โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

คุยกับ ซินดี้-นุ่น-แพร์ เมื่อบ้านที่ควรเป็นคอมฟอร์ตโซน อาจกลายเป็นความรุนแรงสำหรับผู้หญิงและน่ากลัวได้มากกว่าผี ในซีรีส์ ‘อย่ากลับบ้าน’

Mirror Thailand

อัพเดต 08 พ.ย. 2567 เวลา 05.15 น. • เผยแพร่ 08 พ.ย. 2567 เวลา 05.15 น.
ภาพไฮไลต์

*มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์

เคยมีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า ‘บ้านไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นผู้คน’ ซึ่งทำให้เรารู้สึกครุ่นคิดกับคำพูดนี้อย่างยิ่งว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่นอกจากบ้านจะเป็นสถานที่ที่สร้างความอบอุ่นปลอดภัย และสร้างความสุขให้กับมนุษย์คนหนึ่งได้อย่างมากมายแล้ว องค์ประกอบสำคัญของบ้านอย่างผู้คนที่ร่วมชายคาอยู่ในนั้น ยังสามารถกลายเป็นความชั่วร้ายดำมืดที่ทำร้ายเรามากกว่าใคร หรือที่ไหนๆ บนโลกได้อีกด้วย

ใน ‘อย่ากลับบ้าน’ ซีรีส์แนวลึกลับระทึกขวัญสัญชาติไทยจากฝีมือการกำกับของ ‘ต้น - วุฒิดนัย อินทรเกษตร’ ผลงานล่าสุดจาก Netflix ที่เปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและฉายในอีกกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ก็เริ่มต้นด้วยการที่สองแม่ลูกพากันหนีออกจากบ้านอันเลวร้าย จากคนร้ายๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องพบว่าบ้านใหม่ที่พวกเขาฝันจะได้เจอและฝากชีวิตไว้นั้นกลับโหดร้ายยิ่งกว่า เพราะ ‘ความรุนแรง’ ที่แท้จริงนั้นอาจไม่ได้มาจากบ้าน แต่มาจากผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน

ไม่เพียงแค่ตัวละครสองแม่ลูกในเรื่องเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงซึ่งซ่อนอยู่ในสิ่งที่เรียกว่าบ้าน แต่ซีรีส์เรื่องนี้ยังเผยให้เห็นถึงความดำมืดในบ้านหลังใหญ่กว่านั้นอย่างสังคมและโลกที่กดทับผู้หญิงในอีกหลายแง่มุม ทั้งอำนาจและบทบาทความเป็นหญิงกับความเป็นแม่ ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ภายใต้ทางเลือกอันจำกัด รวมถึงบรรทัดฐานอันเข้มข้นที่ถูกใครบางคนกำหนดไว้ ที่ทำให้ตัวละครหญิงในเรื่องล้วนถูกพิษภัยของสิ่งที่เรียกว่าบ้าน ไม่ว่าจะในความหมายของสถานที่ ผู้คน หรือบ้านที่หมายถึงสังคม ตามหลอกหลอนทำร้ายอย่างไม่มีทางหลีกหนีและไม่สามารถหันหน้าไปพึ่งใครได้

ภาพไฮไลต์

และคำตอบของนักแสดงทั้ง 3 คน อย่าง ‘ซินดี้ - สิรินยา บิชอพ’ ผู้รับบทพนิดา ‘นุ่น - วรนุช ภิรมย์ภักดี’ ผู้รับบทวารี และ ‘แพร์ - พิชชาภา พันธุมจินดา’ ผู้รับบทสารวัตรฟ้า นี่เองที่ช่วยคลายสงสัยให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าเพราะอะไร เราถึงต้อง ‘อย่า - กลับ - บ้าน’

Q : ความน่าสนใจที่ทำให้แต่ละคนมารับบทในซีรีส์เรื่องนี้คืออะไร

นุ่น - จริงๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่มีโอกาสได้เจอนักแสดงทุกคน และได้ฟังเรื่องราวโดยรวม นุ่นก็รู้สึกว่าน่าสนใจแล้ว และยังเป็นบทที่นุ่นไม่เคยเล่นด้วย ส่วนผู้กำกับ พี่ต้น (วุฒิดนัย อินทรเกษตร) เองก็เป็นครั้งแรกที่เขามากำกับซีรีส์ยาวเหมือนกัน ซึ่งเราเห็นถึงความตั้งใจมากๆ ของเขา แล้วพอเห็นว่าจะต้องได้เล่นกับใครบ้าง เราก็ว้าวจริงๆ อย่างพี่ซินดี้นุ่นก็เคยร่วมงานด้วยเมื่อประมาณ 22 ปีที่แล้ว ส่วนกับแพร์นุ่นก็ยังไม่เคยร่วมงานด้วยเลย ทั้งหมดนี้เลยเป็นจุดเล็กๆ ที่ทำให้นุ่นมาเล่นเรื่องนี้ค่ะ

