โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เมื่อโลกเปลี่ยนใจก็ป่วย รู้จัก ‘Eco-anxiety’ ความสิ้นหวังจากวิกฤตสิ่งแวดล้อม

The Momentum

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE MOMENTUM

“ดอกไม้บานที่แอนตาร์กติกา”

ฟังดูเหมือนวลีโรแมนติกที่ชวนให้ขบคิดจินตนาการ ทว่าเบื้องหลังความสวยงามทางวรรณศิลป์ซุกซ่อนความจริงอันแสนเจ็บปวดเอาไว้ หญ้าขนแอนตาร์กติก (Antarctic Hair Grass) และแอนตาร์กติกเพิร์ลเวิร์ต (Antarctic Pearlwort) พืชเพียงไม่กี่ชนิดที่ขึ้นบางๆ ประดับแหลมแอนตาร์กติก ณ เวลานี้งามสะพรั่งด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 5-10 เท่า

ขณะที่พื้นที่หนาวจัดถูกปกคลุมไปด้วยความเขียวขจี น้ำทะเลก็อุ่นขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อพายุลูกเล็กตามธรรมชาติดูดซับพลังงานความร้อนจากท้องมหาสมุทร ความสามารถในการกักเก็บไอน้ำในอากาศที่เพิ่มขึ้น ทำให้มันก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นไต้ฝุ่นและเฮอร์ริเคนอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้หน้ามรสุมรุนแรงและยาวนาน นำมาซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ในทางกลับกันบางพื้นที่ก็เผชิญกับภัยแล้งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

หากยังรู้สึกไกลตัวให้มองสิ่งที่ใกล้กว่า แม้ภัยจะคืบคลานมาถึงแล้ว ‘น้ำท่วมภาคใต้’ ตลอดจนภาคเหนือและภาคกลางตอนบนของไทย น่าจะทำให้เข้าใจได้มากยิ่งขึ้น มรสุมยาวนาน พายุที่โหมกระหน่ำ ลักษณะฝนอันผิดเพี้ยน และปริมาณน้ำมหาศาล ล้วนเกิดจากความแปรปรวนทางสภาพภูมิอากาศ

คำถามคือ เราจะสร้างโลกแบบไหนไว้ให้ลูกหลานอยู่อาศัย ในเมื่อท้องทะเลเต็มไปด้วยความร้อนและไมโครพลาสติก ผืนแผ่นดินถ้าไม่เต็มไปด้วยน้ำ ก็แล้งจนไม่อาจจะปลูกอะไรขึ้น ไม่เว้นแม้แต่อากาศหายใจที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันและพิษร้าย สงครามอาจมีวันจบสิ้น แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติไม่รู้จะไปจบที่ตรงไหน ความสูญเสียบางอย่างอาจฟื้นคืนได้ในหลักสิบปี พันปี หรือหมื่นปี แต่บางอย่างไม่สามารถย้อนกลับได้อีกเลย

ด้วยเหตุนี้ความผันแปรของธรรมชาติสร้างความกังวลใจให้ ‘มนุษยชาติรุ่นถัดไป’ เป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกที่เทรนด์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่คนยุคก่อนมองว่า ไกลตัวและจืดชืด จะได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มากขึ้น ไม่ใช่แค่ความหวาดกลัวธรรมดา แต่เป็นความวิตกกังวลทางใจที่สามารถพิสูจน์ได้ หรือที่เรียกว่า ‘Eco-anxiety’ ภาวะความวิตกกังวลจากวิกฤตสิ่งแวดล้อม

Eco-anxiety คือ

Eco-anxiety หรือ Climate anxiety คือภาวะความเครียดหรือวิตกกังวล จากการคิดถึงผลกระทบด้านวิกฤตสิ่งแวดล้อม ผ่านการเห็นภัยพิบัติ ความเปลี่ยนแปลง และการสูญเสีย ที่เชื่อมโยงกับความแปรปรวนทางธรรมชาติ รวมถึงความรู้สึกผิดที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้ และความรู้สึกเครียดที่คนอื่นไม่ใส่ใจไยดีต่อปัญหาที่เกิดขึ้น

ซึ่งความวิตกกังวลในลักษณะนี้ มักเกิดขึ้นกับเด็กและวัยรุ่นมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กมีอำนาจในการจัดการปัญหาระดับนี้น้อยกว่าและต้องอยู่กับผลที่ตามมานานกว่า

ในงานวิจัย Climate anxiety in children and young people and their beliefs about government responses to climate change: a global survey ในปี 2021 ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นของเยาวชนอายุระหว่าง 16-25 ปี จำนวน 1 หมื่นคน จาก 10 ประเทศ เกี่ยวกับความวิตกกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและความรู้สึกต่อการจัดการปัญหาของรัฐบาล ผลปรากฏว่า

- 59% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศมากถึงมากที่สุด ขณะที่อีก 89% รู้สึกกังวลปานกลางถึงเล็กน้อย

- 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกเศร้า วิตกกังวล โกรธ ไร้หนทาง และรู้สึกผิด

- 45% รู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

- 75% รู้สึกว่าอนาคตน่ากลัว

- 83% คิดว่าผู้คนไม่สามารถดูแลโลกได้

นอกจากนี้พวกเขายังให้คะแนนในเชิงลบต่อวิธีการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล และรายงานว่า พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกทรยศมากกว่าถูกทำให้เกิดความมั่นใจ โดย 64% เชื่อว่ารัฐบาลล้มเหลวในการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศ

แต่ถึงอย่างนั้น Eco-anxiety ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแค่กับเด็กหรือคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่รู้สึกได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจากปัญหาสิ่งแวดล้อม จากการสำรวจสำมะโนประชากรในปี 2021 รายงานว่า ผู้ใหญ่ในประเทศอังกฤษกว่า 75% รู้สึกกังวลถึงผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน นั่นเท่ากับว่าความรู้สึกหดหู่หัวใจกับการต้องเห็นโลกล่มสลายลงไปทุกวัน ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง

แล้วเราจะอยู่บนโลกที่ล้มป่วย ไปพร้อมๆ กับหัวใจที่บอบช้ำได้อย่างไร

คาโรไลน์ ฮิกแมน (Caroline Hickman) นักจิตวิทยาและนักวิจัยด้านสภาพอากาศ ให้คำแนะนำไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า อันดับแรกความรู้สึกหวงแหนและอยากปกป้องธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ควรปล่อยวางและลืมเรื่องแก้ไขมันไปก่อน เพราะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมไม่สามารถแก้ได้ด้วยคนเพียงไม่กี่คนหรือในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างเข้าใจและมองโลกอย่างมีหวัง (Radical Hope) เสมอ ถึงแม้เราไม่อาจหนีหายจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ทว่าเราจะไม่สิ้นหวังที่จะวาดฝันถึงวันที่ดีกว่า

แม้ความเจ็บปวดคือการที่รู้ว่าเราไม่มีวันไถ่บาปได้อย่างหมดสิ้น แต่อย่างน้อยการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับปัญหา โดยไม่สานต่อกิจกรรมใดก็ตามที่มีส่วนทำลายสมดุลทางธรรมชาติ อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อลดทอนความรู้สึกผิดในใจ และเพิ่มพูนความรู้สึกในการมีส่วนร่วมช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

“อย่าปล่อยให้ดอกไม้บานที่แอนตาร์กติกา”

ที่มา:

- https://www.greenpeace.org/thailand/story/27998/climate-emergency-eco-anxiety/

- https://www.unicef.org/thailand/blog/eco-anxiety-what-it-how-it-affects-our-children-and-how-parents-can-support-them

https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/34895496/

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...