“ธีม EV” สุดแป๊ก ไม่ปังอย่างที่คิด พา “ขาดทุนยับ”... ขาดทุนจาก IPO กว่า -44% ปีนี้ผลตอบแทนร่วงเฉลี่ย -14.44 % !!!
สาระ Fund วันละนิด: วันนี้ จะพามาส่องอีกธีมที่ “สุดแป๊ก” ไม่ปังอย่างที่คิด ทำนักลงทุน “ขาดทุนยับ” ไปตามๆ กัน
นั่นก็คือ “ธีม EV” หรือ “รถยนต์ไฟฟ้า” (Electric Vehicle) นั่นเอง โดยขาดทุนจากราคา IPO เฉลี่ยกว่า -44% ซึ่งถือว่า “ไม่น้อย” และปีนี้ผลตอบแทนก็ยังคง “ติดลบ” กันถ้วนหน้าเฉลี่ย -14.44%สวนกระแสยอดขายรถ EV เติบโต
ปัจจุบันมี 4 กองทุน ใน “ธีม EV” เป็นกองทุนอะไรบ้างนั้น ทีมงาน ‘Wealthy Thai’ รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
ธีม “EV” พาขาดทุนยับจากราคา IPO กว่า -44%
แม้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ “EV” โดยมีแรงขับเคลื่อนจากเรื่อง “Carbon transition” ยังดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลของ “สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ” พบว่ารถยนต์เกือบ 1 ใน 5 ที่ขายในปี2023 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม
แต่แนวโน้มของ “EV” ก็ยังขึ้นกับหลายปัจจัย ทั้งราคาที่แพงจนช่วงหลังมีการปรับลดราคากันมากมายระยะการขับขี่ อัตราดอกเบี้ย และกำลังซื้อของผู้บริโภคเองด้วย จนบางส่วนก็ตัดสินใจไปซื้อ “Hybrid” แทน ซึ่งส่งผลต่อตลาด “EV” เช่นเดียวกัน
ในช่วงที่กระแส “EV” มาแรง บลจ.ไทยก็ไม่พลาดจะนำเสนอทางเลือกการลงทุนนี้ให้นักลงทุนเช่นกัน มี 4 กอง ด้วยกัน (ไม่นับรวมชนิดหน่วยลงทุนของกองทุนเดียวกัน) ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มที่ลงทุนในรถยนต์ EV และ 2) กลุ่มที่ลงทุนในธุรกิจแบตเตอร์รี่ กลุ่มละ 2 กอง ประกอบด้วย
- “SCBEV(A): กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Electric Vehicles and Future Mobility (ชนิดสะสมมูลค่า)” ของบลจ.ไทยพาณิชย์ จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2022 ปัจจุบัน (ณ วันที่ 11 พ.ย. 24) NAV เหลือ 5.09 บาท หรือขาดทุนจาก IPO ไป -49% ผลตอบแทนปีนี้ยังติดลบอยู่ -12.97%
“โดยกองทุนมุ่งหวังที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้ได้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของดัชนีอ้างอิง ‘Bloomberg Electric Vehicles Index’ ผ่านกองทุนหลัก KraneShares Electric Vehicles & Future Mobility Index ETF”
- “LHMOBILITY-A: กองทุนเปิด แอล เอช สมาร์ท โมบิลิตี้ ชนิดสะสมมูลค่า" ของบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2021 ปัจจุบัน (ณ วันที่ 8 พ.ย. 24) NAV เหลือ 5.78 บาท หรือขาดทุนจาก IPO ไป -42% ผลตอบแทนปีนี้ยังติดลบอยู่ -6.97%
“โดยกองทุนเน้นลงทุนใน ‘หุ้นทั่วโลก’ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมต่าง ๆ ภายใต้ระบบการขนส่งอัจฉริยะ (Smart Transportation) เช่น เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicle) เทคโนโลยีการเชื่อมต่อยานยนต์กับสิ่งต่าง ๆ (Connected Vehicle) ผ่านกองทุนต่างประเทศตั้งแต่ 2 กองขึ้นไป”
