เอกสารมัดรัฐบาลแพทองธาร เมินข้อเสนอกองทัพ ดึงเกมเอื้อใคร?
แพทองธารยืนยัน ไทยไม่ได้เสียอะไร
แต่เอกสารความมั่นคงกลับบอกเราว่า… เราเสียไปแล้ว!
หลังคลิปเสียงสนทนาระหว่าง “แพทองธาร ชินวัตร” กับ “ฮุน เซน” หลุดออกมาเมื่อกลางเดือนมิถุนายน แพทองธารและพรรคคเพื่อไทย ประสานเสียง
“ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่มีเรื่องอธิปไตย และไม่มีผลกระทบต่อประเทศ”
วาทกรรมนี้ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อสื่อสารว่านี่คือ “เทคนิคการเจรจา”
แต่ขณะเดียวกัน — ในระดับของ กองทัพไทย เสนอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติประชุมด่วนเพื่อ “รับมือภัยคุกคามจากฝั่งกัมพูชา”
ด้วยมาตรการรุนแรงระดับ ตัดไฟ–ตัดอินเทอร์เน็ต–ควบคุมสินค้าและอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่อาจจะนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ
และข้อเสนอทั้งหมดนี้ มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2568
— ก่อนคลิปเสียงจะเกิดขึ้นถึง 6 วัน
ใครดึงเกมไว้ไม่เอาเรื่องเข้าที่ประชุม?
ใครมีสัมพันธ์ที่ดี คอยใช้อำนาจ “จัดการ” ให้ฮุน เซนพอใจ?
คำตอบ อาจอยู่ในคำว่า “สายสัมพันธ์ส่วนตัว” ที่กลายเป็น “เส้นเบรกความมั่นคงของรัฐ” โดยที่ประชาชนไม่รู้ตัว
————
จากเอกสารนี้ที่ไม่เคยถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมสมช. เราเสียไปแล้ว 2 อย่าง
1. ❌ เสียความต่อเนื่องของแนวนโยบายความมั่นคง
• สมช. ได้รับข้อเสนอจากกองทัพไทยให้ ตัดไฟ–อินเทอร์เน็ต–ควบคุมสินค้าและอาวุธ เข้าพื้นที่ฝั่งกัมพูชา
• แต่กลับไม่เคยมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมอย่างเร่งด่วนตามข้อเสนอ
👉 ทำไมติดดิสเบรกข้อเสนอของกองทัพ หรือติดขัดที่สายสัมพันธ์ส่วนตัวของผู้นำ?
⸻
2. ❌ เสียอธิปไตยเชิงนโยบาย
• เมื่อฝ่ายบริหารระดับสูงพูดคุยกับ “อดีตผู้นำกัมพูชา” ด้วยวาทกรรมแบบพี่น้อง-ครอบครัว
• แถมเป็นการพูดให้ร้ายแม่ทัพภาคที่ 2 บอกชัดอยากได้อะไรเดี๋ยวจัดการให้
👉 ผลคือ ไทยไม่เพียง “ลดน้ำหนักอำนาจต่อรอง” แต่ยังเสียเกียรติภูมิชาติ เพราะการกระทำของผู้นำด้วย
⸻
อย่าบิดไปประเด็นว่าไม่ได้เสียอธิปไตย
เนื่องจากยังไม่ถึงขั้นนั้น
เพราะถ้าเสียอธิปไตยจริง
อย่าว่าแต่ตำแหน่งเลย หัวก็อาจอยู่บนบ่าไม่ได้
สิ่งที่เกิดขึ้น…
ไม่ใช่เรื่องของการเสียดินแดนหรือเอกราช
แต่คือการ เสียแนวทางการป้องกันภัยที่ฝ่ายความมั่นคงวางไว้ชัดเจน
และเสีย “ศักดิ์ศรีของนโยบายต่างประเทศ” ที่ไปอิงสายสัมพันธ์ส่วนตัวแทนประโยชน์แห่งรัฐ