OMODA & JAECOO เตรียมลงทุนเปิดฐานผลิต-ขยายโชว์รูมรถยนต์ในไทย
OMODA & JAECOO แบรนด์ยานยนต์จีนบริษัทลูก Chery Automobile ประกาศแผนลงทุนครบวงจรในไทย เปิดฐานผลิต-ขยายโชว์รูม-ยกระดับบริการ ปี 2568 พร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ทั้ง BEV, PHEV เทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Chery Automobile
[caption id="attachment_155363" align="aligncenter" width="1000"]
นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)[/caption]
นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา Chery Group บริษัทแม่ของOMODA & JAECOO ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 38% หรือยอดส่งมอบ 2.6 ล้านคัน คิดเป็นยอดรายได้ที่เติบโตขึ้นกว่า 50% นอกจากนี้ยังรักษาตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของประเทศจีนมายาวนานถึง 22 ปี
ขณะที่ OMODA & JAECOOซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่มีการเปิดตัวทั่วโลกถึง 33 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น คาซัคสถาน, ชิลี, เม็กซิโก, สเปน, เวียดนาม, แอฟริกาใต้, นิวซีแลนด์, เนเธอร์แลนด์ รวมถึงประเทศไทยจนได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในระดับโลก (The Fastest International Growth Car Brand) ซึ่งในปีที่ผ่านมา OMODA & JAECOO ได้สร้างปรากฏการณ์การเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 54% ทั่วโลก
"ความสำเร็จของOMODA & JAECOO ในปี 2567 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมานี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อรถและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของเรา แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยในปีนี้ OMODA & JAECOOได้เตรียมแผนรุกตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มกำลัง ทั้งการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ตั้งฐานการผลิตในไทย ขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุม พร้อมเพิ่มบริการแบบครบวงจร"
ทั้งนี้OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในหลากหลายกลุ่ม โดยในปีนี้เน้นการนำเสนอเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System) ที่ OMODA & JAECOOได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Chery Automobile เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดยานยนต์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง มีส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System)
และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ที่เน้นเรื่องการใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ากับประสบการณ์การขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ที่ทำให้การวิ่งได้ระยะยาวขึ้น แต่ยังโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพเชิงความร้อน (Thermal Efficiency) ที่ดีเยี่ยม ระยะทางในการขับขี่ที่ยาวไกลการปล่อยคาร์บอนเพียงน้อยนิด และระบบแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยสูงเป็นพิเศษอย่างที่แบรนด์อื่นๆ ไม่มี นับเป็นโซลูชันเทคโนโลยีไฮบริดที่ผสานประสิทธภาพสูง การประหยัดพลังงาน การปกป้องสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน
ปีนี้ OMODA & JAECOOพร้อมนำเสนอยนตรกรรมพลังงานใหม่เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง BEV, PHEV และอื่นๆ และเตรียมจัดเต็มกองทัพผลิตภัณฑ์ทุกโมเดลในงานมหกรรมยานยนต์ Bangkok International Motor Show ที่จะถึงนี้ พร้อมเตรียมเปิดฐานการผลิตที่โรงงานในจังหวัดระยอง คาดว่าพร้อมเริ่มเดินสายการผลิตในไตรมาสที่ 2 ของปี
อีกหนึ่งเป้าหมายของOMODA & JAECOO คือการขยายเครือข่ายโชว์รูม โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนโชว์รูมจากเดิม 23 แห่ง เป็นกว่า 50 แห่ง ทั่วประเทศในปีนี้ ควบคู่ไปกับการยกระดับบริการหลังการขาย โดยได้ร่วมมือกับ DHL Express ผู้นำระดับโลกด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศในการดำเนินการจัดส่งอะไหล่ระหว่างประเทศภายใน 3 วัน พร้อมขยายคลังอะไหล่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
และลดระยะเวลาการสั่งซื้ออะไหล่เร่งด่วนจากโรงงานผู้ผลิตในประเทศจีนจาก 30 วัน เหลือเพียง 15 วัน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ และในปีนี้มีแผนในการเพิ่มบริการดูแลตัวถังและสีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานให้ครบทุกโชว์รูม พร้อมเตรียมเปิดศูนย์ฝึกอบรมแบบเต็มรูปแบบ (Training Center) แห่งใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อให้ทุกการบริการเป็นไปตามมาตรฐานและมีประสิทธิภาพสูงสุด
OMODA & JAECOO เตรียมแผนเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าด้วยการพัฒนาระบบ CRM โดยพัฒนาระบบการจองออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้ามาใช้บริการได้รับความรวดเร็ว และยังมีบริการรถยนต์ทดแทนในกรณีที่รถของลูกค้าต้องใช้ระยะเวลาในการซ่อมเกิน 3 วัน นอกจากนี้ยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศไทย ฟรี 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
ในปีนี้ OMODA & JAECOOวางแผนการจัดกิจกรรมทางการตลาดอัดแน่นตลอดทั้งปี ทั้งกิจกรรมในกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย และกิจกรรมกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ทั้งการสร้างประสบการณ์การขับขี่การเป็นสปอนเซอร์ให้กับกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นที่สนใจของกลุ่มเป้าหมาย และการจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ
"ในปี 2568 นี้ เรายึดมั่นในวิสัยทัศน์ 'One Vision, One Drive, Inspiring the E-Future' สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัยผ่านการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกมิติ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ การบริการที่ครอบคลุม การดูแลหลังการขายที่เหนือระดับ และการลงทุนในโรงงานผลิตในประเทศไทย
ซึ่งไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของOMODA & JAECOO ในการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนอนาคตแห่งการขับขี่ที่ยั่งยืนไปด้วยกัน เรามุ่งหวังที่จะเป็นมากกว่าแค่ผู้ผลิตรถยนต์แต่พร้อมที่จะเป็นผู้ร่วมสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง"