โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ปีนี้ ‘วัตสัน’ เปิดเพิ่ม 50 สาขา มั่นใจขยายแบบนี้ไปได้อีก 5 ปี ตอนนี้ปักธง Greener Store แห่งแรกแล้ว

TODAY Bizview

อัพเดต 15 พ.ค. 2567 เวลา 11.56 น. • เผยแพร่ 15 พ.ค. 2567 เวลา 04.56 น. • workpointTODAY

หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าแบรนด์ ‘วัตสัน’ หรือ Watson ร้านค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามแบรนด์นี้มีอายุถึง 196 ปีและครองตำแหน่งผู้ให้บริการทางด้านนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยจำนวนสาขามากกว่า 16,400 แห่ง

ขณะที่ในไทยตอนนี้วัตสันมีสาขากว่า 700 สาขา หลังเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี 2539 หรือเป็นเวลากว่า 27 ปีของวัตสันในประเทศไทย โดยวัตสันได้ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จนมีสาขาครบ 77 จังหวัดของประเทศไทยในปีที่ผ่านมา และมี ‘อุทัยธานี’ เป็นจังหวัดที่ 77

อนาคต ‘วัตสัน’ จะลุยต่อไปในทางไหน TODAY Bizview สรุปแผนและพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยที่น่าสนใจจากวัตสันมาให้ได้อ่านกัน

[ ปีนี้ ‘วัตสัน’ เปิดเพิ่ม 50 สาขา มั่นใจขยายแบบนี้ไปได้อีก 5 ปี ]

ผู้บริหารวัตสันบอกว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมา ตลาดไทยกลับมาเท่ากับปี 2020 แล้ว โดยในปีที่แล้ววัตสันเองเติบโต 2 หลักและในไตรมาส 1 ปีนี้ก็ยังคงเติบโตตามเป้าหมาย

ทำให้วัตสันตั้งเป้าจะเติบโต 2 หลักเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ ‘วัตสัน’ ตั้งเป้าเปิดร้านอีก 50 สาขา เป็นเป้าหมายเดียวกับหลายปีที่ผ่านมา

โดยยืนยันว่า ตลาดเฮลท์แอนด์บิวตี้ในประเทศไทยจะเติบโตต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ได้ เพราะคนไทยอยากดูแลตัวเองมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าจะสามารถเปิดสาขาปีละ 50 สาขาแบบนี้ไปได้อีกอย่างน้อย 5 ปี โดยหลายๆ ประเทศเองก็มีสาขามากกว่า 1,000 สาขา

อย่างสาขาที่ ‘อุทัยธานี’ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ 77 ในประเทศไทยและจังหวัดสุดท้ายของวัตสัน ก่อนหน้านี้ก็ถูกมองว่าเป็นเมืองเล็ก แต่เมื่อมีความพร้อม วัตสันก็สามารถเข้าไปเปิดได้

กลุ่มสินค้าที่เติบโตมากที่สุด คือ ‘เครื่องสำอาง’ ตามมาด้วย ‘ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย’ (Personal Care)

พอพูดมาถึงตรงนี้ เราอาจจะเห็นได้ว่า ‘วัตสัน’ มีความมั่นใจว่าประเทศไทยสามารถมีวัตสันได้ถึง 1,000 สาขาได้ภายใน 5 ปีข้างหน้า

ในส่วนของพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีผลต่อสาขา ‘วัตสัน’ อธิบายว่า สาขาใหม่ๆ ของวัตสันมีแต่จะใหญ่ขึ้นตามความต้องการสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้สาขาต้องมีพื้นที่ที่ใหญ่พอจะรองรับสินค้ามากขึ้น เช่นเดียวกับที่ผู้ประกอบการเจ้าของสินค้าก็อยากได้พื้นที่ในการเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านเวิร์คชอปหรือกิจกรรมทางการตลาดอื่นๆ ในพื้นที่ของวัตสันเช่นกัน

ในส่วนของกลยุทธ์ ‘วัตสัน’ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก ยังคงเน้นกลยุทธ์ O+O หรือ Offline+Online ผสานเชื่อมออฟไลน์และออนไลน์เข้าหากัน โดยวัตสันอธิบายว่า กลยุทธ์ประสบความสำเร็จจากสมาชิกวัตสันคลับ มากกว่า 9 ล้านคนที่ได้รับสิทธิพิเศษผ่าน ‘โปรโมเชื่อม’ ระหว่างออฟไลน์และออนไลน์

[ เชื่อ ‘แบรนด์ไทย’ มีคุณภาพทัดเทียมโลก ]

อีกหนึ่งประเด็นที่ ‘วัตสัน’ พูดถึง คือ ตอนนี้มี ‘โลคอลแบรนด์’ ของไทยที่เก่งและมีคุณภาพมากมาย ในวัตสันเองก็มีสินค้าเครื่องสำอางไทยจำหน่ายอยู่หลายแบรนด์ และมี 4-5 แบรนด์ที่อยากจะส่งเสริมให้นำส่งออกไปวางขายในวัตสันในประเทศอื่นๆ ที่มีเครือข่ายกว่า 16,400 แห่ง

โดยเชื่อว่า แบรนด์ไทยหลายแบรนด์มีศักยภาพทัดเทียมระดับโลก จึงอยากจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพไปต่อในฐานะแบรนด์ไทย เป้าหมาย คือ อยากให้แบรนด์ไทยเติบโตต่อเนื่องไปในระดับโลกได้ ไปขายในวัตสันต่างประเทศได้

ส่วนในระดับในประเทศเองก็ยินดีต้อนรับทุกแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ที่อยากจะเข้ามาขายสินค้าในวัตสัน

[ Gen Y กับ Gen X ไม่สนแบรนด์ไหน-ราคาเท่าไร แต่ชอบช้อปยั่งยืน ]

และหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าพฤติกรรมการช้อปปิ้งของ Gen Y และ Gen X ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก คือ สนใจว่าเป็นแบรนด์อะไรมาจากไหน-ราคาถูกแพงเท่าไรน้อยลง แต่สนใจมากขึ้นว่าแบรนด์เหล่านั้นสนใจเรื่อง ‘ความยั่งยืน’ หรือไม่

วัตสัน จึงมีแพลนจะเพิ่มสัดส่วนการจัดจำหน่าย ‘ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน’ เพื่อตอบรับกับความต้องการของคนเจนใหม่ที่เปลี่ยนไปและเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่สนใจด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยจากสินค้ากว่า 5,000 SKU ตอนนี้มีสินค้าหลักพัน SKU ที่จัดเป็น ‘ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน’

ความตั้งใจของวัตสัน คือ เพิ่มโปรดักส์ที่เป็น ‘ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน’ ให้ได้มากที่สุด โดยถ้าเป็นสินค้าที่ผลิตเองหรือ ‘Own Brand’ จะเลือกผลิตให้เป็น ‘ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน’ ตั้งแต่ต้น

โดยปีที่แล้วได้เปลี่ยนมาใช้พลาสติกรีไซเคิลแล้ว 20% และยกเลิกการใช้พลาสติกสีดำ เพราะไม่สามารถรีไซเคิลได้ นอกจากนั้น ยังมีเรื่องอื่นๆ อาทิ ครีมกันแดดที่ไม่ทำร้ายปะการัง สครับที่ไม่ใช้ไมโครบีท แต่ใช้เมล็ดพันธุ์ต่างๆ เป็นองค์ประกอบแทน โดยวัตสันตั้งเป้าว่าในปี 2025 จะเพิ่มบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลให้ได้ 30%

แม้ว่าตอนนี้ผลิตภัณฑ์จากเจ้าอื่นๆ จะยังเป็น ‘ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน’ ไม่มากนัก เพราะต้นทุนสูงจากปริมาณการผลิตที่ยังไม่มาก แต่ก็เชื่อว่าจะเพิ่มได้ในอนาคต

ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ จากกว่า 700 สาขาของทั่วประเทศไทย ในที่สุด ‘วัตสัน’ ก็มีสาขา ‘Greener Store’ แห่งแรกของประเทศไทยแล้ว ณ สาขาสยามสแควร์

โดยรูปแบบร้าน ‘Greener Store’ หรือร้านเพื่อความยั่งยืนของวัตสัน นำแนวคิดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ อาทิ

– การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา

– การเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่ผลิตจากกระดาษและไม้รีไซเคิล

– การเลือกสินค้าที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมาจัดจำหน่ายในจุดที่โดดเด่นขึ้น

– การเปลี่ยนไฟฟ้าโคมเป็น LED ด้วยเป้าหมายลดใช้ไฟฟ้า 30%

นอกจากนั้น วัตสันยังได้เริ่มนำ ‘รถบรรทุกและรถปิคอัพไฟฟ้า’ มาใช้สำหรับการจัดส่งสินค้า เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย โดยตอนนี้มีรถไฟฟ้าแล้ว 6 คัน แบ่งเป็นรถหัวลาก 2 คันและรถบรรทุกขนาดเล็ก 4 คัน โดยเปรียบเทียบกับรถดีเซลสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ 50%

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...