โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ความเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ 26-30 พ.ค. 68

Businesstoday

อัพเดต 31 พ.ค. เวลา 09.46 น. • เผยแพร่ 31 พ.ค. เวลา 02.46 น. • Businesstoday

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปภาวะตลาดเงิน-ตลาดทุนรอบสัปดาห์นี้ เงินบาทผันผวนในกรอบอ่อนค่า ขณะที่ตลาดหุ้นไทยร่วงลงแรงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง หลังแตะระดับแข็งค่าสุดรอบกว่า 7 เดือนครึ่งช่วงต้นสัปดาห์
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 เดือนครึ่งที่ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะล้างช่วงบวกทั้งหมดและกลับมาอ่อนค่าลงตามแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลกและการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินเยนซึ่งมีแรงกดดันจากการร่วงลงของบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่น

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากการที่ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป (ปธน.ทรัมป์ เลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จาก EU ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค.) และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางตัว เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน พ.ค. ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด

เงินบาทฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ แต่กลับไปอ่อนค่าต่อเนื่องจนถึงช่วงท้ายสัปดาห์สอดคล้องกับแรงขายของต่างชาติในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นรับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของ ปธน.ทรัมป์ เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต (แม้ต่อมาภายหลังศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว)

ในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 พ.ค.)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 26-30 พ.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 15,588 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 12,429 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 11,821 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 608 ล้านบาท)

สัปดาห์ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.40-33.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค.ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสถานการณ์สงครามการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือน พ.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน เม.ย. รายงาน Beige Book ของเฟด และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน พ.ค.ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และจีน และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค.ยูโรโซน

เงินบาทผันผวน-หุ้นไทยร่วงแรง
เงินบาทผันผวน-หุ้นไทยร่วงแรง

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

ดัชนีหุ้นไทยปิดลบต่อเป็นสัปดาห์ที่สามจากความกังวลต่อประเด็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ

ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้นๆ ในช่วงแรกก่อนจะร่วงลงแรงจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้า หลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีนำเข้า 50% จากสหภาพยุโรป (EU) เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างกันไม่มีความคืบหน้า (แม้ภายหลังจะมีการประกาศเลื่อนเก็บภาษีดังกล่าวออกไปเป็น 9 ก.ค. จากเดิม 1 มิ.ย.)

ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีความชัดเจนซึ่งยิ่งกดดันแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ประกอบกับเผชิญแรงขายหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นแบงก์รายใหญ่แห่งหนึ่งจากประเด็นการตัดขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้นๆ ระหว่างสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ขานรับรายงานข่าวที่ว่าศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ระงับการใช้มาตรการภาษีของ ปธน.ทรัมป์ เนื่องจากใช้อำนาจเกินขอบเขต

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้สั่งระงับคำตัดสินดังกล่าว ส่งผลให้มาตรการภาษีของ ปธน.ทรัมป์มีผลบังคับใช้ต่อ

โดยประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงในช่วงปลายสัปดาห์ นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายเพื่อปรับพอร์ตตามการปรับ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลในวันที่ 30 พ.ค. และแรงขายทำกำไรก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ

ในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,149.18 จุด ลดลง 2.31% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 41,340.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.41% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.96% มาปิดที่ระดับ 240.46 จุด

สัปดาห์ถัดไป (4-6 มิ.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,140 และ 1,120 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,160 และ 1,180 จุด ตามลำดับ
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค.ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือน พ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือน พ.ค.ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษและจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน พ.ค. (เบื้องต้น) และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน เม.ย. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของยูโรโซน ตลอดจนการประชุม ECB

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...