โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เมื่อจีนใช้มังกรน้อย พลิกฟื้นชนบท (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 21 มิ.ย. เวลา 04.03 น.
เมื่อจีนใช้มังกรน้อย พลิกฟื้นชนบท (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

อย่างที่ผมเกริ่นไว้ในตอนที่ผ่านมาว่า หนึ่งในกลไกที่จีนใช้ในการผลักดันเพื่อให้การสร้างความกระชุ่มกระชวยในพื้นที่ชนบทบรรลุเป้าหมายในระยะสั้นและระยะยาว ก็ได้แก่ การโยกย้าย “มังกรน้อย” ที่เปี่ยมด้วยความรู้ ประสบการณ์ พลัง และความทะเยอทะยานลงสู่พื้นที่ดังกล่าว

สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การเปิดกิจการที่มีโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจและเพิ่มรายได้ให้คนในท้องถิ่น รวมทั้งการใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิต วันนี้ ผมจะขอพาไปส่องกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมกันครับ …

คนหนุ่มในวัย 35 ปีและจบการศึกษาด้านพืชสวนจากวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ภายหลังสั่งสมประสบการณ์ทำงานโดยร่วมมือกับญาติทำธุรกิจผ้าม่านในชุมชนเมืองอยู่พักใหญ่

ในปี 2011 ชีวิตของเขาก็มีอันต้องผกผันครั้งใหญ่เมื่อได้รับทราบว่า กิจการฟาร์มแตงโมของครอบครัวในบ้านเกิดที่มีคุณพ่อเป็นหลักในการดูแลประสบปัญหาการขาดทุนครั้งใหญ่ ขณะที่หลายครัวเรือนในพื้นที่ก็กำลังดิ้นรนอย่างหนักกับปัญหาการตีบตันของตลาด

เขาตัดสินใจเดินทางกลับบ้านในทันทีเพื่อใช้ความรู้และประสบการณ์ในการพลิกฟื้นธุรกิจใหม่ และมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือชาวบ้านในท้องถิ่นให้หลุดพ้นจากปัญหาดังกล่าว และด้วยความพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง เขาประสบความสำเร็จแรกด้วยการขายแตงโมคุณภาพสูงที่มีราคาต่ำให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายผลไม้

แต่เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเบ็ดเสร็จในวงกว้าง ในปีต่อมา เขาจึงได้ตัดสินใจจัดตั้ง “สหกรณ์แตงโมและผัก” ในเขตชื่อโช่ว (Shishou) เมืองจิงโจว (Jingzhou) มณฑลหูเป่ย พื้นที่ตอนกลางของจีน โดยให้ความสำคัญกับการจัดหาต้นกล้าให้กับเกษตรกรและสนับสนุนตลอดกระบวนการตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการขาย

เพื่อยกระดับสู่การทำการเกษตรสมัยใหม่ สหกรณ์ตระหนักดีถึงความสำคัญในการพัฒนาและเผยแพร่ความรู้และเทคนิคทางการเกษตรแก่สมาชิกในวงกว้าง สหกรณ์ภายใต้การนำของเขาจึงหารือความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

โชคดีที่รัฐบาลจีนมีนโยบาย “การสร้างความกระชุ่มกระชวยในพื้นที่ชนบท” ในภาพใหญ่ โครงการตามแนวคิดดังกล่าวจึงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อาทิ สถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรแห่งมณฑลหูเป่ย (Hubei Academy of Agricultural Sciences) และสถาบันฯ ระดับเมืองจิงโจว (Jingzhou Academy of Agricultural Sciences) และวิทยาลัยพืชสวนและการจัดสวนของมหาวิทยาลัยแยงซี (School of Horticulture and Gardening of Yangtze University)

ความร่วมมือดังกล่าวทำให้สหกรณ์ได้ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐมาเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมด้านเทคนิคแก่สมาชิกหลักเป็นประจำแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 6,000 คน-ครั้งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

และเพื่อพัฒนาโอกาสในการสร้างรายได้ในเชิงคุณภาพอย่างสร้างสรรค์ สหกรณ์ยังร่วมมือกับสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรแห่งเมืองจิงโจวพัฒนาเทคนิคการทำเกษตรอินทรีย์ และยังรับเอาแตงโมพันธุ์ใหม่ที่ได้รับคำแนะนำจากสถาบันวิจัยในจีนเพื่อหวังเพิ่มรสชาติแตงโม

นอกจากนี้ สหกรณ์ยังพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ในที่ดิน โดยผู้นำคนเก่งของสหกรณ์ได้พัฒนารูปแบบการเพาะปลูกใหม่ อาทิ การเพาะปลูกแตงโม 2 รอบและผัก 1 รอบต่อปี

สิ่งนี้ทำให้สหกรณ์สามารถสร้างประโยชน์จากการขยายตัวของรายได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในเชิงปริมาณ ขณะที่ผลผลิตของสหกรณ์ก็ถูกยกระดับในเชิงคุณภาพ โดยได้รับการรับรองมาตรฐาน “อาหารสีเขียวเกรดเอ” รวมทั้งยังสามารถจดสิทธิบัตรเทคนิคการเพาะปลูกดังกล่าวของตนเองเป็นจำนวนมาก หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ผลิตได้มากขึ้น ขายในราคาที่ดีขึ้น พร้อมด้วยศักยภาพที่เต็มเปี่ยม”

ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สหกรณ์สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2022 สมาชิกหลักของสหกรณ์มีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นถึงกว่า 30,000 หยวนต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต

การเติบโตของสหกรณ์ในเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรมดังกล่าวช่วยดึงดูดคนหนุ่มสาวที่เคยทำงานในชุมชนเมืองให้กลับมา และทำให้สหกรณ์มีคนรุ่นใหม่คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของจำนวนสมาชิกโดยรวม

เมื่อสอบถามถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นดังกล่าว ผู้นำสหกรณ์ได้ให้คำตอบอย่างน่าคิดว่า “ชนบทในยุคใหม่เป็นดินแดนแห่งคำมั่นสัญญาและเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์สำหรับผู้ประกอบการและคนหนุ่มสาวที่กลับบ้านเกิดเพื่อมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากโอกาสที่สดใส”

ปัจจุบัน สหกรณ์แตงโมและผักมีสมาชิกมากกว่า 350 คน มีฐานการเพาะปลูกใหญ่จำนวน 5 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 2,100 ไร่ และมีเรือนเพาะจำโครงเหล็กมากกว่า 5,000 แห่ง

นอกจากนี้ สหกรณ์ยังได้จัดตั้งโรงเรือนผลิตต้นกล้าที่ทันสมัยขนาด 4,000 ตารางเมตร ตลาดการค้าสินค้าเกษตรขนาด 20,000 ตารางเมตร และห้องเย็นขนาด 1,500 ตัน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเพาะปลูกและรองรับผลผลิตในเชิงคุณภาพ ทำให้สหกรณ์กลายเป็นแหล่งดูงาน “ต้นแบบ” ให้หลายชุมชนรากหญ้าได้แวะเวียนไปเรียนรู้ในวงกว้าง

จีนยังมีหลายกรณีศึกษาที่น่าสนใจ แต่วันนี้พื้นที่หมด ต้องไปติดตามกันต่อในตอนหน้าครับ …

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...