โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

มกอช. เปิดตัว ePhyto ใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์

TODAY

อัพเดต 31 มี.ค. 2566 เวลา 12.29 น. • เผยแพร่ 30 มี.ค. 2566 เวลา 05.08 น. • workpointTODAY

กรมวิชาการเกษตร จับมือ กลุ่มพันธมิตรโลกด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Global Alliance for Trade Facilitation) เปิดตัว ระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หลังนำร่องเปิดใช้งานส่งออกพืช 22 ชนิดไปจีนกระแสดีเกินคาด เอื้อผู้ประกอบการลดขั้นตอนและระยะเวลาการทำงาน ตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาได้ตั้งแต่ประเทศปลายทางจนถึงเกษตรกร ดีเดย์เปิดใช้งานใบรับรอง e Phyto ขยายคลุมสินค้าไปทุกประเทศทั่วโลก 1 กรกฎาคม 2565 นี้

นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการแลกเปลี่ยนใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ePhyto กับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้วคืออินโดนีเซีย และประสบความสำเร็จในการทดสอบแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ อีก ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาร์เจนตินา สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ชิลี ฟิจิ ฝรั่งเศส และโมร็อคโค นอกจากนี้ มกอช. กำลังจัดเตรียมแนวทางเจรจาเพื่อกำหนดแนวทางในการใช้งานจริงกับประเทศเหล่านี้ และได้เจรจาเพื่อขอแลกเปลี่ยนใบรับรอง ePhyto กับฟิลิปปินส์ เพิ่มเติม

“มกอช. ในฐานะหน่วยงานกลางของไทยในการเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อเปิดตลาดและแก้ไขปัญหาการนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตร จะเดินหน้าเจรจากับประเทศคู่ค้าทั่วโลก เพื่อทดสอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้งานระบบ ePhyto ตลอดจนทำการรวบรวมข้อมูลใบรับรอง ePhyto และสร้างระบบฐานข้อมูลที่สามารถแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ระบบ ePhyto เป็นนวัตกรรมที่สามารถเชื่อมโยงการทำงานของภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ทั้งสุขอนามัยพืช สุขอนามัยสัตว์ และสุขอนามัยอาหารยังเป็นโจทย์ท้าทายสำหรับประเทศไทย เราพร้อมเป็นหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อพัฒนาระบบการรับรองให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ค้าและผู้ส่งออก ทำให้มาตรฐานสินค้าเกษตรไทยเป็นที่ยอมรับบนเวทีโลก”

ดร. แบนด์ คริสเตียนเซน ที่ปรึกษาทูตฝ่ายอาหารและการเกษตร สถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรโลกด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Global Alliance for Trade Facilitation) ผ่านองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ได้ดำเนินโครงการ ePhyto ประเทศไทย ร่วมกับสามหน่วยงานภาครัฐของไทยประกอบด้วยกรมวิชาการเกษตร มกอช. และกรมศุลกากร รวมทั้ง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด มหาชน อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2564 เพื่อออกแบบและพัฒนาระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชจากรูปแบบกระดาษมาเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ผู้ส่งออกสินค้าประเภทพืชและผลิตภัณฑ์พืชสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับประเทศคู่ค้าผ่านช่องทาง National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของประเทศไทย โดยโครงการได้สนับสนุนประเทศไทยให้สามารถเชื่อมต่อกับ ePhyto Hub เพื่อแลกเปลี่ยน ePhyto กับประเทศคู่ค้าที่ได้มีการเชื่อมต่อกับ ePhyto Hub ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการอารักขาพืชระหว่างประเทศ (International Plant Protection Convention หรือ IPPC)

นางพจมาน วงษ์สง่า ผู้อำนวยการโครงการ ePhyto ประเทศไทย กล่าวว่า GIZ สนับสนุนการพัฒนาต่อยอดระบบไอทีเพื่อให้ระบบ ePhyto ของประเทศไทยสามารถเชื่อมต่อกับ ePhyto Hub และนำไปสู่การแลกเปลี่ยน ePhyto กับประเทศคู่ค้าของไทยในรูปแบบดิจิทัลได้ อีกทั้งยังเป็นการบูรณาการด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนากระบวนการทำงานภาครัฐให้ทันสมัย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและการเปลี่ยนแปลงของเวทีการค้านานาชาติ

“ระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีบทบาทสำคัญกับเราในชีวิตประจำวัน รวมทั้งระบบการค้าการส่งออกระหว่างประเทศ เรามีความภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพภาครัฐและเอกชนไทย ออกแบบและพัฒนาระบบสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ePhyto ทำให้การค้าและการส่งออกระหว่างประเทศทำได้รวดเร็วขึ้นและปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานการค้าสากล” นางพจมาน กล่าว