- “ASP-POWER: กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ฟิวเจอริสติก พาวเวอร์ ซัพพลาย แอนด์ โมบิลิตี้” ของบลจ.แอสเซท พลัส จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2021 ปัจจุบัน (ณ วันที่ 11 พ.ย. 24) NAV เหลือ 3.77 บาท หรือขาดทุนจาก IPO ไป -62% ผลตอบแทนปีนี้ยังติดลบอยู่ -28.39%
“โดยกองทุนจะลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมต่างๆ ภายใต้ระบบการขนส่งอัจฉริยะ (Smart Transportation) เช่น เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicle) เทคโนโลยีการเชื่อมต่อยานยนต์กับสิ่งต่าง ๆ (Connected Vehicle)เป็นต้น ผ่านกองทุนต่างประเทศตั้งแต่ 2 กองขึ้นไป”
- “UEV: กองทุนเปิด ยูไนเต็ด แบตเตอรี่ แอนด์ อีวี เทคโนโลยี ฟันด์" ของบลจ.ยูโอบี จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2021 ปัจจุบัน (ณ วันที่ 8 พ.ย. 24) NAV เหลือ 7.64 บาท หรือขาดทุนจาก IPO ไป -24% ผลตอบแทนปีนี้ยังติดลบอยู่ -9.43%
“โดยกองทุนจะลงทุนใน ‘หุ้น’ ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งครอบคลุมถึงการทำเหมืองไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และการผลิตแบตเตอรี่ และ/หรือบริษัทที่ดำเนินการและ/หรือได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งในอนาคต เช่น รถยนต์, ยานพาหนะไฟฟ้า และ/หรือเทคโนโลยีดิจิตอลที่ใช้ในการขนส่ง เช่น การขับขี่อัตโนมัติเป็นต้น โดยกระจายการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ผ่านกองทุนต่างประเทศตั้งแต่ 2 กองขึ้นไป”
ชี้ปัจจัยส่งเสริมตลาด “EV”
จากข้อมูลของ “บจ.มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)” ระบุผ่านรายงานว่า นักวิเคราะห์ “Morningstar” คาดว่าความต้องการรถ EV จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนหากมี 2 ปัจจัยส่งเสริมซึ่งได้แก่ การที่รถ EV ขับเคลื่อนในระยะที่ไกลเกิน 300 ไมล์และมีราคาที่ไม่แพง รวมทั้งมีสถานีชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูงจำนวนมากตามเส้นทางเพื่อให้ผู้ใช้รถมั่นใจในการเดินทาง และทั้งหมดนี้จะถูกสนับสนุนให้เกิดได้ภายใต้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่กำลังลดลง
“ในระยะยาวการนำ EV เข้ามาใช้ยังคงดำเนินต่อไป มาตรฐานมลพิษก็มีแนวโน้มเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ โดยจากการศึกษาของ ‘BloombergNEF’ พบว่า EV คิดเป็น 18% ของยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วโลกในปี 2023 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 45% ในปี 2030 และ 73% ในปี 2040 ตามลำดับ”
สำหรับ “ธีม EV” เป็นอีกธีมที่น่าสนใจ เพราะการใช้รถยนต์ EV ก็เติบโตขึ้นจนนักลงทุนเองก็สัมผัสได้ แต่ในรายละเอียดปลีกย่อยของ “ตลาด EV” เองก็ยังมีหลากหลายปัจจัยที่ยังต้องติดตามใกล้ชิดเพราะส่งผลต่อผลกำไรของบจ.ในธุรกิจเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญ กองทุนกลุ่มนี้ก็ “โฟกัส” ธุรกิจเฉพาะเช่นกัน ถ้าสนใจลงทุนแนะนำให้แบ่งเงินบางส่วนกระจายมาลงทุนเท่านั้น
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน