โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กิน-ดื่ม

โอมากาเสะ (omakase) คืออะไร?

Gourmet & Cuisine

อัพเดต 30 ก.ย 2564 เวลา 06.45 น. • เผยแพร่ 30 ก.ย 2564 เวลา 06.45 น. • Gourmetand & Cuisine เว็บไซต์รวมเรื่องราวอาหาร
โอมากาเสะ (omakase) คืออะไร?

  โอมากาเสะ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมการกินอันล้ำค่าของญี่ปุ่น ที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะและความสง่างาม อะไรคือจิตวิญญาณของโอมากาเสะที่ทำให้คนหลงใหล แล้วทำไมคนถึงยอมจ่ายเงินในราคาแพงเพื่อชิมอาหารที่ตนไม่ได้เลือกเอง?   โอมากาเสะ (omakase) มีความหมายตรงตัวว่า “ฉันฝากไว้กับเธอ” ในบริบทของร้านอาหารก็คงจะแปลได้ว่า “ฝากท้องของฉันไว้กับเชฟ” นั่นแหละ   ประวัติของโอมากาเสะ
โอมากาเสะไม่ใช่วัฒนธรรมที่เก่าแก่อะไรขนาดนั้น และแน่นอนว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากร้านซูชิ ที่มักจะมีราคาสูง ผู้ที่ไปกินซูชิได้ต้องมีทั้งเงินและความรู้ในเรื่องปลาลึกมากพอที่จะสั่งปลาได้ถูกชนิด แต่หลังจากปี 1900 เศรษฐกิจในญี่ปุ่นก็เติบโต คนเริ่มมีกำลังทรัพย์มากขึ้นจนสามารถกินซูชิระดับไฮเอนด์ได้ แต่พวกเขากลับไม่มีความรู้เรื่องปลามากเท่าไร เลยใช้วิธีสั่งให้พ่อครัวทำโดยไม่เอ่ยชื่อปลาโดยเฉพาะเจาะจง การกินแบบโอมากาเสะจึงถือกำเนิดขึ้นมานับตั้งแต่นั้น   นอกจากจะมีประโยชน์ในการ “รักษาหน้า” คนสั่งแล้ว ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่ทำให้โอมากาเสะได้รับความนิยมด้วย หนึ่งในนั้นคือ เหมาะสำหรับคนที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าอยากกินอะไร และมอบหน้าที่ในการคัดเลือกวัตถุดิบและจับคู่อาหารไว้กับมืออาชีพตัวจริง   เสน่ห์ของโอมากาเสะ
จะมีอะไรเพลิดเพลินไปกว่าการนั่งบนเคาน์เตอร์บาร์ จับจ้องไปที่พ่อครัวผู้มากทักษะบรรจงใช้มีดอย่างนุ่มนวล ค่อย ๆ ปั้นข้าวทีละคำ และการพูดคุยสนทนาไปตอบโต้กันระหว่างมื้ออาหาร ล้วนเป็นประสบการณ์สุดพิเศษที่แตกต่างจากร้านอาหารทั่วไป   จุดเด่นอีกอย่างของโอมากาเสะนั้นอยู่ที่วัตถุดิบ หัวใจสำคัญคือความสดใหม่และเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อให้ได้มื้ออาหารที่มีคุณภาพสูงสุด จึงไม่แปลกที่ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) แห่งกรุงโตเกียวจะได้ชื่อว่าเป็นตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของพ่อครัวซูชิในประเทศญี่ปุ่น ร่วมถึงส่งออกไปสู่ประเทศต่าง ๆ ที่วัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่นเข้าถึง   ปัจจุบันนี้ โอมากาเสะ ในประเทศญี่ปุ่นนอกจากจะอยู่ในร้านซูชิแล้ว ตามร้านอาหารทั่ว ๆ ไปก็มีอาหารมื้อกลางวันแบบโอมากาเสะด้วยเช่นกัน ถ้าหากไม่อยากกินอาหารที่มีอยู่ในเมนูก็ให้พ่อครัวของร้านทำเมนูเซอร์ไพรส์มาให้ลองก็ได้ หรือหากไปในภัตราคารหรูที่มาพร้อมมื้ออาหารและไวน์ชั้นเลิศแล้วไม่มีความรู้เรื่องไวน์ ก็สามารถสั่ง โอมากาเสะ ยกหน้าที่เลือกไวน์ดี ๆ สักขวดไว้ในมือของซอมเมลิเย่ร์ไปเลย ซึ่งโอมากาเสะที่ใช้กับเครื่องดื่มนี้ก็สามารถใช้ได้ผลเช่นเดียวกับค็อกเทลบาร์ หากมองหาเครื่องดื่มแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น ก็ปล่อยให้บาร์เทนเดอร์สร้างสรรค์เซอร์ไพรส์ค็อกเทลมาให้ลองสักแก้ว   ไม่ใช่แค่เรื่องกิน โอมากาเสะยังสามารถใช้ได้กับแฟชั่นเครื่องแต่งกาย มีบางร้านค้าที่ให้บริการจัดชุดให้กับตรงกับรสนิยมของลูกค้าหรือช่วยเหลือผู้ไม่มีเซ้นส์ด้านแฟชั่นผ่านการกรอกแบบสอบถาม หรือแม้แต่ทรงผมก็สามารถสั่งแบบโอมากาเสะให้สไตลิสต์ออกแบบได้เต็มที่เหมือนกัน   อาจจะสรุปได้ว่า โอมากาเสะ นั้นตอบโจทย์คนไม่อยากคิดอะไรมากที่สุดเลยล่ะ   แหล่งข้อมูล :

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...