ซินดี้ - ซึ่งตอนที่นุ่นว่า เราสองคนก็ยัง ‘เด็กมากกกก’ (หัวเราะ) สำหรับซินดี้มีหลายอย่างเลยค่ะที่ทำให้สนใจโปรเจ็กต์นี้ ไม่ว่าจะเป็นบท การได้ร่วมงานกับ Netflix รวมถึงตัวผู้กำกับ-พี่ต้น จึงไม่มีเหตุผลเลยที่จะไม่รับเรื่องนี้ ความยากคือเราจะทำออกมาได้ดีตามที่พี่ต้นได้คาดหวังเอาไว้หรือเปล่านี่แหละ

แพร์ - ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าต้องไปแคสต์ซีรีส์ของ Netflix แล้วก็เป็นงานของพี่ต้นที่เขามีแพชชั่นมากๆ แพร์ก็อยากเล่นเลยค่ะ พอได้อ่านบทก็พบว่าไม่ใช่เราแค่รับบทเป็นตำรวจ แต่มันมีมิติในตัวละครอีกเยอะและเป็นคาเเรกเตอร์ที่แพร์ไม่เคยเล่นมาก่อนเลย แล้วยิ่งเห็นชื่อนักแสดงเป็นพี่นุ่นกับพี่ซินดี้ที่แบบ… โห เราจะได้เล่นกับตัวเเม่ ก็คิดว่าน่าจะได้วิชาจากพี่ๆ เขาไปด้วยค่ะ

Q : จะเห็นว่าตัวละครที่ทั้ง 3 คนได้รับบท ล้วนมีมิติในเรื่องบทบาทความเป็นหญิง อย่างการเป็นแม่และผู้นำครอบครัวที่แตกต่างกันออกไป แต่มีจุดร่วมหนึ่งที่เหมือนกันคือ ‘ความรุนแรง’ ที่ทุกคนได้รับจาก ‘ผู้ชาย’ รวมถึง ‘นอร์ม’ บางอย่างของสังคม จึงอยากทราบมุมมองของแต่ละท่านว่ามองเรื่องความรุนแรงที่ตัวเองได้รับผ่านบทของตัวเองอย่างไร

อย่างซินดี้กับบท ‘พนิดา’ ผู้หญิงที่ถูกกดดันจากนอร์มของสังคม อย่างการเป็นแม่ซึ่งต้องแบกรับภาระหน้าที่การงานเพียงลำพัง ทำให้ไม่มีเวลาดูแลลูกมากพอ จนถูกโทษว่าเป็นความบกพร่อง และเป็นตราบาปที่ทำให้เกิดการสูญเสีย

ซินดี้ - บทของพนิดาอาจไม่ได้เป็นความรุนแรงแบบที่ตัวละครอีก 2 คนได้รับก็จริง แต่จะมีความกดดันเรื่องบทบาทของผู้หญิงจากสังคมค่อนข้างเยอะ ตัวพนิดาเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการงาน เป็นหัวหน้าวิศวกรโรงงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสายอาชีพที่มีความ Male-dominated มากอยู่แล้ว ตัวเธอเองมีอะไรบางอย่างที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า ‘ฉันทำได้’ ต้องเป็นผู้หญิงเก่ง ฉลาด และเป็นผู้นำ แต่สิ่งนี้เองทำให้หน้าที่อื่นๆ ของเธออย่างการเป็นแม่ที่อบอุ่นที่คนอาจมองว่านั่นคือหน้าที่ของเธอนั้นขาดตกไป ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่มนุษย์แม่ทุกคนจะสามารถเป็นคุณแม่ในอุดมคติได้หรอก เราวางบทบาทในสังคมว่าหน้าที่หลักของผู้หญิงคือการต้องเป็นแม่ที่ดี ดูแลสามี ดูแลลูก แต่เมื่อแม่คนหนึ่งไม่สามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้ มันเเปลว่าเธอคือตัวร้ายเหรอ หรือว่าเธอเฟลในหน้าที่หรือเปล่า

