร้านถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งได้รับการเปิดเผยเรื่องราว จาก คุณบงกช แซ่ตั้ง เจ้าของร้าน โบว์ซาลอน โดยเล่าว่า ตนนั้นเปิดร้านเสริมสวยมาหลายปีแล้ว ที่ผ่านมาก็เจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างที่ลูกค้ามาทำผม และ ทำคิ้ว แล้วไม่ยอมจ่ายเงิน ก็มีบ้าง ซึ่งเป็นเงิน 200- 300 บาท ส่วนครั้งนี้ถือว่าเป็นเงินค่อนข้างสูง เลยต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด ในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งขอเล่าเหตุการณ์พอสังเขป โดยลูกค้า คนดังกล่าว ได้เดินเข้ามาในร้านบอกว่าจะมาต่อผม ทำสี ซึ่งตนก็ให้ลูกค้าเลือก ช่อผมเอามาต่อ โดยที่ช่อผมก็มีราคาแจ้งไว้ ว่าราคาเท่าไร และจะทำสีผมนั้น ราคาเท่าไร เมื่อลูกค้าตกลงแล้ว ตนก็เลยมาทำสีที่ช่อผม และผมที่ศีรษะลูกค้า พร้อมทั้งปรับสีผม และใส่เซรั่มบำรุงผมอย่างดี โดยลูกค้าเลือกเป็นสีเทาหม่น ระหว่างทำสีลูกค้าก็มีการคุยโทรศัพท์ตลอด และมีท่าทีแปลกๆ แต่ตนก็ยังไม่ได้คิดเอะใจอะไร เพราะเนื่องจากลูกค้า เล่าเรื่องชีวิตตัวเองให้ฟังต่างๆนาๆ
จากนั้นลูกค้าก็ บอกว่าจะทำเล็บ ต่อเล็บอะคิริคเจล และต่อขนตา ด้วย ซึ่งตนก็ให้เลือกขนตา ลุกค้าก็เลือกขนตาอย่างแพงที่สุด เป็นขนตามิ้งค์ ตนก็ทำให้ นอกจากนั้นยังซื้อต่างหู และบริการเจาะหู ด้วย ซึ่งตนก็ทำให้หมดทุกอย่าง ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. จนถึง ร่วม เที่ยงคืน ซึ่งหลายชั่วโมงมาก พอถึงเวลาคิดเงิน รวม 9,070 บาท ซึ่งลูกค้า จ่ายมาแค่ 2 พันบาท และบอกว่าจะกลับไปที่โรงแรมที่พัก แล้วพรุ่งนี้จะเอาส่วนที่เหลือที่ 7 พันกว่าบาทมาให้ เพราะว่าจะมาสักคิ้ว อีก ตนก็บอกว่าขอให้น้องจ่ายวันนี้มาก่อน ได้ไหม เพราะจำนวนเงินค่อนข้างเยอะ และมันก็ดึกแล้ว จากนั้นลูกค้าก็โทรให้คนมารับ ที่ร้าน ตนก็เริ่มเอะใจ ด้วยท่าทีมีพิรุธ เมื่อมีคนมารับ ลูกค้าก็รีบกระโดดขึ้นรถ และโยนกระเป๋าให้ตนใบหนึ่ง บอกว่าเอาไปก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้มา ตนก็เปิดดู เป็นกระเป๋าข้างในไม่มีเงินอยู่เลย ตอนนั้น ตนก็โมโหมาก เสียใจ เหนื่อยด้วย ท้อแท้มาก งงไปหมด คือ ทำผมมาทั้งวันจนดึกดื่น ก็เลยตามไปหาที่โรงแรม เพราะได้ยินเค้าคุยว่าอยู่ที่นั่น ระหว่างทำผม เมื่อไปถึงโรงแรมก็เล่าให้จนท.