โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“หมอธีระวัฒน์” เตือน! โอเมก้า-6 ในน้ำมันพืช เสี่ยงกระตุ้นมะเร็งเต้านมร้ายแรง

เดลินิวส์

อัพเดต 21 มิ.ย. เวลา 13.20 น. • เผยแพร่ 21 มิ.ย. เวลา 06.02 น. • เดลินิวส์
ผลวิจัยชี้ น้ำมันพืชที่อุดมด้วยโอเมก้า-6 อาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านมชนิดดื้อยา ผ่านกลไก FABP5-mTORC1 แนะระวังอาหารแปรรูปและไขมันจากพืชบางชนิด

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

น้ำมันพืชมากโอเมก้า-6 กับมะเร็งเต้านมชนิดร้ายแรง

กรดลิโนเลอิก โอเมก้า-6 ในอาหาร สามารถผ่านการส่งสัญญาณ FABP5-mTORC1 มีผลต่อมะเร็งเต้านมชนิดร้ายแรง (วารสาร Science 15 เมษายน 2568)

เซลล์มะเร็งจะต้องประสานการเติบโตและการแพร่กระจายกับความสมบูรณ์ของสารอาหารของมัน และมีระบบการเผาผลาญโดยกลไกการส่งสัญญาณของ mTORC1

จากนั้น กำหนดเป้าหมายทาง mTOR ซึ่งจะควบรวมอิทธิพลจากนอกเซลล์เหล่านี้กับกระบวนการสร้างสิ่งที่จำเป็นของมะเร็ง

บทบาทของ mTOR ในฐานะตัวกลางควบคุมการเผาผลาญของเซลล์ สารอาหารต่างๆ ส่งผลต่อเส้นทางมะเร็งนี้ได้อย่างไร จะช่วยทำให้เรามีกลยุทธ์ในการ ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง อีกทางหนึ่ง มะเร็งเต้านม มีการส่งสัญญาณ mTOR ผิดปกติมากถึง 50%

หลักฐานที่เชื่อมโยงกรดอะมิโนและบทบาทของกลูโคส กับmTORC1 นั้น แม้ว่ามีอยู่แพร่หลาย ก็จริง แต่ยังคงมีการศึกษาไม่เพียงพอ ซึ่งรวมถึงกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่จำเป็น (PUFA) คือ กรดลิโนเลอิก โอเมก้า-6 (LA) และกรดลิโนเลนิก โอเมก้า-3 (ALA) ซึ่งไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นภายในร่างกายของมนุษย์ได้

ในทางสรีรวิทยา โอเมก้า-6 PUFAs เกี่ยวข้องเป็นหลักกับการสังเคราะห์ พรอสตาแกลนดิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการตอบสนอง ในเรื่องของ การอักเสบ

ในขณะที่ โอเมก้า-3 PUFAs มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ

โอเมก้า-6 LA เป็นไขมันไม่อิ่มตัวที่พบมากที่สุดในอาหารแบบตะวันตก และได้มาจากผลิตภัณฑ์จากสัตว์และโดยเฉพาะอาหารแปรรูปที่มีน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันเมล็ด ฝ้าย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด

การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภค โอเมก้า-6 LA กับอุบัติการณ์มะเร็งเต้านม มักขัดแย้งกันเอง ด้วยความหลากหลายของมะเร็งเต้านม

การศึกษานี้ ผู้ป่วยจะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม การแสดงออกของตัวรับฮอร์โมนและการขาดตัวรับ

มะเร็งเต้านม มีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆ ในระดับโมเลกุล เช่น โรคอ้วน อยู่แล้ว ดังนั้นการศึกษานี้จะเจาะลึกไปถึงกลไกของ mTOR ที่ทำหน้าที่สำคัญใน การรับรู้และถูกกระตุ้นตามความพร้อมของสารอาหารที่ส่งผลเฉพาะให้เซลล์มะเร็งเต้านมขยายตัวเพิ่มขึ้นในแต่ละชนิดย่อย

การศึกษายืนยันผลด้วยการศึกษาในเซลล์มะเร็งเต้านม (breast cancer cell lines) และ เซโนกราฟต์ (Xenograft) ที่ได้จากผู้ป่วย (PDX) โดยที่กรดลิโนเลอิก โอเมก้า -6 กระตุ้นมะเร็งเต้านมที่ร้ายแรงที่สุด (triple negative) ที่ไม่ตอบสนองต่อการบำบัดแบบมุ่งเป้าโดยผ่าน mTORC1 โดยที่มะเร็งที่อาศัยฮอร์โมนชนิดอื่นจะไม่ได้ใช้กลไกนี้

ระดับของโปรตีนที่จับกรดไขมันชาเปอโรนลิพิด 5 (FABP5) สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเนื้องอก ชนิดร้ายแรง เมื่อเทียบกับเนื้องอกที่มีตัวรับฮอร์โมน และ FABP5 โต้ตอบโดยตรงกับ mTORC1 เพื่อควบคุมการก่อตัวของสารเชิงซ้อน การจับกับสารตั้งต้น และตำแหน่งย่อยในเซลล์

การเชื่อมโยงของการ ส่งสัญญาณ FABP5-mTORC1 นี้ ในร่างกายสัตว์กินอาหารที่มีน้ำมันดอกคำฝอย ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเนื้องอก triple negative FABP5

และโอเมก้า -6 PUFAs กระตุ้นให้เกิดการส่งสัญญาณ ในสภาวะขับเคลื่อนที่มีสารอาหารจำนวนมาก และสิ่งที่พบนี้ ยังเจอในเลือดของคนป่วยที่มีมะเร็งเต้านมร้ายแรง ที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...