เชื่อว่าจริงๆ แล้วพนิดารักลูกมาก แต่มันอาจเป็นช่วงเวลาที่เธอต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับ มันเลยทำให้เธอเป๋ไป ไม่ได้มอง หรือมองข้ามสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต เมื่อวันหนึ่งสิ่งนั้นถูกพรากจากเธอไป เลยทำให้เธอไม่สามารถจะหลุดออกจากความรู้สึกผิดตรงนั้นไปได้ และพยายามทำทุกอย่างที่จะกลับไปแก้ไข ควบคุมสถานการณ์ จนกลายเป็นเรื่องราวบานปลายอย่างที่เห็น

Q : แถมคนเป็นแม่ยังถูกคาดหวังด้วยว่าจะต้องตั้งหลักให้ได้เร็วที่สุดไม่ว่าจะเผชิญกับเรื่องของการสูญเสีย หรือเรื่องเลวร้ายอะไรก็ตาม

ซินดี้ - ใช่ค่ะ บวกกับปัญหา Mental Health ของตัวเองด้วย Trauma นั้นเลยกลายมาเป็นปมที่อยู่ในใจเธอตลอดไป เมื่อมีโอกาสอีกครั้งที่จะเป็นแม่ ถึงแม้ว่าจะเป็นทางที่ผิดอย่างการเอาลูกของคนอื่นมา แต่ ณ ตอนนั้นคือเธอคิดไม่ได้แล้ว

Q : ส่วนบทของนุ่นอย่าง ‘วารี’ ก็เป็นผู้หญิงที่เผชิญกับความรุนแรงภายในบ้านทั้งทางร่างกายและจิตใจจากสามี

นุ่น - ตัวละครวารีเองก็เป็นตัวละครเทาๆ และอาจเคยมีความผิดพลาดในชีวิตมาก่อนเหมือนกัน เธอมีความคาดหวังว่าครอบครัวเล็กๆ ของเธอจะเป็นครอบครัวที่มาสร้างความสุข มาเติมเต็มชีวิตที่ขาดไปได้ แต่กลับกลายเป็นว่ามันไม่ได้เป็นตามที่เธอคาดหวัง เธอรู้ว่าอะไรที่ทำให้เธอทนอยู่ในครอบครัวนั้นได้ แต่วันหนึ่งนุ่นเชื่อว่าไม่มีใครที่สามารถทนได้ตลอดไปหรอก ที่ผ่านมาเธอพยายามจะหนี แต่ครั้งนี้อย่างไรก็ต้องไปจริงแล้ว เธอเลยตัดสินใจที่จะหนีสามีไป และต้องหนีไปที่ที่สามีหาไม่เจอด้วย ถือว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของผู้หญิงคนหนึ่ง หลังจากถูกทำร้าย และได้รับความรุนแรงจากครอบครัวมายาวนาน แต่วันหนึ่งเธอก็ก้าวข้ามมันไปได้ บางคนอาจจะใช้เวลานิดเดียว บางคนอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่านไปได้ นุ่นนับถือตัวละครตัวนี้นะคะ

Q : และสำหรับบทของแพร์ ‘สารวัตรฟ้า’ ตำรวจหญิงซึ่งมีมิติของความรุนแรงที่หลากหลาย ทั้งได้รับมาจากผู้ชายที่เป็นผู้บังคับบัญชา / การตกอยู่ในฐานะเมียน้อย / การเป็นผู้หญิงในหน่วยงานที่เต็มไปด้วยอำนาจของผู้ชาย และการเป็นลูกสาวที่เติบโตมาจากครอบครัวที่พ่อใช้ความรุนแรงกับแม่มาตลอด

แพร์ - แพร์มองว่าตัวละครสารวัตรฟ้า อาจไม่ได้เผชิญความรุนแรงอย่างการถูกทำร้ายเหมือนที่วารีได้รับ แต่เป็นความรุนแรงจากความรู้สึกกดดันทางสังคม ด้วยความที่อาชีพตำรวจส่วนใหญ่จะมีความเป็น Male-dominated อยู่แล้ว คล้ายๆ กับอาชีพวิศวกรของตัวละครพนิดา และการที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะก้าวหน้าในอาชีพนี้ ย่อมเป็นเรื่องไม่ง่าย

แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถเบลมผู้ชายในเรื่องนี้ได้ทั้งหมด เพราะตัวสารวัตรฟ้าเองก็ทำผิดพลาดมาเหมือนกัน จากการโดนหลอกและเต็มใจให้เขาหลอก จากความรู้สึกว่าทำไมผู้หญิงไม่สามารถก้าวหน้าหรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานได้เท่าผู้ชาย บวกกับความรุนแรงในวัยเด็กจากครอบครัวที่พ่อทำร้ายแม่มาตลอด แล้วเขาไม่สามารถฮีลตัวเองได้ ปล่อยให้ตัวเองเลือกทางที่ผิด ปล่อยให้ชีวิตเฟล ทั้งที่รู้ว่ามันผิด แต่ก็ไม่กล้าออกมา และสารวัตรฟ้ายังเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยพูดอะไรเยอะ แม้เขาจะมีปัญหา เพราะเขาเองก็มีหน้าที่ต้องไปแก้ปัญหาให้คนอื่นๆ

Q : ความหมายของคำว่า ‘บ้าน’ ที่ควรจะเป็น ในมุมมองของแต่ละท่านเป็นอย่างไร

นุ่น - เราจะได้ยินอยู่ตลอดว่าบ้านควรจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด อบอุ่นที่สุด เป็นที่ที่เราสามารถเป็นตัวเองได้อย่าง 100% ที่สุด ใช่ไหมคะ ซึ่งสำหรับนุ่นมันก็เป็นแบบนั้น

ซินดี้ - ใช่ แต่ก็มีหลายบ้านที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น มีหลายบ้านที่กลับไปแล้วเราถูกกระทำ ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม เป็นบ้านที่ไร้ความอบอุ่น ถึงแม้ว่าจะดูเป็นครอบครัวแสนแฮปปี้ แต่มันอาจมีเรื่องที่คนอื่นมองไม่เห็นซ่อนอยู่ ซึ่งตรงนี้แหละที่ซินดี้คิดว่าบ้านคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ดีที่สุดในโลก และเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในโลกได้เหมือนกัน ในซีรีส์เรื่องนี้ บ้านหลังนั้นทำหน้าที่เป็นเหมือน Witness หรือพยานรู้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดจบ ซินดี้ว่าเป็นมิติที่น่าสนใจ และทิ้งคำถามให้คนดูว่าสุดท้ายแล้วบ้านที่ดีมันควรเป็นอย่างไรกันแน่

แพร์ - สำหรับแพร์ บ้านคือจุดเริ่มต้นในการหล่อหลอมมนุษย์คนหนึ่ง หล่อหลอมทัศนคติ รวมถึงทางเลือกในการใช้ชีวิตของเขา ครอบครัวเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นก่อนจะไปถึงโรงเรียน หรือสังคม บ้านจึงไม่ใช่แค่ที่พักอาศัยหรือตัวบุคคล แต่มันคือการสร้างมนุษย์คนหนึ่ง และคนที่เขามีปัญหาต่อสังคม คนรัก หรือคนรอบข้าง บางครั้งอาจเกิดมาจากปัญหาที่อยู่ในบ้าน สิ่งที่เราต้องปรับจึงเป็นทัศนคติตัวเอง มองว่าสิ่งนั้นมันเกิดขึ้นกับเราและมันผ่านไปแล้ว เราอย่าทำให้ปัญหานี้มันเกิดขึ้นซ้ำอีกเป็นแพตเทิร์นเดิม

Q : ความเป็นแม่ กับความเป็นผู้นำครอบครัวของผู้หญิงที่ถูกตั้งคำถามอย่างท้าทายในซีรีส์เรื่องนี้ ในมุมมองของแต่ละท่าน คิดว่าผู้หญิงสามารถเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีโดยลำพังได้หรือไม่ อย่างไร

ซินดี้ - ถามว่าคนเป็นแม่สามารถสร้างคนที่มีคุณภาพ คนที่มีความสุข หรือเป็นคนดีของสังคมทำได้ไหม ทำได้แน่นอนค่ะ ถึงมันจะยากและมีความกดดันมากขึ้น แต่หากเขาได้รับซัพพอร์ตที่ดีและตัวเองก็สามารถดูแลเยียวยาตัวเองได้ดีด้วย เขาทำได้แน่ เหมือนกับเรามีหน้ากากอ๊อกซิเจนบนเครื่องบินน่ะ คนเป็นแม่จำเป็นต้องดูแลตัวเองให้ได้ก่อน เพื่อที่จะสามารถส่งต่อให้กับลูกๆ ได้ เชื่อว่าความรักของคนเป็นแม่เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว

นุ่น - นุ่นว่าตัวละครวารี เขาสามารถเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกคนเดียวได้ อาจจะใช้เวลามากหน่อยในการคิดคำนวนว่าจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปกับสามีที่ทำร้ายเขา หรือว่าจะอยู่กับลูกเพียงแค่สองคนแม่ลูก ดูแลลูกเพียงลำพัง แล้ววันหนึ่งเขาก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง ซึ่งจุดนี้เองที่นุ่นคิดว่าผู้หญิงมีความแน่วแน่ และมีความรักมากพอที่จะทำได้ ให้ทุกอย่างกับลูกได้ค่ะ ในฐานะที่นุ่นเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ก็อยากให้ทุกคนที่อาจต้องเจอปัญหา หรือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว อย่าท้อ และให้มองเห็นคุณค่าของตัวเองตรงนี้ค่ะ

แพร์ - ส่วนแพร์มองว่าผู้หญิงเป็นแม่เพียงลำพังได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยนะ บางคนอาจไม่ได้มีความพร้อม ความพร้อมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงปัจจัยภายนอกอย่างเดียว แต่หมายถึงความพร้อมที่คนคนหนึ่งจะดูแลคนอีกคนหนึ่ง ถ้าเขามีความพร้อมตรงนี้ มีความรักมากพอ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกของเขาได้เติบโตมาอย่างดีที่สุด แต่ในสังคมเราจะเห็นว่ามีคนที่ไม่ได้มีความพร้อมอย่างนั้น นั่นทำให้เขาไม่ได้ใยดีอะไรมากกับการเลี้ยงคนคนหนึ่งขึ้นมา แล้วมันก็วนเป็นวงจร กลายเป็นปัญหาลูกโซ่ต่อไปในสังคม ความไม่พร้อมของวุฒิภาวะอันนี้แหละที่มันจะสร้างปัญหาให้กับเด็กคนหนึ่ง แล้วเด็กคนนั้นก็จะสามารถสร้างปัญหาต่อๆ ไปได้อีกไม่รู้จบ

Q : อะไรคือความน่ากลัวที่แท้จริงของซีรีส์ อย่ากลับบ้าน

นุ่น - ถ้าถามในมุมมองของนักแสดงนะ ความน่ากลัวของอย่ากลับบ้านคือการแอคติ้งค่ะ (หัวเราะ) แต่มันเป็นความน่ากลัวที่ทั้งน่าค้นหาและท้าทายสำหรับนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้เลย เพราะจริงๆ มันค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่ และเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเราทั้ง 3 คนมากๆ แต่เมื่อเราเชื่อแล้วว่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในโลกที่เราอยู่ มันก็เลยทำให้เราก้าวพ้นความกลัวของการแสดงนั้นไปได้ค่ะ

แพร์ - สำหรับแพร์ ความน่ากลัวคือความไม่รู้ ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้เลยว่าคนคนนี้จะดีหรือไม่ดี มาในรูปแบบไหน หรือเขากำลังคิดอะไรอยู่ และความน่ากลัวของตัวละครแต่ละตัวยังเป็นการที่แต่ละคนไม่สามารถหลุดพ้นออกมาจากปัญหาของตัวเองได้ เหมือนวารีที่โดนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าจะวิ่งหนีออกมาจากชีวิตแบบนั้น ตัวพนิดาที่ทำไมเขายังยึดติด ทำไมยังเชื่อว่านั่นคือโอกาสของการแก้ไขความผิดพลาดในอดีตแม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันไม่ถูกต้อง หรือตัวสารวัตรฟ้า ตัวละครของแพร์เองที่เขารู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายมีภรรยาอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังอยากไปอยู่ในความสัมพันธ์ตรงนั้น แพร์เลยมองว่าความทุกข์ใจที่แต่ละคนได้รับคือการรู้อยู่แก่ใจกับปัญหา แต่เขาก็ยังไม่ออกมา ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง มันก็เลยทำให้ทุกตัวละครในเรื่องยังคงวนอยู่กับความทุกข์อยู่อย่างนั้น

ซินดี้ - สำหรับซินดี้มองว่าความน่ากลัวไม่ได้มาจากสิ่งภายนอก ไม่ได้มาจากผี ไม่ได้มาจากบ้าน แต่มาจาก ‘คน’ นี่แหละ หัวใจดวงหนึ่งของคนเป็นแม่ เป็นแม่ที่อบอุ่นให้กับลูกได้แล้ว บางครั้งความซับซ้อน ปัญหาสุขภาพจิต Trauma หรือการถูก Abuse บางอย่าง ยังทำให้หัวใจที่อบอุ่นของคนคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่น่ากลัว และอำมหิตที่สุดได้เหมือนกันค่ะ

รับชมซีรีส์ ‘อย่ากลับบ้าน’ ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...