พลังช็อกโกแลต! ‘วองก้า’ เปิดตัวสัปดาห์แรก คว้าอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศ
The Bangkok Insight
อัพเดต 18 ธ.ค. 2566 เวลา 09.06 น. • เผยแพร่ 18 ธ.ค. 2566 เวลา 09.06 น. • The Bangkok Insightภาพยนตร์แฟนตาซีแนวกึ่งมิวสิคัล "วองก้า" เปิดฉายในสัปดาห์แรก คว้าตำแหน่งอันดับ 1 หนังทำเงินสูงสุดในอเมริกาเหนือช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอกย้ำความแรง และความเป็นแม่เหล็กของ "ทิโมธี ชาลาเมต์" นักแสดงหนุ่มดาวรุ่ง
วีโอเอ รายงานว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์แนวมิวสิคัล มักได้รับเสียงตอบรับไม่ค่อยมากจากผู้ชม จนทำให้ค่ายวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ตัดสินใจลดจำนวนเพลง และฉากการเต้นใน "วองก้า" (Wonka) ออกจากตัวอย่างภาพยนตร์ และหันมาเน้นใบหน้าของชาลาเมต์ นักแสดงหนุ่มวัย 27 ปี ที่รับบทนำในเรื่องนี้แทน
แผนงานดังกล่าวไม่ทำให้ทางค่ายผิดหวัง เมื่อ "วองก้า" ซึ่งมีต้นทุนการสร้างที่ 125 ล้านดอลลาร์ เก็บรายได้ในการฉายสุดสัปดาห์แรกได้ 39 ล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นผลงานอันดับหนึ่งเรื่องที่สองของชาลาเมต์ ต่อจาก ดูน (Dune) ภาพยนตร์แนวไซไฟที่เปิดฉายเมื่อปี 2564 ซึ่งทำรายได้ถึง 41 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์แรก
เจฟฟรีย์ โกลด์สตีน หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส แสดงความเห็นว่า ความสำเร็จของวองก้า แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความเป็นนักแสดงระดับแม่เหล็กที่ดึงผู้ชมออกมาควักกระเป๋า และเดินเข้าโรงภาพยนตร์ได้สำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า สถานการณ์การประท้วงของสหภาพนักเขียน และนักแสดงฮอลลีวูดเพิ่งคลี่คลายลงไปเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง
วองก้า ยังเป็น 1 ใน 3 ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มีกำหนดฉายในช่วงเทศกาลวันหยุดสิ้นปี โดยอีกสองเรื่องได้แก่ Aquaman and the Lost Kingdom ที่จะเปิดฉายในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ และภาพยนตร์มิวสิคัล The Color Purple ที่จะออกฉายในวันที่ 25 ธันวาคม
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์เข้าฉายเป็นครั้งแรกอีกเพียงเรื่องเดียวคือ Christmas With the Chosen: Holy Night ซึ่งทำรายได้ไป 2.9 ล้านดอลลาร์ ในการฉาย 2,094 โรง โดยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 7
อันดับที่ 2 ตกเป็นของ The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes” หลังเก็บเงินเข้ากระเป๋าไปได้เพิ่ม 5.8 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ 5 ของการฉาย ซึ่งทำให้ยอดรายได้สะสมจากการฉายในสหรัฐ เพิ่มมาเป็น 145.2 ล้านดอลลาร์ บวกกับยอดสะสมจากการฉายทั่วโลกอีกกว่า 300 ล้านดอลลาร์
ส่วนเจ้าของอันดับหนึ่งในสัปดาห์ที่แล้วอย่าง แอนิเมชั่นสัญชาติญี่ปุ่น The Boy and the Heron ตกลงมาอยู่ที่อันดับที่ 3 ด้วยรายได้เพิ่มอีก 5.1 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ อันดับที่ 4 เป็นของ Godzilla Minus One ที่เก็บเงินไปเพิ่มอีก 4.9 ล้านดอลลาร์ และ Trolls Band Together ก็ยังร้องสนั่น-แดนซ์สนุกต่อ ในอันดับที่ 5 หลังเก็บเงินเข้ากระเป๋าเพิ่มได้อีก 4 ล้านดอลลาร์
https://www.youtube.com/watch?v=otNh9bTjXWg
อ่านข่าวเพิ่มเติม