โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

เปิดบทสัมภาษณ์ ‘เศรษฐา’ ขึ้นปกไทม์ ลุยงานหนัก จะช่วยเยียวยาประเทศได้หรือไม่

Khaosod

อัพเดต 13 มี.ค. 2567 เวลา 05.12 น. • เผยแพร่ 13 มี.ค. 2567 เวลา 04.08 น.
เปิดบทสัมภาษณ์ ‘เศรษฐา’ ขึ้นปกไทม์ ลุยงานหนัก จะช่วยเยียวยาประเทศได้หรือไม่

เปิดบทสัมภาษณ์ ‘เศรษฐา’ ขึ้นปกนิตยสาร ไทม์ ลุยงานหนัก แต่จะช่วยเยียวยาประเทศได้หรือไม่ รับแรงกดดันมาจากความจำเป็นในการแก้ปัญหาความยากจนให้คนไทยมีความเป็นอยู่ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา เว็บไซต์นิตยสารดังอย่าง ไทม์ (TIME) เผยแพร่ภาพหน้าปกนิตยสารลงวันที่ 25 มี.ค. 2567 ซึ่งปรากฏภาพของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โดยโปรยปกยกให้เป็น “THE SALESMAN” ที่กำลังเปิดรับนักธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ขึ้นปกนิตยสารไทม์ พร้อมบทสัมภาษณ์โดยชาร์ลี แคมป์เบลล์ ได้รายงานด้วยการเกริ่นว่า ถ้าไม่มีผู้ช่วยมานำทาง ตนคงไม่มีทางที่จะขึ้นไปชั้นสองของทำเนียบรัฐบาล อาคารสไตล์เวนิสโกธิกในกรุงเทพฯ แห่งนี้ได้ เพราะสถานที่นี้มีไว้สำหรับงานราชการเท่านั้น นักข่าว (และแม้แต่แขกผู้มีเกียรติ) จะได้รับอนุญาตให้เดินชมภาพสีน้ำและเครื่องประดับหินอ่อนที่ประดับประดาห้องรับแขกชั้นล่างเท่านั้น ทุกสิ่งที่อยู่เหนือบันไดใหญ่เป็นเรื่องเข้มงวดไปหมด

แต่สำหรับนายเศรษฐา ได้ใช้เวลาไม่นานในการข้ามกฎเกณฑ์หยุมหยิม พาตนขึ้นไปที่ห้องทำงานที่ชั้นสอง โดยให้ข้าราชการออกไป และนั่งลงเพื่อสนทนาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงโดยไม่มีโพย แต่ถูกตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยลงมือลุยงาน แต่เขาจะช่วยเยียวยาประเทศได้หรือไม่

อดีตยักษ์ใหญ่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเดือนก.ย. วัย 62 ปี จะสร้างผลงานไม่ได้ถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอก นายเศรษฐา จึงเดินทางไปต่างประเทศมากกว่า 10 ครั้งเพื่อพบปะนักลงทุน ทั้งจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลกที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ห้องประชุมเล็กๆ ที่นั่งคุยกับ TIME นั้นรายล้อมไปด้วยกระดานไวท์บอร์ดเขียนวัตถุประสงค์เชิงนโยบายคร่าวๆ ไว้ เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล ศูนย์กลางการบินแห่งชาติ เหมืองแร่โปแตช Tesla

ความพยายามของนายกฯดังกล่าว เริ่มผลิดอกออกผลในด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบเป็นรายปี ในเดือนพ.ย.เพียงเดือนเดียว เขาได้เปิดฉากการลงทุนในประเทศไทยโดย Amazon Web Services, Google และ Microsoft มูลค่ารวม 8.3 พันล้านดอลลาร์ ด้วยเสน่ห์อันล้นเหลือของเซลส์แมน ที่กล่าวว่า“ผมอยากบอกให้โลกรู้ว่าประเทศไทยกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง”

ช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา แลนด์ออฟสมายล์แห่งนี้ ต้องเผชิญกับความแตกแยกทางการเมืองอันขมขื่น กองทัพไทยยึดอำนาจด้วยการรัฐประหารปี 2557 และเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อรับประกันบทบาทชี้นำเพื่อกองทัพของประเทศ (เศรษฐาเข้ามาแทนที่นายพลที่เป็นคนวางนโยบายดังกล่าว) แต่ภายใต้ทศวรรษถัดมาของการปกครองกึ่งทหารที่สับสนวุ่นวาย เศรษฐกิจของไทยซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ซบเซาในขณะที่ความเหลื่อมล้ำเพิ่มสูงขึ้น

ปี 2561 คนที่รวยที่สุด 1% ของประเทศไทยควบคุมความมั่งคั่งถึง 66.9% ตามข้อมูลของ Credit Suisse Global Wealth Databook (ในสหรัฐอเมริกา คิดเป็นประมาณ 26.5%) ขณะเดียวกัน คนหนุ่มสาวหลายพันคนออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเพื่อเรียกร้องให้กองทัพหยุดก้าวก่ายกระบวนการประชาธิปไตย โดยชูสามนิ้วแบบในภาพยนตร์ Hunger Games ส่งสัญญาณความไม่พอใจ ทั้งการเว้นวรรคประชาธิปไตยและความผิดพลาดทางการคลัง

การเติบโตของ GDP โดยเฉลี่ยในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากร 70 ล้านคน ต่ำกว่า 2% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ลงทะเบียนอัตราดังกล่าวเป็นสองเท่าหรือสามเท่า และแย่งชิงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไป

ช่วงโรคระบาดโควิดทำลายล้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย ขณะนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงมีเพียง 70% ของจุดสูงสุดในปี 2562

แกเรธ เลเธอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียจากแคปิทัล อีโคโนมิกส์ (Capital Economics) กล่าวว่า ประเทศไทยล้าหลังอย่างแท้จริงในแง่ของการฟื้นตัวจากโรคระบาดและแย่กว่าที่อื่นๆ ในเอเชียอยู่มาก

นายเศรษฐา พูดตรงๆ ถึงความเสี่ยงของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ใน วิกฤตเศรษฐกิจ ที่ต้องรับมือโดยตรง รัฐบาลได้ลดภาษีเชื้อเพลิง ประกาศพักชำระหนี้เป็นเวลา 3 ปีสำหรับเกษตรกรที่ประสบปัญหา และวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่จะมอบเงิน 10,000 บาท ($280) เพื่อกระตุ้นการบริโภค

ด้านการท่องเที่ยวมีการยกเว้นวีซ่าสำหรับผู้มาเยือนจากจีนและอินเดีย โดยมีแผนจะขยายไปยังประเทศ อื่นๆ อีกหลายประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลต้องการเพิ่มบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ การดูแลสุขภาพ และการเงิน

อย่างไรก็ตาม เส้นทางข้างหน้ายังขรุขระไม่น้อย เมื่อมองว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ชนะที่หนึ่งในการเลือกตั้ง แต่ขึ้นมานำรัฐบาลได้ เพราะพรรคก้าวไกล ซึ่งต้องการชนกับกลุ่มอำนาจอย่างหักดิบไม่ได้รับการสนับสนุน ดังนั้น นายกฯ เศรษฐาจึงต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องร่วมมือกับกลุ่มที่ขัดขวางการปฏิรูป

แต่นายเศรษฐากล่าวว่า"ความกดดันไม่ได้เกิดจากการเป็นรองแชมป์ แต่มาจากความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาความยากจน เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยทุกคน นั่นคือความกดดันที่ผมเผชิญทุกวัน"

นิตยสารไทม์ยังรายงานประวัติข้อมูลส่วนตัวของนายกฯ และระบุถึงการเป็นนายกฯ ของไทยคนที่สองที่มาค้างในทำเนียบรัฐบาล รวมถึงสไตล์การทำงานที่ตื่นแต่เช้าและนอนดึก

สำหรับสถานการณ์เฉพาะหน้าที่รัฐบาลเศรษฐาเผชิญคือ การที่คนงานไทยในอิสราเอลเสียชีวิตในกาซ่า 39 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 32 คน ซึ่งขณะนี้เหลืออีก 8 คนที่ยังรอความช่วยเหลือท่ามกลางสงครามที่นายกฯ รู้สึกว่า "เมื่อไหร่จะจบเสียที"

นายกฯ ยังเผชิญอุปสรรคในการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกลัวว่าเงิน 15,000 ล้านดอลลาร์ที่ฉีดเข้าไปในตลาด จะทำให้เกิดเงินเฟ้อ

“การเป็นซีอีโอของบริษัท ทำให้คุณรู้ว่าอำนาจมีจำกัด แต่ที่ผมประหลาดใจมากที่สุดคือการเป็นนายกรัฐมนตรีกลับไม่มีอำนาจ” นายกฯ กล่าว

เมื่อนักข่าวไทม์ถามถึงเสียงวิจารณ์ว่า นายเศรษฐาเป็นหุ่นเชิดของนายทักษิณ ชินวัตร ที่คอยกดรีโมตให้ไปทางซ้ายทางขวา นายเศรษฐาตอบสั้นๆ ชัดเจน ว่า“ผมควบคุมอยู่นะครับ”

ในด้านการต่างประเทศ นักข่าวไทม์ถามถึงเรื่องที่นายเศรษฐา พบปะกับ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งถูกต่อต้านจากชาติตะวันตกจากการที่รุกรานยูเครน และไทยยังยกเว้นวีซ่า 90 วันให้ชาวรัสเซียเข้ามาเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงกรณีล่าสุดที่ ปูตินถูกสหรัฐกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการตายของอเล็กซี นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย

นายเศรษฐากล่าวว่า ขณะนี้มีหลักฐานว่าปูตินเป็นคนทำหรือไม่ เรื่องนี้เป็นคดีอาชญากรรมที่เกิดในดินแดนของรัสเซีย เราจะไม่เข้าไปแทรกแซง หรือละเมิดอธิปไตยของประเทศอื่น

ในตอนท้ายไทม์ระบุถึงเรื่องที่นายกฯ เศรษฐาไปตรวจสนามบินสุวรรณภูมิโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า เรื่องที่นายเศรษฐาเอ่ยถึงการเสียโอกาสจัดคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ของไทยให้กับสิงคโปร์ และเรื่องที่ต้องตัดสินใจลำบากในการยกระดับคนในสังคมโดยต้องอาศัยอีลิทสนับสนุน รวมถึงการปฏิรูปที่เศรษฐกิจไทยต้องการอย่างยิ่ง

“จากการเป็นซีอีโอบริษัทมาเป็นซีอีโอของประเทศ ก็เหมือนมีผู้ถือหุ้นมากขึ้น และสิ่งที่เหมือนในห้องประชุมบอร์ด อำนาจนั้นไม่เคยแบ่งแยกให้เท่ากันได้”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เปิดบทสัมภาษณ์ ‘เศรษฐา’ ขึ้นปกไทม์ ลุยงานหนัก จะช่วยเยียวยาประเทศได้หรือไม่

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...