SABINA ฉายภาพปีม้าคึกกลยุทธ์รายได้-มาร์จิ้นดีด
#SABINA #ทันหุ้น – SABINA มั่นใจปี 2569ผลงานจะดีขึ้นกว่าปี 2568หลังประสิทธิภาพผลิตเพิ่มดันมาร์จิ้นดี วางเกมสินค้าใหม่จับ UNISEX ชี้ผลตอบรับขายสินค้าชายดี เดินหน้าขยายธุรกิจ OEM ที่มีมาร์จิ้นสูง ส่วนทิศทางไตรมาส 4/2568 เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นจากกำลังซื้อที่กลับมา รับงานกาชาดขายฮอต
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ภาพรวมการเติบโตของ SABINA ในปี 2569 จะเติบโตขึ้นได้ดีกว่าปี 2568 ทั้งในแง่ของรายได้และอัตรากำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพทั้งส่วนของวัตถุดิบที่จะทำให้ต้นทุนต่ำลง ขณะที่การว่าจ้างโรงงานผลิตสินค้าให้บริษัทก็นับว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการส่งทีมงานไปวางระบบควบคุมคุณภาพให้กับโรงงานพันธมิตรหลายแห่ง ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการว่าจ้างให้โรงงานต่างๆ ผลิตสินค้าให้กับบริษัทในสัดส่วน 70% ขณะที่โรงงานของบริษัทผลิตเอง 30%
“เป็นผลต่อเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างการผลิตใหม่ตั้งแต่ปลายปี 2567 ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยถูกลง เราทำเพื่อรองรับค่าแรงที่อาจปรับตัวสูงขึ้นไปก่อนแล้ว ทำให้มาร์จิ้นค่อนข้างดี”
@ กลยุทธ์ปีม้า
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปีหน้า บริษัทจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่มากขึ้น ทั้งในส่วนสินค้าที่ไม่ใช่ชุดชั้นในผู้หญิง รวมไปถึงสินค้าสำหรับผู้ชาย ซึ่งจากการเปิดตัวไปเมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้เสียงตอบรับที่ดี ดังนั้นบริษัทจะเดินหน้าขยายสัดส่วนสินค้ากลุ่มผู้ชายและสินค้าแบบ Unisex ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายให้มากกว่าเดิม
ในส่วนของช่องทางการขายนั้นบริษัทจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการขายต่อตารางเมตรมากขึ้น โดยจะมุ่งเน้นไปที่การเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า รวมถึงยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางขายกิจกรรมอีเวนต์เฉพาะหรือการจัดงานตามเทศกาล หรือ Pop-up Store ซึ่งเป็นช่องทางที่มีการเติบโตดี ควบคู่ไปกับการเปิดสาขาใหม่ๆ โดยใช้โมเดลร้านแบบ Standalone เพิ่มขึ้น รวมถึงการเดินหน้าขยายช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ปัจจุบันยอดขายจากช่องทางที่ไม่ใช่หน้าร้าน (Non-Store) พุ่งสูงขึ้นถึง 30% กว่าของยอดขายรวม โดยในจำนวนนี้เกือบครึ่งหนึ่งเป็นยอดขายจากออนไลน์โดยตรง ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ดี
@ขยายธุรกิจ OEM
ในส่วนธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งในปี 2568 ถือว่าเป็นปีทองของธุรกิจ OEM ที่ทำกำไรได้ดี มีมาร์จิ้นมากกว่า 50% เนื่องจาก SABINA เลือกผลิตสินค้าที่ทำยากและมีรายละเอียดเยอะ เช่น ชุดชั้นในไซซ์ใหญ่สำหรับลูกค้ายุโรป ทำให้คู่แข่งรายอื่นไม่กล้าทำและลูกค้าเปลี่ยนใจยาก ปัจจุบัน SABINA เป็น 1 ใน 3 ซัพพลายเออร์หลักของแบรนด์ใหญ่ในอังกฤษ อย่างก็ดีปัจจุบันสัดส่วนรายได้จาก OEM มีอยู่ประมาณ 7-8% แต่บริษัทมองเห็นศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจนและคาดว่าสัดส่วนรายได้จาก OEM จะเพิ่มขึ้นเป็น 12% หลังจากปี 2569
@โค้งท้ายแววฟื้นตัวชัด
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2568 ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนยังทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2568 แต่เริ่มเห็นสัญญาณบวกในช่วงเดือนธันวาคมหลังจากช่วง Black Friday เนื่องจากกำลังซื้อเริ่มกลับมา โดยคาดว่าภาพรวมผลงานปี 2568 จะยังสามารถเติบโตได้ดีใกล้เคียงกับปี 2567
ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป ลูกค้าลดการเดินช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าแบบเดิมลง และหันไปให้ความสนใจกับกิจกรรมอีเวนต์เฉพาะหรือการจัดงานตามเทศกาลมากขึ้น
โดยในส่วนงานกาชาดที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี ขณะที่บริษัทได้เลือกใช้พื้นที่ที่เล็กลงและเน้นประสิทธิภาพมากขึ้น ปรากฎว่ายอดขายรวมยังคงเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่เมื่อเทียบยอดขายต่อตารางเมตรถือว่าดีกว่าปีที่แล้วมาก
@อานิสงส์บาทแข็ง
ส่วนการที่กรมศุลกากรจะมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 จากเดิมจะเริ่มเก็บที่ 1,500 บาท จะเป็นผลดีกับบริษัทที่จะมีความสามารถทางการแข่งขันเพิ่มขึ้น แต่ไม่นัยสำคัญมากนักเพราะสินค้าของ SABINA เน้นมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าอยู่แล้ว และไม่มีแผนที่จะเข้าไปเล่นในตลาดที่มีราคาถูก
นางสาวดวงดาว กล่าวด้วยว่า บริษัทได้อานิสงส์เชิงบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าในนำเข้าสินค้าจากโรงงานผลิต ทำให้ต้นทุนลดลง ส่วนฝั่งส่งออกบริษัทไม่ได้ผลกระทบมากเพราะไม่ได้ใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินหลักในการส่งออกสินค้า ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทยังคงมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน