โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ส่องโอกาส-ความท้าทาย อัญมณีไทย 5 แสนล้านเบอร์ 1 โลก

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 12 ก.ย 2567 เวลา 03.35 น. • เผยแพร่ 12 ก.ย 2567 เวลา 03.35 น.
วิบูลย์ หงษ์ศรีจินดา

ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับยังคงมีมูลค่าส่งออกสูงถึง 500,000 ล้านบาทต่อปี นับเป็นสินค้าส่งออกสำคัญและยังเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นายวิบูลย์ หงษ์ศรีจินดา” ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ถึงอนาคตของการให้ไทยยังคงเป็น “Gems & Jewelry Hub”

ไทยแหล่งผลิตใหญ่ที่สุดในโลก

ไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในโลก เราเป็น Hub ได้ 100% เพราะศักยภาพของเราดีมาก ทั้งในเรื่องของการผลิตตัวเรือน ตัวเครื่องประดับ แม้ว่าวัตถุดิบของไทยจะน้อยกว่าประเทศจีน แต่ก็ต้องแพ้ช่างฝีมือให้ไทยที่อยู่ในระบบ SMEs จำนวนมาก ทำให้มีวาไรตี้ในการผลิตทั้งเงิน ทอง ทองเหลือง ครบหมด

เรามีความได้เปรียบมาก ด้วยเราส่งออกตัวเรือนไปตลาดอเมริกาแซงอิตาลี แซงจีน แซงอินเดียนานกว่า 20 ปี ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กรกฎาคม 2567) ไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอันดับ 3 ของโลก มูลค่า 9,303.68 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 325,000 ล้านบาท โต 11.83% ขณะที่ผู้ประกอบการไทยทั้งในส่วนการผลิต ค้าส่ง ค้าปลีก มีจำนวน 13,322 ราย ซึ่งแม้เราจะใหญ่ แต่ทั้งระบบเราเป็น SMEs สัดส่วนถึง 85% และก็ยังเป็นบริษัทคนไทยทั้ง 85% เช่นกัน

ขาดคนสืบทอดองค์ความรู้

“ยอมรับว่าเราไม่มีวัตถุดิบ เรามีแต่แรงงานฝีมือที่มีสกิล มี Knowhow ในเรื่องเจียระไนเก่งที่สุดในโลก มีความประณีตมาก การหุงหรือเผาพลอยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัญหาตอนนี้เราขาดแรงงานฝีมือเหล่านี้ เพราะกลุ่มเหล่านี้เริ่มน้อยลง ไม่มีคน Gen ใหม่เข้ามารับช่วง เราได้พยายามรณรงค์ให้เหล่าเกจิเหล่านี้ปล่อยวิชา ซึ่งการจะทำอย่างยั่งยืนก็ต้องสร้างแรงงานขึ้นมา”

รัฐบาลต้องตั้ง “อาชีวะอัญมณีและเครื่องประดับ” ที่เราต้องการตรงนี้ถึงแม้ตอนนี้เราจะมีหลักสูตร แต่อยู่ในระดับมหาวิทยาลัยที่เป็นสถาบันสร้างคนแบบมันสมองขึ้นมา แต่สิ่งที่เราและตลาดต้องการคือแรงงาน หมายถึงคนที่มีฝีมือ คนที่ใช้แรง คนเหล่านี้จะเก่งเขาจะมีฝีมือมาก เหมือนช่างกลที่เขาเรียนอาชีวะมา เรียนพวกภาคปฏิบัติ ทำงานได้จริงและตรงกับที่เราต้องการ ก่อนโควิดเรามีแรงงานในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 1.5 ล้านคน พอหลังโควิดเราเหลือแค่ 8 แสนคน แรงงานหายมีผลกระทบกับเราอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ที่ตัวเลขไม่ตกเพราะโลหะมีค่าราคาขึ้น เราเลยเห็นตัวเลขส่งออกยังดีอยู่

