ส่องโอกาส-ความท้าทาย อัญมณีไทย 5 แสนล้านเบอร์ 1 โลก
ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับยังคงมีมูลค่าส่งออกสูงถึง 500,000 ล้านบาทต่อปี นับเป็นสินค้าส่งออกสำคัญและยังเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นายวิบูลย์ หงษ์ศรีจินดา” ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ถึงอนาคตของการให้ไทยยังคงเป็น “Gems & Jewelry Hub”
ไทยแหล่งผลิตใหญ่ที่สุดในโลก
ไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในโลก เราเป็น Hub ได้ 100% เพราะศักยภาพของเราดีมาก ทั้งในเรื่องของการผลิตตัวเรือน ตัวเครื่องประดับ แม้ว่าวัตถุดิบของไทยจะน้อยกว่าประเทศจีน แต่ก็ต้องแพ้ช่างฝีมือให้ไทยที่อยู่ในระบบ SMEs จำนวนมาก ทำให้มีวาไรตี้ในการผลิตทั้งเงิน ทอง ทองเหลือง ครบหมด
เรามีความได้เปรียบมาก ด้วยเราส่งออกตัวเรือนไปตลาดอเมริกาแซงอิตาลี แซงจีน แซงอินเดียนานกว่า 20 ปี ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กรกฎาคม 2567) ไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอันดับ 3 ของโลก มูลค่า 9,303.68 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 325,000 ล้านบาท โต 11.83% ขณะที่ผู้ประกอบการไทยทั้งในส่วนการผลิต ค้าส่ง ค้าปลีก มีจำนวน 13,322 ราย ซึ่งแม้เราจะใหญ่ แต่ทั้งระบบเราเป็น SMEs สัดส่วนถึง 85% และก็ยังเป็นบริษัทคนไทยทั้ง 85% เช่นกัน
ขาดคนสืบทอดองค์ความรู้
“ยอมรับว่าเราไม่มีวัตถุดิบ เรามีแต่แรงงานฝีมือที่มีสกิล มี Knowhow ในเรื่องเจียระไนเก่งที่สุดในโลก มีความประณีตมาก การหุงหรือเผาพลอยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัญหาตอนนี้เราขาดแรงงานฝีมือเหล่านี้ เพราะกลุ่มเหล่านี้เริ่มน้อยลง ไม่มีคน Gen ใหม่เข้ามารับช่วง เราได้พยายามรณรงค์ให้เหล่าเกจิเหล่านี้ปล่อยวิชา ซึ่งการจะทำอย่างยั่งยืนก็ต้องสร้างแรงงานขึ้นมา”
รัฐบาลต้องตั้ง “อาชีวะอัญมณีและเครื่องประดับ” ที่เราต้องการตรงนี้ถึงแม้ตอนนี้เราจะมีหลักสูตร แต่อยู่ในระดับมหาวิทยาลัยที่เป็นสถาบันสร้างคนแบบมันสมองขึ้นมา แต่สิ่งที่เราและตลาดต้องการคือแรงงาน หมายถึงคนที่มีฝีมือ คนที่ใช้แรง คนเหล่านี้จะเก่งเขาจะมีฝีมือมาก เหมือนช่างกลที่เขาเรียนอาชีวะมา เรียนพวกภาคปฏิบัติ ทำงานได้จริงและตรงกับที่เราต้องการ ก่อนโควิดเรามีแรงงานในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 1.5 ล้านคน พอหลังโควิดเราเหลือแค่ 8 แสนคน แรงงานหายมีผลกระทบกับเราอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ที่ตัวเลขไม่ตกเพราะโลหะมีค่าราคาขึ้น เราเลยเห็นตัวเลขส่งออกยังดีอยู่
ขอเว้นภาษี VAT วัตถุดิบเงิน
เราก็พยายามดึงบริษัทในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับให้เขาเข้ามาอยู่ในกลุ่ม ซึ่งตอนนี้มี 79 บริษัท บางรายเป็นสมาชิก ส.อ.ท. แต่ยังไม่เป็นสมาชิกกลุ่ม ผมขึ้นมาเป็นประธานเป็นวาระที่ 2 เป้าหมายจากนี้เราพยายามให้มาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยการปรับโครงสร้างภาษี