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะหน่วยงานหลักนำร่องการใช้ระบบ ePhyto กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรออกใบรับรองสุขอนามัยพืชรวมทั้งหมด 409,279 ฉบับ ในปี 2564 ให้กับผู้ส่งออกพืชผักผลไม้ไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก คิดเป็นมูลค่าส่งออกมากถึง 784,259 ล้านบาท “การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ส่งออกสินค้าประเภทพืชและผลิตภัณฑ์จากพืชได้รับความสะดวกเพราะสามารยื่นเอกสารขอการรับรองออนไลน์ได้ ช่วยลดทั้งค่าใช้จ่าย ขั้นตอนการดำเนินการทางเอกสารและปัญหาการปลอมแปลงเอกสารที่อาจเกิดขึ้น ระบบ ePhyto ให้การตรวจสอบย้อนกลับตั้งแต่ประเทศคู่ค้าจนถึงผู้ผลิตทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการส่งออกของไทยให้มีมาตรฐานระดับสากล”

จากการศึกษาภายใต้โครงการ พบว่า การใช้ ePhyto เต็มรูปแบบ ที่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศคู่ค้าผ่านทางดิจิทัลได้ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการการเดินทาง และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้กว่า 120 ล้านบาทต่อปี หรือ 3.5 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ โดยใช้ข้อมูลจำนวนใบรับรองสุขอนามัยพืชโดยที่ออกโดยเฉลี่ย 364,434 ฉบับต่อปี ระหว่างปี 2563-2565

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบ ePhyto สอดคล้องกับรูปแบบเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือที่เรียกว่ารูปแบบเศรษฐกิจบีซีจี (Bio-Circular-Green: BCG) กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตโดยส่งเสริมการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ ภาคการเกษตรและการผลิตอาหารคือหนึ่งในภาคส่วนสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรของไทยให้มีคุณภาพ สร้างความมั่นคงทางอาหาร นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรในฐานะหน่วยงานหลักผู้ดูแลระบบ NSW สำหรับการแลกเปลี่ยนใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ มีการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานระบบ NSW และระบบงานที่เกี่ยวข้องกับ ePhyto อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและพิธีการทางศุลกากร ทำให้การส่งออกสินค้าจากประเทศต้นทางสู่ประเทศปลายทางเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว ePhyto ช่วยลดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย พร้อมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันทางการค้าของประเทศ ปัจจุบันจีนแจ้งความประสงค์จะแลกเปลี่ยนใบรับรอง ePhyto กับไทย ผ่าน Single Window และอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดร่วมกับกรมศุลกากร

“กรมศุลกากรพร้อมสนับสนุนกรมวิชาการเกษตร มกอช. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพร้อมร่วมมือพัฒนาการระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชและสินค้าเกษตรอื่น ๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขับเคลื่อนวัตกรรมและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันทางการค้าสินค้าเกษตรไทยอย่างเป็นรูปธรรมไปด้วยกัน”

ดร.วิชัย ดีเจริญกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กล่าวในฐานะผู้ให้บริการ NSW หรือ NSW Operator ได้พัฒนาการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจด้านการนำเข้า ส่งออก นำผ่าน และโลจิสติกส์ รวมถึงการเชื่อมต่อกับ ASEAN Single Window หรือ ASW เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน โดยได้มีการร่วมทดสอบและเตรียมความพร้อมของระบบในการรองรับการเชื่อมต่อเอกสารใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ePhyto certificate ในทุก protocol ทั้งภายในภูมิภาคเอเชีย และการเชื่อมต่อกับฝั่งอเมริกาเหนือ และยุโรป ผ่าน IPPC Hub (อนุสัญญาว่าด้วยการอารักขาพืชระหว่างประเทศ – International Plant Protection Convention หรือ IPPC) ด้วยศักยภาพของ NT ในด้านดิจิทัลและสื่อสารโทรคมนาคม พร้อมที่นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาอำนวยความความสะดวกทางการค้าและส่งออกของไทย

ดร.วิชัย กล่าวว่า “ด้วยศักยภาพของ NT สามารถรองรับการเชื่อมโยงในทุกรูปแบบไม่ว่าประเทศต่าง ๆ จะเชื่อมต่อมายัง NSW ด้วย Protocol ใด ๆ NT ก็สามารถรับส่งและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ โดย NT มีความตั้งใจที่จะนำบริการด้านดิจิทัลและสื่อสารโทรคมนาคมที่มีอยู่ มาสนับสนุนพันธกิจของโครงการอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ภารกิจในการส่งออกสินค้าสินค้าพืชและผลิตภัณฑ์พืช ออกสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อำนวยความสะดวกทางการค้าของประเทศให้ประสบผลสำเร็จ สร้างความยั่งยืนให้กับสินค้าเกษตรของประเทศไทยต่อไป”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...