โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

บางอย่างในความรักของเรา (25) / ท่าอากาศยานต่างความคิด : อนุสรณ์ ติปยานนท์

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 09 ก.ย 2565 เวลา 05.14 น. • เผยแพร่ 11 ก.ย 2565 เวลา 03.00 น.

ท่าอากาศยานต่างความคิด

อนุสรณ์ ติปยานนท์

frontfirework@hotmail.com

บางอย่างในความรักของเรา (25)

เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปรับโจดี้แต่เช้าที่ที่พักของเธอ

ผมแต่งกายในชุดที่ดีที่สุดของตนเอง เสื้อเชิ้ตผ้าลินินสีขาวและกางเกงผ้ากระสอบสีกรมท่า ผมเอาชายเสื้อใส่ในกางเกง รัดเข็มขัด ก่อนออกจากบ้านผมโกนหนวดเคราของตนเองจนเกลี้ยงเกลา หวีผมจนเรียบพร้อมกับใส่น้ำมันใส่ผม เป็นการแต่งองค์ทรงเครื่องครั้งแรกของผมหลังจากการปล่อยปละละเลยตนเอง

ผมมองตนเองในกระจก แววตาของผมลึกจากการอดนอนทำงานแปล ผิวของผมขาวซีดจากการไม่ออกจากห้อง ผมแลดูเหมือนผู้ป่วยคนหนึ่ง แม้อาการของผู้ป่วยคนนี้จะไม่หนักหนาเท่าใดนักแต่ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะลุกจากเตียงในฐานะนั้นเสียที

ผมเดินออกจากห้องเช่าที่ดำรงตนอยู่ในที่นั้นมานานนับเดือน แสงแดดยามเช้าให้ความสดชื่นกับผม ไม่น่าเชื่อว่าความรักได้พัดพาเราจมหายไปในดินแดนอันหม่นหมองได้ขนาดนั้น

แน่นอนว่าความรักให้พลังงานกับเราในหลายเรื่องในหลายมิติ แต่ในขณะเดียวกันความรักก็ฉกฉวยบางอย่างไปจากเรา มันพาเราไปสู่ความดำมืด สภาวะอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรงได้เช่นกัน

มันเป็นดังขั้วตรงข้ามอันน่าอัศจรรย์สุดแท้แต่ว่าเราตกหล่นไปในขั้วไหนในเวลาใดเท่านั้นเอง

เมื่อไปถึงสถานที่นัดหมาย โจดี้นั่งรอผมอยู่ตรงโถงที่พักของเธอแล้ว บนโต๊ะยางเบื้องหน้าเธอมีถ้วยกาแฟและเศษขนมปังปิ้งที่ทาเนยราคาถูกอยู่

เกสต์เฮาส์แห่งนี้ดูจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไม่น้อย มันคลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลายชาติต่างภาษา นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจับกลุ่มกันอยู่ที่มุมหนึ่ง อีกมุมเป็นนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ถัดออกไปนั้นเป็นนักท่องเที่ยวที่พูดภาษาอังกฤษ ผมไม่แน่ใจว่าเขามาจากที่ใดกันแน่ อาจเป็นอังกฤษ อเมริกา หรือออสเตรเลีย หรืออาจมาจากดินแดนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่พวกเขาสามารถพูดมันได้คล่องก็เป็นได้ ผมมีเวลาตรวจสอบเหตุการณ์ที่ว่านี้น้อยเต็มทีเพราะเมื่อโจดี้เห็นผม เธอก็ตะโกนทักทายด้วยความดีใจ

“ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาก่อนเวลา ฉันเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จไปสักครู่นี่เอง คุณรับอะไรไหม?”

ผมสั่นศีรษะปฏิเสธ “ผมไม่คิดว่าเขาจะยอมให้คนที่ไม่พักกินอาหารเช้าของที่นี่ได้”

“กาแฟสักแก้วไม่น่าเป็นปัญหา อาหารไม่ดีนัก แต่กาแฟใช้ได้ทีเดียว ฉันจะถามเขาก่อน ถ้าเขาคิดเงินฉันก็ยินดี คุณอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามารับฉันนี่นา”

โจดี้ลุกออกจากที่นั่งของเธอเพื่อไปขอกาแฟหนึ่งแก้วให้ผม ในขณะที่เธอเดินไป ผมอดคิดไม่ได้ถึงความมีน้ำใจของเธอ มันเป็นบางสิ่งที่ผมรู้สึกอบอุ่น

ปิ่นเองก็เป็นคนมีน้ำใจ ในสมัยเรียนชั้นมัธยมปลาย เธอมักยินยอมให้เพื่อนร่วมห้องยืมสมุดจดหรือตำราเรียนที่สำคัญเสมอ ทั้งที่ในโรงเรียนที่ขึ้นชื่อในการแข่งขันเช่นนั้น เรามักเก็บกักความรู้ของเราไว้กับตนเองดังงูจงอางที่หวงไข่ ทุกคนในโรงเรียนนั้นนอกจากจะเป็นเพื่อนเราแล้วเขายังเป็นคู่แข่งเราในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกด้วย

การเดินนำหน้าพวกเขาหนึ่งก้าวแม้ว่าจะเป็นก้าวเล็กๆ ย่อมหมายถึงการไปถึงที่นั่งในมหาวิทยาลัยก่อนเช่นกัน

ราวสองนาที โจดี้กลับมาพร้อมแก้วกาแฟที่บรรจุกาแฟสีน้ำตาลร้อนและหอมกรุ่น “เขาคิดราคากาแฟแค่ครึ่งเดียวซึ่งถูกมากๆ ประเทศของคุณเป็นประเทศที่อาหารการกินเครื่องดื่มมีราคาถูกมากจนฉันทึ่ง ในประเทศของเราทุกครั้งที่ฉันไปตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ราคาวัตถุดิบและราคาอาหารสูงจนฉันขนลุก เมื่อวันก่อนนั้นคนขายแถมเส้นบะหมี่ให้ฉันจนเต็มจานเมื่อฉันบอกว่าฉันชอบเส้นบะหมี่สีเหลือง แถมยังแถมผักให้ฉันด้วย คุณมีประเทศที่น่ารักมากรู้ไหม”

ผมพยักหน้ารับคำชมเช่นนั้น ประเทศเราดูแลผู้มาเยือนดีเสมอ นั่นจึงอาจเป็นสาเหตุให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเราเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากการจัดตั้งปีท่องเที่ยวไทยในหลายปีก่อน ปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมใหญ่พอๆ กับอุตสาหกรรมการส่งออก ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ รวมถึงหมู่เกาะต่างๆ กลายเป็นสวรรค์ของนักเดินทางแบกเป้สะพายหลัง ไม่นับภาพยนตร์เรื่อง “The Beach” ที่มีดาราชั้นนำร่วมแสดงและทำจากหนังสือชื่อดังของอเล็กซ์ การ์แลนด์ ที่ทำให้ทะเลและหมู่เกาะของไทยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดและต้องไปเยือน

ก่อนที่แดดจะร้อนจัด ผมพาโจดี้ออกมาที่ถนนราชดำเนิน เรียกรถตุ๊กตุ๊กหนึ่งคัน รถตุ๊กตุ๊กเป็นยานพาหนะอีกชนิดที่โจดี้อยากลองนั่ง แม้ผมจะอ้างว่าอากาศที่ร้อนจัดของเรากับการเกิดฝนตกลงมาอย่างกะทันหันอาจเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะกับพาหนะชนิดนี้เท่าใดนัก

แต่จากคำยืนกรานของเธอทำให้ผมไม่มีทางเลือก เราทั้งคู่ลงนั่งบนเบาะพลาสติกสีน้ำเงิน คนขับเป็นชายวัยกลางคน เขาออกรถอย่างเร็วและแรงเมื่อทราบถึงจุดหมายของเรา ขาของผมกระทบกับขาของโจดี้เป็นจังหวะอย่างไม่ตั้งใจ

วันนี้เธออยู่ในชุดเสื้อผ้าป่านสีส้มและกางเกงผ้าไหมเทียมที่พิมพ์ลายรูปช้าง ไม่ต้องสงสัยเลยทั้งสองสิ่งนี้เธอซื้อหาจากตลาดนัดบนถนนข้าวสารนี่เอง

อากาศภายนอกเต็มไปด้วยฝุ่นควัน แต่ว่าดูเหมือนโจดี้จะปรับตัวเข้ากับมันได้เป็นอย่างดี เธอยกกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กถ่ายภาพรอบตัวด้วยความตื่นเต้น รถพาเราเข้าไปทางอุรุพงษ์ตัดผ่านหน้าโรงพยาบาลรามาธิบดีก่อนจะมาถึงจุดหมายละแวกถนนพญาไท

ไม่นานนักเราก็มาถึงพิพิธภัณฑ์เอกชนที่โจดี้ต้องการมาเยือน

พวกเราทั้งคู่ชำระเงินค่าบัตรเข้าชม ผมเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งในสมัยเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของเรามีโปรแกรมชมพิพิธภัณฑ์รอบๆ โรงเรียน ในวันนั้นผมกับปิ่นและเพื่อนร่วมห้องเดินชมสิ่งต่างๆ ที่จัดแสดงด้วยอาการเบื่อหน่าย เวลาสิ้นภาคการศึกษาใกล้เข้ามาแล้ว และพวกเราควรจมอยู่กับการอ่านหนังสือสอบมากกว่าการมาเตร็ดเตร่เช่นนี้

