โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

รายงานพิเศษ : DMT หุ้นหลบภัยวิกฤติเศรษฐกิจ อัตราหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.08 เท่า แถมจ่ายปันผลกว่า 90% ของกำไร

Share2Trade

อัพเดต 19 พ.ค. เวลา 08.20 น. • เผยแพร่ 19 พ.ค. เวลา 08.20 น. • Share2Trade

ยุคที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่การลงทุนหุ้นที่แข็งแกร่ง จ่ายปันผลสูง เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) ที่ผลงานเติบโตต่อเนื่อง จากD/E ที่ต่ำเพียง 0.08 เท่า แต่จ่ายปันผลในอัตราที่สูง

DMT รายงานพิเศษ_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

ซึ่งดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ DMT ระบุผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568) บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 659.19 ล้านบาท โดยมีรายได้ค่าผ่านทาง จำนวน 652.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ค่าผ่านทาง จำนวน 617.87 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการซ่อมโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 0.58 บาท ขณะที่มีรายได้จากการลงทุน จำนวน 5.43 ล้านบาท และรายได้อื่น จำนวน 0.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 272.67 ล้านบาท ทั้งนี้ ใน ไตรมาส 1/2568 มีปริมาณจราจรเฉลี่ยต่อวันรวมอยู่ที่ 107,261 คัน

และ ณ 31 มีนาคม 2568 DMT ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยไม่มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ย มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ DE Ratio ในอัตรา 0.08 เท่า ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ มีวงเงินทุนหมุนเวียนที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 2,200 ล้านบาท นอกจากนี้แล้ว DMT มีการปันผลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

โดยการประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 68 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานต่อเนื่องของงบเฉพาะกิจการ ในอัตราหุ้นละ 0.22 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 96 ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานงวด 3 เดือน แรกของปี 2568 เป็นจำนวนเงินกว่า 259.87 ล้านบาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 มิถุนายน 2568

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/2568 ตลอดจนถึงสิ้นปีนี้ มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2568 โดยคาดการณ์ว่า หากเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว ฟื้นตัวในภาพรวม ปริมาณจราจรก็สามารถเติบโตตาม สภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ โดยตั้งแต่ไตรมาส 4 /2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการจัดเก็บค่าผ่านทางตามอัตราใหม่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าตามสัญญาสัมปทานทางหลวง รวมทั้งมีการบริหารจัดการด้านรายจ่ายรวมถึงการบริหารผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และเชื่อมั่นว่า 2 บริษัทย่อย คือ บริษัท เอ สยาม อินฟรา จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านงานวิศวกรรม และ บริษัท แอลฟา ดี เอ็ม เทค จำกัด ซึ่งได้จัดตั้งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการระบบชำระเงินดิจิทัล ระบบบริหารจัดการการจราจรและความปลอดภัย และระบบบริหารจัดการทรัพย์สิน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย

สำหรับ บริษัท เอ สยาม อินฟรา จำกัด ปัจจุบันมีงานในมืออยู่จำนวนมากกว่า 20โครงการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 90-100 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2568 ส่วนบริษัท แอลฟา ดี เอ็ม เทค จำกัด ตอนนี้ได้เริ่มดำเนินการในส่วนของการพัฒนาระบบการชำระเงิน และ และมีเป้าหมายสร้างได้มากกว่า 25-30 ล้านบาท

"บริษัทฯ ได้เดินตามกลยุทธ์ New Business Venture ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเพิ่มธุรกิจและแสวงหาธุรกิจใหม่ๆ ควบคู่กับการเข้าประมูลโครงการ ทั้งงานโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ของภาครัฐโดยมีเป้าหมายหลัก คือ โครงการ M82, M5 และจุดพักรถริมทางหลวง พร้อมทั้งตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 10% จากปีก่อน เนื่องจากการจัดเก็บค่าผ่านทางตามอัตราใหม่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าตามสัญญาสัมปทานทางหลวง โดยที่คาดการณ์ปริมาณการจราจรเฉลี่ยของปี 2568 น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียง ปี 2567 ซึ่งมีปริมาณการจราจรเฉลี่ยอยู่ที่ 111,922 คันต่อวัน" ดร.ศักดิ์ดา กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...