โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

บันทึกหน้า 4

ไทยโพสต์

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด สถานการณ์รุมเร้ารัฐบาลตั้งแต่วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ ยังไม่ทันแห้งดีก็ต้องรับแรงสั่นสะเทือนจากไฟความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา ที่เดิมคิดว่าจะยุติไปแล้ว แต่กลับปะทุขึ้นอีกรอบจนกลายเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลต้องรีบหาทาง “ให้มันจบที่รุ่นเรา” ตามเสียงประชาชนที่ทนกับความยืดเยื้อมาหลายสิบปีไม่ไหว

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย (มท.1) ควงผู้บัญชาการเหล่าทัพมาแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ สาระสำคัญคือเดินตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้กองทัพมีสิทธิใช้ปฏิบัติการทางทหารทุกรูปแบบตามเงื่อนไขสถานการณ์ พร้อมทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจะยึด “ความปลอดภัยของประชาชน” เป็นอันดับแรก

แต่จะไม่ยอมให้ใครล่วงละเมิดอธิปไตยโดยเด็ดขาด พูดชัดว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มรุก และจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อรักษาบูรณภาพของชาติ

ฟังแล้วก็หวังกันว่า การตอบโต้รอบนี้จะทำให้ไฟชายแดนสงบลงบ้าง และที่หลายคนพูดกันแบบไม่กลัวดรามาคือ “ขอคืนดินแดนด้วย” หลังถูกยั่วยุมาหลายรอบ จนสังคมเริ่มหมดความอดทนกับเกมชายแดนแบบซ้ำฉากเดิม

๐ คำถามที่ดังขึ้นเซ็งแซ่ว่า ทำไมจู่ๆ กัมพูชาถึงกล้าเปิดเกมรุกใส่ไทยอย่างไม่แคร์ข้อตกลงที่เซ็นกันไว้เป็นตั้ง คำตอบที่วิเคราะห์กันในวงความมั่นคงคือ ฝั่งเขมรกำลังเผชิญแรงเสียดทาน 3 ทาง ทั้งเวทีระหว่างประเทศ เศรษฐกิจในประเทศ และแรงกดดันด้านภาพลักษณ์ หลังไทยนำหลักฐานการวางทุ่นระเบิดในเขตไทยไปแฉกลางที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา จนภาพลักษณ์กัมพูชาดิ่งลงเหวชนิดแทบหาทางแก้หน้าไม่ทัน

ขณะเดียวกัน ความนิยมทางการเมืองในพนมเปญก็ไม่ค่อยสดใส รัฐบาลจึงต้องหยิบ “ภัยคุกคามจากภายนอก” มาเป็นตัวปลุกฮึดคนในชาติ เพื่อสร้างภาพผู้พิทักษ์ดินแดน การปะทะกับไทยจึงเป็นสูตรสำเร็จที่หยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ผล และยังช่วยกลบกระแสวิจารณ์เรื่องเศรษฐกิจปวกเปียก หลังโดนไทยปิดด่านจนคนในประเทศเริ่มบ่นกันหนาหู

ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องที่ทำให้รัฐบาลกัมพูชาเงิบหนัก นั่นคือ แรงกดดันให้จัดการกับขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ ที่ทำให้โลกตั้งฉายาให้ว่า “Scambodia” พอเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ถูกทลายเป็นโดมิโน ทั้งในภูมิภาคและในไทย แถมมีการอายัดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ชื่อเสียงประเทศก็ป่นปี้ การสร้างเรื่องปะทะชายแดนจึงกลายเป็นเครื่องมือเบี่ยงประเด็นที่รวดเร็วและทำงานได้ดี

ดังนั้นจึงพอจะฟันธงได้ว่า การปะทะครั้งล่าสุดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็น “มุกเก่าในพื้นที่เก่า” ของการเมืองกัมพูชา ที่ใช้ปัญหาชายแดนเป็นตัวต่อรอง เพิ่มอำนาจต่อรองในภูมิรัฐศาสตร์ และปลุกกระแสชาตินิยมฟื้นความนิยมในประเทศ เป็นบทซ้ำที่ไทยดูมาตั้งแต่รุ่นพ่อ

๐ อีกประเด็นที่สภาเองก็ร้อนพอๆ กับชายแดน คือ กระแสลือหึ่งว่านายกฯ จะยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค.นี้หรือไม่ หลังเพื่อไทยที่นำโดย หน.หนิม-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ประกาศขู่จะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 พร้อมข่าววงในว่าพรรคแดงรวบรวมรายชื่อเกิน 100 เสียงครบตามเกณฑ์หนึ่งในห้าของสภาเรียบร้อยแล้ว

แต่ถึงรายชื่อจะพร้อม ยุทธศาสตร์ยังไม่ลงตัว เพราะเพื่อไทยไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการทำให้การแก้รัฐธรรมนูญสะดุด หรือขัดขวางการเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ ที่สำคัญสถานการณ์ชายแดนเพิ่งเดือดขึ้นอีกระลอก การจะเดินหมากทางการเมืองจึงต้องชั่งน้ำหนักอย่างระมัดระวัง

ความจริงเพื่อไทยเองก็รู้ดีว่า ถ้าเล่นเกมนี้ให้จบอย่างเฉียบคม อาจลดอำนาจของพรรคภูมิใจไทยได้ และยังดึงพรรคประชาชนเข้ามาร่วมเกมได้ด้วย แต่ถ้าผิดจังหวะ จะกลายเป็นเหยื่อให้ใช้โจมตีในช่วงเลือกตั้งอย่างสนุกมือ

เพราะถ้าเพื่อไทยยื่นซักฟอกจริง รัฐบาลเสียงข้างน้อยก็แทบหนีไม่พ้นต้องยุบสภา เว้นแต่พรรคส้ม โดย หัวหน้าเท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ประกาศอุ้มรัฐบาลต่อให้สุดทาง เพราะหากไม่อุ้ม ก็อาจไม่ได้รัฐธรรมนูญ แถมยังปล่อยให้รัฐบาลพรรคสีน้ำเงินได้กินฟรีไปเกือบสามเดือน เข้าทำนองโดนหลอกว่า “อนุบาลการเมือง” ให้เขาแดกดันทางการเมืองเล่น

ภาพที่เห็นตอนนี้จึงเหมือนเกมหมากรุกที่ทุกฝ่ายรู้ว่ากำลังเข้าสู่ช่วงเผด็จศึก ทั้งการเมืองในสภาและความมั่นคงนอกบ้านรุกเร้าไปพร้อมกัน ด้านหนึ่งเสียงปืนชายแดนยังดังไม่หยุด อีกด้านเกมการเมืองในเมืองหลวงก็พร้อมลุกเป็นไฟได้ทุกวินาที ทิ้งให้ประชาชนลุ้นแบบไม่รู้จะมองไปทางไหนดี.

คางดำ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...