ATIA สกินแคร์ยุโรป รุกตลาดไทยกลุ่มพรีเมียม
เอทิต้า เปิดตัว ATIA สกินแคร์แบรนด์ใหม่จากยุโรป รุกไทย เจาะกลุ่มพรีเมียม หลังทำตลาดในยุโรป ดูไบ 4 ปี อนาคตเล็งทำไซซ์เล็ก-ครีมซอง ตีตลาดเพิ่ม
นางอทิตยา จีวะสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทิต้า บิวตี้ แคร์ จำกัด เปิดเผยว่าATIA (อะเทีย) แบรนด์สกินแคร์เรือธงของบริษัทเอทิต้า ชูจุดเด่นวัตถุดิบพรีเมียมจากยุโรป ภายใต้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ใช้เวลาวิจัยและพัฒนาเกือบ 2 ปี
“อะเทียเป็นสกินแคร์แบรนด์แรกของบริษัท ที่เกิดจากความชื่นชอบในการดูแลผิวหน้าของผู้บริหาร เมื่อมาเรียนต่อที่อังกฤษ และตนเองเริ่มมีปัญหาผิว จึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจังโดยเข้าเรียนกับสถาบันเกี่ยวกับสกินแคร์ นำมาสู่การพัฒนาสินค้าอะเทีย และเริ่มนำร่องในตลาดยุโรป”
[caption id="attachment_72068" align="aligncenter" width="500"]
นางอทิตยา จีวะสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทิต้า บิวตี้ แคร์ จำกัด[/caption]
โดยก่อนหน้านี้ได้เริ่มจัดจำหน่ายร่วม 4 ปี ในต่างประเทศ อาทิ อังกฤษ ดูไบ สวิตเซอร์แลนด์ และฮอลแลนด์ ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงได้ทดลองขายในประเทศไทยด้วย ซึ่งได้รับผลตอบรับดีต่อเนื่อง จากอินไซด์ผู้บริโภคไทยเปิดใจรับสกินแคร์ใหม่ ๆ โดยสินค้าล็อตแรกของบริษัทฯ สามารถทำยอดขายหมด 10,000 หลอด ขณะนี้ได้สั่งผลิตล็อตที่สองเป็นที่เรียบร้อย
ในปี 2566 บริษัทฯ จึงเปิดตัวแบรนด์ อะเทีย ในไทยอย่างเป็นทางการ รวมถึงทำการผลิตสินค้าในโรงงานที่ประเทศไทย เจ้าเดียวกับเคานต์เตอร์แบรนด์ระดับโลก แต่นำเข้าวัตถุดิบพรีเมียมจากยุโรปเป็นตัวชูโรงเช่นเดิม
เบื้องต้น บริษัทฯ วางโพซิชั่นสกินแคร์พรีเมียม ในราคาที่คนไทยเข้าถึงได้ ผ่าน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
1. ATIA Foaming Face Cleanser โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยง ขนาด 100 ml ราคา 390 บาท
2. ATIA Brightening Revival Day Cream ครีมทาหน้าสูตรกลางวัน ผสมกันแดด SPF 20 PA+++ ขนาด 45 ml ราคา 1,490 บาท
3. ATIA ANTI AGING Essence Night Cream ครีมทาหน้าสูตรกลางคืน ขนาด 45 ml ราคา 1,690 บาท
“บริษัทฯ เน้นสินค้าไปที่การฟื้นฟูผิวกระจ่างใส ริ้วรอย และฝ้า ภายใน 4-8 สัปดาห์ เจาะทาร์เก็ตหลักเป็นวัยทำงานทั้งชายและหญิง หรือกลุ่มวัยรุ่น ที่มีกำลังซื้อ ซึ่งจากการศึกษาอินไซด์คนไทย เราพบว่า คนไทยให้ความสนใจในเรื่องการแก้ปัญหาฝ้ามากที่สุด”
โดยการทำตลาดสกินแคร์ในประเทศไทยการแข่งขันค่อนข้างสูง จึงเลือกช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์แอด ช้อปปี้ และลาซาด้า เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกให้แก่ผู้บริโภค
ขณะเดียวกัน ได้เริ่มทำตลาดในไทย โดยให้สินค้าอินฟลูเอนเซอร์ไปทดลอง และเกิดการรีวิวแบบปากต่อปาก ทำให้สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จักในไทย
สำหรับในอนาคตหากผลตอบรับดีต่อเนื่อง สเต็ปต่อไปอาจเพิ่ม SKU สินค้าเป็นชิ้นเล็กลง เช่น ขวดเล็ก หรือครีมแบบซองสำหรับทดลองใช้ เป็นต้น เพื่อเคลื่อนตัวหาผู้บริโภคในวงกว้าง
“อะเทียพยายามชูความแตกต่าง ในด้านเป็นครีมที่ผ่านการรับรองจาก อย. ยุโรป ดูไบ แม้กระทั่งได้รับเครื่องหมายฮาลาลจากอินโดนีเซีย เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในการซื้อสินค้า จากช่วงที่ผ่านมาเกิดกระแสข่าวครีมออนไลน์อันตรายจากการใส่สารต้องห้ามอย่างปรอท”