พิพิธภัณฑ์แบบนี้ดูเมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อนร่วมห้องของเราคนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะมีเสียงสนับสนุนจากอีกหลายคน เพื่อให้ทุกอย่างจบสิ้นโดยเร็วพวกเราจึงดูและชมสิ่งต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงอย่างไม่ใส่ใจ ผมและปิ่นก็เป็นเช่นนั้น เราเดินผ่านสนามหญ้า ขึ้นลงเรือนต่างๆ อย่างรวดเร็ว เดินผ่านเทวรูป ภาพเขียน อย่างเพียงพอให้ผ่านจนมาถึงหอเขียนลายรดน้ำซึ่งเป็นอาคารที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง

ฝาผนังของหอเขียนมลังเมลืองด้วยสีทองอร่ามตา เมื่อเราเข้าไปดูระยะใกล้พบว่าภาพลายรดน้ำเป็นเรื่องราวของพุทธประวัติและเรื่องของรามเกียรติ์ เราทั้งคู่เดินชมภาพลายรดน้ำมาจนถึงภาพของพระพุทธเจ้าที่กำลังเสด็จสู่ปรินิพพาน ในภาพนั้นพระพุทธเจ้าทรงทอดพระองค์กับที่โดยมีอัครสาวกนั่งอยู่รายรอบอันแสดงถึงวาระสุดท้ายของพระองค์

ปิ่นยืนจ้องมองภาพนั้นอย่างยาวนาน จนผมที่เดินผ่านไปภาพอื่นเดินย้อนกลับมาหาเธอ เธอเอ่ยเพียงเบาๆ ในตอนนั้นว่า “ถ้าฉันถึงเวลาต้องตายแบบนี้ เธอจะอยู่เคียงข้างฉันหรือไม่?”

โดยไม่ต้องทบทวน ผมตอบคำถามปิ่นในทันทีว่า ผมพร้อมจะอยู่กับเธอแม้ทุกเมื่อโดยเฉพาะในวาระสุดท้ายเช่นนั้น ปิ่นถามย้ำอีกครั้งว่า “เธอรับปากและแน่ใจใช่ไหม?” ผมพยักหน้าตอบเธอ “ไม่มีวันที่เราจะทิ้งเธอ” ผมตอบซ้ำด้วยเสียงที่มุ่งมั่น

ความทรงจำดังกล่าวนี้กลับมาอีกครั้งเมื่อผมและโจดี้เดินเข้ามาที่หอเขียนลายรดน้ำ สถานที่ที่ผมเคยยืนเคียงคู่กับปิ่นในช่วงอดีต

ไม่น่าเชื่อว่า เพียงระยะเวลาไม่กี่ปี คำมั่นดังกล่าวดูจะเป็นสิ่งที่ไม่มีทางและไม่มีวันเกิดขึ้นจริง อย่าว่าแต่วาระสุดท้าย แม้ในวาระธรรมดาสามัญ ผมก็ดูจะไม่ได้อยู่เคียงข้างเธออีกต่อไปแล้ว

โจดี้เดินดูภาพลายรดน้ำในหออย่างสนใจก่อนที่เธอจะหยุดยืนอยู่หน้าภาพภาพหนึ่ง ผมเดินตามไปยืนข้างเธอเหมือนที่ยืนข้างปิ่นในหลายปีก่อน ทว่า ภาพเบื้องหน้าผมภาพนี้ไม่ใช่ภาพพระพุทธเจ้าที่กำลังเสด็จสู่ปรินิพพาน หากแต่เป็นภาพของชาวต่างชาติที่รวมตัวกันปะปนกับขุนนางที่เห็นได้ชัดว่าเป็นขุนนางไทย ภาพคนต่างชาติเช่นนี้ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นภาพสะท้อนเหตุการณ์ในยุคของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผมเพิ่งพบว่ามีภาพเขียนเช่นนี้อยู่ที่นี่ด้วย อันเป็นสิ่งที่ผมละเลยในการชมเมื่อครั้งก่อน

“นั่นเป็นภาพชาวต่างชาติที่มาค้าขายและทำงานในประเทศไทยเมื่อราวสี่ร้อยปีก่อน มีทั้งชาวญี่ปุ่น โปรตุเกสหรือฮอลันดาที่เราเรียกว่าวิลันดา” ผมอธิบายภาพนั้นตามความเข้าใจของตน

“ฮอลันดาที่หมายถึงชาวฮอลแลนด์เช่นเดียวกับฉันกระนั้นหรือ?”

ผมพยักหน้าตอบ “ไม่น่าเชื่อเลย นี่ฉันได้เห็นภาพวาดบรรพบุรุษของตนเองหรือนี่ เป็นไปได้ไหมว่าตามความเชื่อของพุทธศาสนา ฉันเคยอาจมาที่นี่แล้วในยุคนั้น และตายจากไปบนแผ่นดินนี้ก่อนจะกลับชาติมาเกิดและได้กลับมาเยือนแผ่นดินนี้อีกครั้ง” •

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...