เผยกลวิธี "บอยสกล" นิสิตเซินเจิ้น ได้ถือป้ายงานฟุตบอลจุฬา-ธรรมศาสตร์
เผยสาเหตุที่ บอยสกล หนุ่มโป๊ะแตกจอมแสบ ที่อ้างตัวเป็นนิสิตจุฬาฯ กว่า 3 ปี ได้รับหน้าที่ถือป้ายในงานฟุตบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์
บอยสกล – จากการณีที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง แฉชายคนหนึ่งชื่อ นายสกล เอี่ยมสอาด ว่ามีพฤติกรรมแอบอ้างว่าตนเองอยู่สถานศึกษาชื่อดัง ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย จนล่าสุดที่เข้ามาอยู่ในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำกิจกรรมกับนิสิตคนอื่น ทั้งที่ไม่ได้มีสถานะเป็นนักศึกษารั้วพระเกี้ยว แต่อย่างใด
ล่าสุด“ข่าวสดออนไลน์” ได้พูดคุยกับ ธนวัฒน์ วงค์ชัย นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ ปีที่ 3 และดำรงตำแหน่ง ประธานนิสิตนักศึกษาจุฬาฯ ถึงเรื่องดังกล่าว โดยเผยว่า “บอย เป็นรุ่นพี่ตน 1 ปี คือเข้ามาตอนปี 2558 ตอนแรกเขาอ้างว่าอยู่คณะบัญชี ก่อนจะอ้างว่าย้ายมาอยู่ คณะเศรษฐศาสตร์ ช่วงปี 2 จนเกิดเรื่อง”
“เขาไม่ได้มีฐานข้อมูลเป็นนิสิตจุฬาฯ ตั้งแต่แรก แต่อ้างเพื่อนว่าย้ายหน่วยกิตเทียบโอนมาเรียนเศรษฐศาสตร์ ผมเห็นเขาเข้าเรียนบางครั้ง เพราะคลาสที่จุฬาฯไม่ได้มีการเช็กชื่อทั้งหมด และเขาก็สนิทกับนิสิตดี เห็นเขาเลกเชอร์ปกติ ทุกคนจึงไม่มีใครเอะใจ”
ผู้สื่อข่าวถามต่อประเด็นเรื่องสอบ เนื่องจากต้องใช้บัตรนิสิต และบอย สามารถเอาตัวรอดจุดนี้ได้อย่างไร ธนวัฒน์ เผยต่อว่า “เข้าใจว่าตอนสอบ เขาอาจใช้วิธีอ้างเพื่อนว่าสอบเก็บตัวก่อนหน้านั้นแล้ว หรือสอบแยก ซึ่งที่จุฬาฯมีการสอบแบบนี้อยู่ คาดว่าน่าจะใช้วิธีนี้อ้างกับเพื่อนในคณะ”
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่สังคมสงสัยมากที่สุดคือการมีภาพของ สกล เอี่ยมสอาด ถือป้ายงานฟุตบอลประเพณีของมหาวิทยาลัย เรื่องดังกล่าวถูกตั้งคำถามว่า บอยสกล สามารถเข้าไปตีเนียนได้ง่ายเช่นนี้เลยหรือ ?
“ทางจุฬาฯ จะแบ่งขบวนออกเป็น 2 ขบวนหลักๆ คือจะมีคนอันเชิญพระเกี้ยว ตรงนี้ทางมหาวิทยาลัย จะมีการคัดเลือกที่ค่อนข้างเป็นทางการ จากทั้งอาจารย์และทางมหา’ลัย เข้ามาช่วยคัดเลือก แต่ขบวนอื่นจะอยู่ที่การประมูลแต่ละคณะ”
“คณะเศรษฐศาสตร์ ปีนั้น ได้ขบวนเฉลิมพระเกียรติไป ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นคนรู้จักในคณะทั่วไป เลยไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะโน้มน้าว หรืออ้อนวอน ผู้รับผิดชอบขบวนนี้ ให้เขาได้ทำการถือป้าย”
สาเหตุที่ บอยสกล โป๊ะแตก!
ส่วนประเด็นที่เรื่องแดงขึ้นมาว่า บอย เป็นนิสิตปลอมเกิดจากการที่ เจ้าตัวได้รับหน้าที่เป็นประธานรับผิดชอบโครงการหนึ่งในมหา’ลัย ซึ่งต้องใส่ชื่อจริงตามบัตรประชาชนลงไป ตัวบอยใส่ชื่อจริงของเขา และรหัสนิสิตปลอม ทำให้พอมาตรวจสอบจากฐานข้อมูลแล้วจึงไม่พบ
“ตอนเขาไปทำค่ายกับมหา’ลัย เขาเลือกที่จะไม่ลงชื่อ หรือกรอกเป็นชื่อคนอื่น แต่พอมาค่ายที่เขาเป็นผู้ดูแลเอง ต้องใส่ชื่อจริงของเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่พบ เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นนิสิตของที่นี่”
“เขาเป็นคนเก่งในการพูด และโน้นน้าวคน ใช้ชีวิตกับนิสิตในมหา’ลัยปกติ สำหรับในมุมผมเขาอาจมีความผิดปกติทางจิตใจ ที่ทำให้ต้องมาแสดงพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะเพื่อนในคณะหลายคน ยังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เลย” ปธ.นิสิตนักศึกษาจุฬาฯ เผยทิ้งท้าย