โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ส่งออกทุเรียนโดนตีกลับ 100 ตู้ ราคาดิ่งต่ำร้อยหลังพบสาร BY2

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 15 ม.ค. เวลา 08.19 น. • เผยแพร่ 15 ม.ค. เวลา 04.01 น.

ส่งออกทุเรียนระส่ำหนัก หลังถูกจีนตีกลับแล้ว 100 กว่าตู้ เหตุไม่มีผลตรวจสารย้อมสีก่อมะเร็ง “Basic Yellow 2” จนต้องขนกลับมาเทขายที่ “ตลาดไท” ส่งผลราคาทุเรียนดิ่งจากซื้อเหมาสวนราคา 230-240 บาท/กก. ตอนนี้เหลือ 110-120 บาท/กก. จนล้งต้องหยุดรับซื้อ

หลังจากที่สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) แจ้งพบปัญหาการใช้สารย้อมสี “Basic Yellow 2 : BY2” ในทุเรียนส่งออกของไทย โดยสารดังกล่าว WHO ระบุเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B ปรากฏจีนได้กำหนดให้ทุเรียนส่งออกทุกลอตของไทยไปจีนจะต้องแนบผลวิเคราะห์ Test Report สาร Basic Yellow 2 และแคดเมียม โดยจีนจะสุ่มตรวจซ้ำที่ด่านนำเข้าทั้งทางบก ทางอากาศ ทางเรือ หากพบสารตกค้างดังกล่าวก็จะระงับการนำเข้าทันทีและให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

แหล่งข่าวจากโรงคัดบรรจุที่ส่งออก (ล้ง) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ในวงการส่งออกทุเรียนทั้งระบบ “ปั่นป่วนมาก” เนื่องจากทุเรียนไทยประมาณ 100 กว่าตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งผ่านด่านทางอากาศ ทางเรือ และทางบก ไปจีนก่อนวันที่ 10 มกราคม 2568 เพื่อที่จะขายในช่วงเทศกาลตรุษจีน (26-28 ม.ค. 2568) “ถูกตีกลับ” หลังจากทางการจีนพบว่า ทุเรียนเหล่านี้ไม่มีใบรายงานผลการทดสอบ (Test Report) “สารย้อมสี Basic Yellow 2” มาแสดง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรจีนไม่ยอมให้ผ่านด่าน

ทุเรียน

และหากจะรอให้ทางการจีนนำทุเรียนไปตรวจหาสารย้อมสี BY2 ก็จะต้องใช้เวลารอผลประมาณ 7-9 วัน ทั้งยังไม่มีความแน่นอนว่า จะมีแล็บตรวจที่สามารถตรวจสาร BY2 ได้ทันหรือไม่ ขณะที่ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่หวังไว้ว่า ทุเรียนจะขายได้ราคาดีก็กำลังเข้ามาแล้ว สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังทุเรียนถูกตีกลับ มีการประมาณการไว้ที่ตัวเลข 500 ล้านบาท (มูลค่าทุเรียน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 5 ล้านบาท)

โดยทุเรียนที่ถูกตีกลับเหล่านี้ อาจต้องเทขายในตลาดภายในประเทศ เนื่องจากทุเรียนที่ถูกส่งกลับมาจะอยู่ในสภาพสุกแล้ว และหากสุกมากไปกว่านี้ก็อาจจะต้องขายให้ “ห้องเย็น” เพื่อนำไปแปรรูปในราคาถูก

“ตอนนี้เราลำบากมาก ตู้ทุเรียนที่ถูกตีกลับมาจะต้องเปิดตู้แล้วนำออกมาขายแบบขาดทุน ราคาทุเรียนตีกลับจะตก กก.ละ 110-120 บาท หากเปิดตู้ออกมาแล้วทุเรียนสุกมากก็จะต้องขายเข้าห้องเย็น ราคาร่วงลงมาเหลือแค่ กก.ละ 60-80 บาท ประกอบกับทุเรียนที่ขายกันช่วงนี้เป็นทุเรียนนอกฤดูกาล ทำให้มีผลผลิตน้อย ที่ผ่านมาล้งหวังซื้อส่งออกไปขายช่วงเทศกาลตรุษจีน จะได้ราคาสูงมากกว่าช่วงปกติ

ทำให้ไปเหมาสวนกันล่วงหน้าไว้จะตัดวันที่ 15 ม.ค. 68 ในราคาสูง ประมาณ 230-240 บาทต่อ กก. และมีเงื่อนไขตกลงกับชาวสวนทุเรียนไว้โดยจ่ายล่วงหน้า 30% ของวงเงินทั้งหมด ตอนนี้หากชะลอการตัดทุเรียนก็จะถูกชาวสวนริบเงินมัดจำ แต่ราคาเหมาสวนตอนนี้ร่วงไปเหลือแค่ 130 บาท/กก. แต่ล้งทั้งหมดหยุดซื้อรอดูความชัดเจนและรอมีเอกสารพร้อมก่อน” แหล่งข่าวกล่าว