โดยเราขอให้รัฐพิจารณา “ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับวัตถุดิบเงิน” ให้คล้ายกับวัตถุดิบทอง ซึ่งปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 7% เพราะโลหะมีค่าเหล่านี้ไม่ใช่แค่มีมูลค่า แต่ยังเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน เป็นวัตถุดิบสำคัญของเครื่องประดับ และยังสามารถใช้เป็นหลักค้ำประกันในการทำธุรกรรมทางการเงินได้ หากทำได้จะเป็นการสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าอัญมณีของภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ ยังขอให้มีการปรับปรุงมาตรการภาษีและวิธีปฏิบัติการจัดเก็บภาษีของธุรกิจพลอยสีไทย (CARAT TAX) ด้วย เพราะไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณี (พลอยสี) ของโลก แต่การจัดเก็บภาษีกลับไม่เอื้อต่ออุตสาหกรรมเลย เช่น หลักเกณฑ์การจัดเก็บสต๊อกสินค้าพลอย ไม่สามารถใช้หลักเกณฑ์เดียวกับสินค้าอื่น ๆ ได้ เนื่องจากเป็นสินค้าที่เกิดจากธรรมชาติและไม่มีหมดอายุ
รวมถึงการระบุความเสียหายจากการผลิตนั้น ไม่สามารถระบุเป็นค่ามาตรฐานได้ ดังนั้นการเรียกเก็บจากภาษีเงินได้ที่อ้างอิงจากกำไรสุทธิ เปลี่ยนเป็น “การจัดเก็บภาษีเงินได้ที่อ้างอิงจากยอดขาย”
ถามว่าความยากของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ คือ “เราขาดการช่วยเหลือจากภาครัฐ” เพราะคิดว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ ยังไม่ได้มีผลกระทบอะไร แต่ความจริงเรามีปัญหาและอุปสรรคมากมาย ด้านการตลาดเราก็ไม่มีตลาดใหม่ ในขณะที่รัฐเองควรทำเรื่องของ G to G การหาตลาด การหาแรงงานให้กับเรา รวมถึงการหาแหล่งเงินทุนที่ปัจจุบันสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมาก จนแทบจะไม่ปล่อยให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนี้เลย เพราะแบงก์เขามองว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง โดยรัฐต้องหารือกับทางธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ที่ควรปล่อยเครดิตการส่งออกมากขึ้น
“เราเองมีมูลค่าส่งออกสูงถึง 5 แสนล้านบาท เราไม่ใช่อุตสาหกรรมเล็ก ๆ ตลาดส่วนใหญ่เราส่งออกไปที่ฮ่องกง แต่ฮ่องกงเขาทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ให้เรา ถ้ารัฐหาตลาดและช่วยเปิดตลาดให้เรา เราก็ไม่จำเป็นต้องผ่านฮ่องกง ซึ่งเราอยากให้เป็นแบบนั้น รัฐต้องพาเราออกไปสู่ตลาดสากล เราจะได้มูลค่าเพิ่มมากขึ้น แล้วรัฐก็เข้ามาส่งเสริม เราจะได้ทั้งแรงงาน ดึงการท่องเที่ยวเข้ามา”
หนุนเอกชนไทยร่วมแฟร์โลก
ในทุก ๆ เดือนที่ประเทศสิงคโปร์ จะมีการจัดประมูลพลอย เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่จะให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้พบกัน ซึ่งโอกาสแบบนี้รัฐบาลไทยควรผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสได้เข้าร่วมได้ รวมถึงงานแสดงสำคัญ ๆ ที่นำโดยรัฐเอง อย่างงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 70 จัดระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน 2567 ต้องพาเราไป Business Matching ให้โอกาสรายเล็ก ๆ ที่เป็นคนไทยได้แสดงศักยภาพ เพราะเราไม่อยากที่จะเสียโอกาสและเสียตลาดให้กับประเทศเวียดนาม ที่ตอนนี้เขาแซงเราด้วยเรื่องค่าจ้างแรงงานที่ถูกกว่าเรามาก มีสิทธิประโยชน์เรื่องของภาษีไม่แพ้ไทย มีลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