โรงแรมฟัง โรงแรมค้าก็เห็นใจจึงพาไปเคาะห้องเพื่อทวงถาม จากนั้นก็เจรจากัน ซึ่งก็ยังไม่ได้เงิน จึงบอกว่า ถ้าเช่นนั้นต้องไปโรงพัก แจ้งความ เมื่อไปถึงโรงพัก ตำรวจก็บอกว่าลองให้ไกล่เกลี่ยกันดูก่อนไหม ปรากฏว่าตกลงกันไม่ได้ เพราะเค้าก็ไม่ยอมให้เงินจำนวนที่เหลือ ซึ่งเวลานั้น เค้าก็บอกให้รอ แล้วทำโทรศัพท์ ตนก็เลยรอ พอเวลาล่วงเลยมาถึงตี 3 ตนคิดว่าไม่ได้แน่ ตนเลยบอกว่าเอางี้ละกัน น้องจะให้หรือไม่ให้ ซึ่งน้องเค้าก็บอกให้รอ เราก็ถามเมื่อไร ซึ่งตนก็รอมาหลายชม.แล้ว ตกลงจะเอายังไง เราก็เสียเวลาทำมาหากิน เหนื่อยด้วย ก็เลยตัดสินใจ บอกเค้าไปว่า เอางี้ละกัน เมื่อน้องไม่ให้ พี่ พี่ก็ขอผมที่ต่อคืน และขอทุกอย่างให้กลับไปสภาพเดิม ตอนแรกเค้าก็ไม่ยอม เราก็เลยบอกว่า ขอคืนแล้วจะไม่แจ้งความดำเนินคดี เค้าก็เลยยอม ตนก็เลยจัดการย้อมสีผมของเค้าให้เหมือนเดิมเป็นสีดำ ตัดเล็บที่ต่อออก ตัดขนตาที่ต่อออก ขอต่างหูคืน
หลังจากนั้นก็เลยเอาเรื่องราวมาโพสต์ในเฟสบุคและส่งคลิปให้เพื่อนช่างเสริมสวยดูในกลุ่ม เพื่อเป็นบทเรียนและอุทาหรณ์เผื่อเจอคนนี้ ปรากฏว่า ก็มีคนแชร์ต่อๆ กันไป หลังเรื่องราวตนได้เผยแพร่ออกไป ทำให้ ช่างเสริมสวยที่อยู่ในร้านห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อ.เมืองสุพรรณบุรี แจ้งมาว่า พบเห็นหญิงคนดังกล่าว ไปทำสีผมที่ร้าน แต่ทางร้านปฏิเสธไป เพราะมีลักษณะคล้ายๆกัน ซึ่งตนก็ขอยืนยันว่า ตนไม่ได้อยากดัง แต่อย่างใด เพียงแต่ขออยากให้เห็นใจคนทำมาหากินบ้าง เนื่องจากตนก็ต้องลงทุนและมีค่าแรง พอมาเจอแบบนี้ก็รู้สึกแย่ และไม่อยากให้เกิดเรื่องราวแบบนี้ กับช่างเสริมสวยอีก ต่อไป ส่วนลูกค้าคนดังกล่าว คู่กรณี ซึ่งได้เช็คเอ้าท์ ออกจากโรงแรมไปตั้งแต่ หลังเกิดเหตุแล้ว
ส่วนลูกค้าประจำที่ร้านเสริมสวยโบว์ ซาลอน รายหนึ่งกล่าวว่า รู้สึกเห็นใจช่างเสริมสวย เพราะทุกคนก็ตั้งใจทำงาน ทำผมให้ลูกค้า ซึ่ง ร้านนี้ตนก็มาทำเป็น ประจำ ซึ่ง คุณโบว์ก็เป็นคนตั้งใจทำงานมาก ปกติลูกค้าก็เยอะอยู่แล้ว ส่วนราคาก็จะแจ้งกับลูกค้าก่อนทุกครั้ง ซึ่งเห็นเรื่องราวแบบนี้ ก็รู้สึกเห็นใจเหมือนกัน ที่มาเจอกรณีแบบนี้