ชาวสวนยอมขาดทุนขายส่งตลาดไท

นายสมยศ เรืองทองฉิน ประธานทุเรียนแปลงใหญ่ ต.ป่าร่อน อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ขณะนี้ราคาทุเรียนในสวนลดต่ำลงมาก จากราคาก่อนมีปัญหาตรวจพบสารย้อมสี BY2 ทุเรียนส่งออกตก กก.ละ 200-220 บาท พร้อมกับคาดการณ์ว่า ในช่วงตรุษจีนราคาทุเรียนจะพุ่งขึ้นไปถึง กก.ละ 220-230 บาท แต่ตอนนี้ราคาร่วงลงมาเหลือ 170-175 บาท ขณะที่ล้งที่เหมาสวนไว้ล่วงหน้านัดไว้จะเข้ามาตัดวันที่ 10 ม.ค. 68 “แต่ก็ไม่ได้เข้ามาตัดทุเรียน ตอนนี้ในพื้นที่มีผลผลิตทุเรียนอยู่ประมาณ 90 ตัน”

อย่างไรก็ตาม ชาวสวนทุเรียนยังมั่นใจว่า จะต้องมีพ่อค้าติดต่อเหมาสวนตัดทุเรียนแน่นอนภายใน 1 สัปดาห์ เพราะตลาดมีทุเรียนปริมาณน้อย และที่สำคัญราคาทุเรียนลดลงมามากแล้ว เจ้าของสวนเองก็ต้องการขาย เพราะทุเรียนจะแขวนไว้ติดต้นได้อีกไม่เกิน 10 วัน ถ้าไม่มีพ่อค้ามารับซื้อจะเริ่มสุก พ่อค้าส่งออกจะไม่รับซื้อเพราะทุเรียนสุกจะมีน้ำหนักเบา ต้องนำไปขายส่งแผงตลาดภายในประเทศ ตอนนี้คือช่วยกันสื่อสารทางโซเชียลในกลุ่มสมาคมทุเรียนใต้ เพื่อหาพ่อค้ามาซื้อ ทุเรียน

ด้านพ่อค้าคนกลางที่เหมารับซื้อทุเรียนส่งขายล้งเพื่อส่งออก จ.นครศรีธรรมราช กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อล้งส่งออกหยุดรับซื้อทุเรียน หลายสวนที่เหมานัดตัดทุเรียนระหว่างวันที่ 10-15 ม.ค. 68 เกรด ABC กก.ละ 170-180 บาท ตอนนี้ต้องหาแม่ค้าแผงรับซื้อเพื่อขายตลาดภายในประเทศ ยอมชะลอการตัดทุเรียนออกไป 2-3 วัน และต้องลดราคาขายขาดทุนให้แผงรับซื้อขายตลาดในประเทศเหลือ กก.ละ 130-135 บาท ซึ่งแผงที่รับซื้อจะส่งตลาดไท และอีกส่วนหนึ่งขายให้โรงงานแช่แข็ง ตอนนี้มีทุเรียน AB ที่ส่งออกไปจีนไม่ได้ถูกตีกลับมาขาย กก.ละ 150-170 บาท ขายโรงงานแช่แข็ง กก.ละ 80 บาท แกะเนื้อ กก.ละ 500-600 บาท

ทางด้านนายประพันธ์ แดงพรม ประธานทุเรียนแปลงใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จ.นครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่มีผลผลิตทุเรียนทวายมากที่สุดของภาคใต้ใน 9 อำเภอ ประมาณ 10,311 ตัน ผลผลิตออกในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 68 ตอนนี้ผลผลิตเพิ่งออกไปชุดแรกก่อนวันที่ 1-10 ม.ค. 68 จำนวน 1,285 ตัน หรือ 12% เท่านั้น จะออกมากราวกลางเดือน ม.ค. ต้นเดือน ก.พ.ประมาณ 8,000 ตัน หรือ 77% ช่วงวันที่ 11-20 ม.ค. เป็นช่วงที่ปริมาณทุเรียนออกมากที่สุดเกือบ 3,000 ตัน หรือ 27% เมื่อล้งส่งออกไม่ได้ พ่อค้าที่ทำสัญญาเหมาสวนไว้ไม่มาเก็บเกี่ยว ขอเลื่อนกำหนดและบางรายถูกเจ้าของสวนยึดมัดจำ

ส่วนสวนที่ไม่ได้เหมาทุเรียนไว้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวได้ก็ต้องตัดขายแผงส่งตลาดภายในประเทศ เพราะถ้าปล่อยไว้จะเกิดความเสียหาย “ตอนนี้ราคาหน้าล้งลดลงจาก 180-190 บาท/กก. เหลือ 150 บาท จากราคาเหมาสวนใหม่จาก 140-150 บาท/กก. เหลือ 130 บาท” นายประพันธ์กล่าว