“เราก็เห็นสัญญาณว่าตอนนี้ที่เวียดนามมีการสั่งซื้อเครื่องจักร ทำให้เห็นตัวเลขว่ามีการส่งออกเครื่องจักรไปที่นั่นมาก และก็เห็นการเข้ามาของ AI ทำให้งานออกแบบที่เดิมเป็นมันสมองจากคน แต่ปัจจุบัน AI ก็สามารถออกแบบงานไม่แพ้คนเลย เมื่อทุกอย่างทำได้ง่ายขึ้นเป็นอะไรที่เริ่มน่ากังวล จากอุตสาหกรรมที่คิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร ตอนนี้เราคืออีกกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังอยู่ในความเสี่ยงที่จะโดนเวียดนามแซง”
กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเซลส์แมนของประเทศ จำเป็นที่ต้องหันกลับมาส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับให้มากกว่านี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่ได้รับความสนใจหรือใส่ใจเลย บางครั้งก็น้อยใจเพียงเพราะมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่แท้จริงเราเคยสะท้อนและขอให้ส่งเสริมเราในหลาย ๆ ครั้ง เมื่อรัฐบาลไม่ต่อเนื่อง นโยบายก็ไม่ต่อเนื่อง ยิ่งทำให้เราทำงานกันไม่ต่อเนื่อง เราต้องการบางอย่างขอให้เข้ามาส่งเสริม อย่ารอให้ต้องเกิดเป็นวิกฤตก่อนถึงค่อยเข้ามาช่วยเหลือ
“ตอนนี้เราเสนอตัวเข้าไปทำงานในคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์เรียบร้อยแล้ว ผมจึงมีตำแหน่งเป็น ‘กรรมการ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ ส.อ.ท.’ และเป็น ‘รองประธาน คณะทำงานผลักดันด้านอุตสาหกรรมแฟชั่น สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์’ ผมยังเสนอต่อที่ประชุม ส.อ.ท. ในทุกครั้ง เพื่อขอให้ดันกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นหัวเรือหลัก ในการนำเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์เพราะเราเองไม่แพ้กับอุตสาหกรรมอื่น”
มั่นใจ “กำลังซื้อ” ไม่แผ่ว
ครึ่งปีหลังเรายังเห็นว่ากำลังซื้อยังคงมี ยังไม่แผ่วลงไป อย่างที่ผมบอก ตราบใดที่บนโลกนี้ยังมีผู้หญิง ผู้หญิงคือเพศที่ต้องแต่งตัว รักสวยรักงาม อัญมณีและเครื่องประดับก็ยังคงขายได้ “ความต้องการยังไม่ตก” แต่อาจจะเปลี่ยนไปตามเทรนด์ มีดีไซน์ที่ต่างจากเดิม
นอกจากนี้ยังมีเทรนด์อีกอย่างคือ ผู้บริโภคมองเรื่องอัญมณีและเครื่องประดับเป็นการลงทุนควบคู่กันไป แม้จะยังมีสัดส่วนที่ไม่มาก แต่ก็เริ่มเป็นเทรนด์มากขึ้น อย่างทองที่เดิมจะเน้นการซื้อใส่โดยเฉพาะรูปพรรณมักจะขายดี แต่ปัจจุบันคนก็มีนิยมซื้อแบบทองแท่ง ทองแผ่น นั่นหมายความว่าเขาหันมาสะสมเพื่อให้ได้มูลค่า เป็นการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่ง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ส่องโอกาส-ความท้าทาย อัญมณีไทย 5 แสนล้านเบอร์ 1 โลก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net