ขอเว้นภาษี VAT วัตถุดิบเงิน

เราก็พยายามดึงบริษัทในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับให้เขาเข้ามาอยู่ในกลุ่ม ซึ่งตอนนี้มี 79 บริษัท บางรายเป็นสมาชิก ส.อ.ท. แต่ยังไม่เป็นสมาชิกกลุ่ม ผมขึ้นมาเป็นประธานเป็นวาระที่ 2 เป้าหมายจากนี้เราพยายามให้มาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยการปรับโครงสร้างภาษี

โดยเราขอให้รัฐพิจารณา “ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับวัตถุดิบเงิน” ให้คล้ายกับวัตถุดิบทอง ซึ่งปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 7% เพราะโลหะมีค่าเหล่านี้ไม่ใช่แค่มีมูลค่า แต่ยังเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน เป็นวัตถุดิบสำคัญของเครื่องประดับ และยังสามารถใช้เป็นหลักค้ำประกันในการทำธุรกรรมทางการเงินได้ หากทำได้จะเป็นการสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าอัญมณีของภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ ยังขอให้มีการปรับปรุงมาตรการภาษีและวิธีปฏิบัติการจัดเก็บภาษีของธุรกิจพลอยสีไทย (CARAT TAX) ด้วย เพราะไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณี (พลอยสี) ของโลก แต่การจัดเก็บภาษีกลับไม่เอื้อต่ออุตสาหกรรมเลย เช่น หลักเกณฑ์การจัดเก็บสต๊อกสินค้าพลอย ไม่สามารถใช้หลักเกณฑ์เดียวกับสินค้าอื่น ๆ ได้ เนื่องจากเป็นสินค้าที่เกิดจากธรรมชาติและไม่มีหมดอายุ

รวมถึงการระบุความเสียหายจากการผลิตนั้น ไม่สามารถระบุเป็นค่ามาตรฐานได้ ดังนั้นการเรียกเก็บจากภาษีเงินได้ที่อ้างอิงจากกำไรสุทธิ เปลี่ยนเป็น “การจัดเก็บภาษีเงินได้ที่อ้างอิงจากยอดขาย”

ถามว่าความยากของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ คือ “เราขาดการช่วยเหลือจากภาครัฐ” เพราะคิดว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ ยังไม่ได้มีผลกระทบอะไร แต่ความจริงเรามีปัญหาและอุปสรรคมากมาย ด้านการตลาดเราก็ไม่มีตลาดใหม่ ในขณะที่รัฐเองควรทำเรื่องของ G to G การหาตลาด การหาแรงงานให้กับเรา รวมถึงการหาแหล่งเงินทุนที่ปัจจุบันสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมาก จนแทบจะไม่ปล่อยให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนี้เลย เพราะแบงก์เขามองว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง โดยรัฐต้องหารือกับทางธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ที่ควรปล่อยเครดิตการส่งออกมากขึ้น

“เราเองมีมูลค่าส่งออกสูงถึง 5 แสนล้านบาท เราไม่ใช่อุตสาหกรรมเล็ก ๆ ตลาดส่วนใหญ่เราส่งออกไปที่ฮ่องกง แต่ฮ่องกงเขาทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ให้เรา ถ้ารัฐหาตลาดและช่วยเปิดตลาดให้เรา เราก็ไม่จำเป็นต้องผ่านฮ่องกง ซึ่งเราอยากให้เป็นแบบนั้น รัฐต้องพาเราออกไปสู่ตลาดสากล เราจะได้มูลค่าเพิ่มมากขึ้น แล้วรัฐก็เข้ามาส่งเสริม เราจะได้ทั้งแรงงาน ดึงการท่องเที่ยวเข้ามา”

หนุนเอกชนไทยร่วมแฟร์โลก

ในทุก ๆ เดือนที่ประเทศสิงคโปร์ จะมีการจัดประมูลพลอย เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่จะให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้พบกัน ซึ่งโอกาสแบบนี้รัฐบาลไทยควรผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสได้เข้าร่วมได้ รวมถึงงานแสดงสำคัญ ๆ ที่นำโดยรัฐเอง อย่างงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 70 จัดระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน 2567 ต้องพาเราไป Business Matching ให้โอกาสรายเล็ก ๆ ที่เป็นคนไทยได้แสดงศักยภาพ เพราะเราไม่อยากที่จะเสียโอกาสและเสียตลาดให้กับประเทศเวียดนาม ที่ตอนนี้เขาแซงเราด้วยเรื่องค่าจ้างแรงงานที่ถูกกว่าเรามาก มีสิทธิประโยชน์เรื่องของภาษีไม่แพ้ไทย มีลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน

“เราก็เห็นสัญญาณว่าตอนนี้ที่เวียดนามมีการสั่งซื้อเครื่องจักร ทำให้เห็นตัวเลขว่ามีการส่งออกเครื่องจักรไปที่นั่นมาก และก็เห็นการเข้ามาของ AI ทำให้งานออกแบบที่เดิมเป็นมันสมองจากคน แต่ปัจจุบัน AI ก็สามารถออกแบบงานไม่แพ้คนเลย เมื่อทุกอย่างทำได้ง่ายขึ้นเป็นอะไรที่เริ่มน่ากังวล จากอุตสาหกรรมที่คิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร ตอนนี้เราคืออีกกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังอยู่ในความเสี่ยงที่จะโดนเวียดนามแซง”

กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเซลส์แมนของประเทศ จำเป็นที่ต้องหันกลับมาส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับให้มากกว่านี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่ได้รับความสนใจหรือใส่ใจเลย บางครั้งก็น้อยใจเพียงเพราะมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่แท้จริงเราเคยสะท้อนและขอให้ส่งเสริมเราในหลาย ๆ ครั้ง เมื่อรัฐบาลไม่ต่อเนื่อง นโยบายก็ไม่ต่อเนื่อง ยิ่งทำให้เราทำงานกันไม่ต่อเนื่อง เราต้องการบางอย่างขอให้เข้ามาส่งเสริม อย่ารอให้ต้องเกิดเป็นวิกฤตก่อนถึงค่อยเข้ามาช่วยเหลือ

“ตอนนี้เราเสนอตัวเข้าไปทำงานในคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์เรียบร้อยแล้ว ผมจึงมีตำแหน่งเป็น ‘กรรมการ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ ส.อ.ท.’ และเป็น ‘รองประธาน คณะทำงานผลักดันด้านอุตสาหกรรมแฟชั่น สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์’ ผมยังเสนอต่อที่ประชุม ส.อ.ท. ในทุกครั้ง เพื่อขอให้ดันกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นหัวเรือหลัก ในการนำเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์เพราะเราเองไม่แพ้กับอุตสาหกรรมอื่น”

มั่นใจ “กำลังซื้อ” ไม่แผ่ว

ครึ่งปีหลังเรายังเห็นว่ากำลังซื้อยังคงมี ยังไม่แผ่วลงไป อย่างที่ผมบอก ตราบใดที่บนโลกนี้ยังมีผู้หญิง ผู้หญิงคือเพศที่ต้องแต่งตัว รักสวยรักงาม อัญมณีและเครื่องประดับก็ยังคงขายได้ “ความต้องการยังไม่ตก” แต่อาจจะเปลี่ยนไปตามเทรนด์ มีดีไซน์ที่ต่างจากเดิม

นอกจากนี้ยังมีเทรนด์อีกอย่างคือ ผู้บริโภคมองเรื่องอัญมณีและเครื่องประดับเป็นการลงทุนควบคู่กันไป แม้จะยังมีสัดส่วนที่ไม่มาก แต่ก็เริ่มเป็นเทรนด์มากขึ้น อย่างทองที่เดิมจะเน้นการซื้อใส่โดยเฉพาะรูปพรรณมักจะขายดี แต่ปัจจุบันคนก็มีนิยมซื้อแบบทองแท่ง ทองแผ่น นั่นหมายความว่าเขาหันมาสะสมเพื่อให้ได้มูลค่า เป็นการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่ง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ส่องโอกาส-ความท้าทาย อัญมณีไทย 5 แสนล้านเบอร์ 1 โลก

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...