ทุเรียนไทย-เวียดนาม-มาเลย์โดนหมด

มีรายงานข่าวจากสมาคมทุเรียนไทย เข้ามาว่า ทางสมาคมผู้ส่งออกหลายสมาคมได้ออกประกาศยืนยันไม่ให้ใช้ “สารชุบเติมแต่ง” ในกระบวนการผลิตทุเรียนส่งออก เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่จีนกำหนดและสร้างความเชื่อมั่น แต่ทราบมาว่า ทางการจีนใช้มาตรการตรวจหาสาร BY2 และสารแคดเมียมกับทุเรียนไทย เวียดนาม มาเลเซีย แม้เวียดนามจะมีห้องแล็บแสดงผลตรวจสาร BY2 ได้แล้ว แต่ยังต้องให้จีนตรวจสอบตอนนำเข้าอีกครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน คาดว่าจะทำให้มีรถและเรือติดค้างที่ด่านจำนวนมาก “ขณะนี้จีนขอสุ่มตรวจทุเรียนไทย เวียดนาม มาเลเซีย เกินกว่า 50% และต้องใช้เวลานาน 7 วันแล้ว”

แล็บไทยก็ตรวจได้คิดราคา 3 พัน/ตัวอย่าง

นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย กล่าวว่า จีนตรวจเข้มสาร BY2 ทั้งทางเรือ ทางบก และทางอากาศ โดยสำนักงานศุลกากรคุนหมิง แจ้งว่า การทดสอบทุเรียนไทย ทุเรียนเวียดนาม สีเหลืองอ่อนอัลคาไลน์อ่อน 2 (สีเหลืองมะนาว) เริ่มดำเนินการวันที่ 10 ม.ค. 68 ผลจะออกภายใน 7 วัน รวมระยะเวลาทั้งหมดที่ส่งออกจากไทยประมาณ 18 วัน

ซึ่งมาตรการของจีนหากพบครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 จะแจ้งเตือนและส่งคืน แต่หากพบครั้งที่ 3 จะทำลายทุเรียนทิ้งภายในระยะเวลา 7 วัน “จากการประชุม Fruit Board ได้มีมาตรการแก้ไขและแนวทางปฏิบัติการส่งออกทุเรียนให้ดำเนินการไปได้ โดยบริษัทที่ตรวจสอบแจ้งว่า สามารถตรวจและออกเอกสารรับรอง ถ้าตรวจไม่พบสาร BY2 ได้ใน 10 วันทำการ แต่ถ้าฝ่ายจีนตรวจซ้ำและพบสาร BY2 ก็จะมีความผิดทั้งล้งและเจ้าหน้าที่ตรวจปล่อย” นายสัญชัยกล่าว

รายงานข่าวจากกรมวิชาการเกษตร แจ้งเข้ามาว่า บริษัทศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเชีย จำกัด (มหาชน) AMARC ซึ่งเป็น 1 ใน 22 บริษัทที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตร ให้ข้อมูลว่า จะสามารถให้บริการตรวจและให้การรับรอง Test Report ของสาร Basic Yellow 2 ได้ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. 68 จะใช้เวลาตรวจ 3 วัน คิดค่าบริการ 3,000 บาท/ตัวอย่าง ส่วนค่ามาตรฐานที่จีนแจ้งไว้ต้องไม่เกิน 2 ppb (2 ส่วนในพันล้านส่วน)

Fruit Board สั่งตรวจ 100%

ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ได้สั่งให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสาร 100% รวมไปถึงการตรวจสารแคดเมียมหนอนทุเรียนและสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในลำไยด้วย หากตรวจพบจะดำเนินการตามบทลงโทษตามประกาศกรมวิชาการเกษตร

นอกจากนี้ยังได้เตรียมความพร้อมที่จะส่งเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปตรวจตามล้งต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดชุมพร-นครศรีธรรมราช เนื่องจากผลผลิตทุเรียนกำลังจะทยอยออกสู่ตลาด ขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรฯกำลังวางมาตรการใหม่ภายใน 10 วัน จะดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อยกระดับคุณภาพและความเชื่อมั่นในทุเรียนไทย

“ในวันที่ 5-7 ก.พ. 2568 จะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกับนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ และจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับทางสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of Customs of the People’s Republic China : GACC) หลังจากที่จีนมีการดำเนินการตรวจสอบสินค้าผักผลไม้ไทยอย่างเข้มงวด โดยในปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) ไทยส่งออกผลไม้สดไปจีน 1.817 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 177,131 ล้านบาท

ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรได้ออกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่องมาตรการควบคุมการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียนผลสดส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2568 โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 10 มกราคม 2568 ประกอบไปด้วย 1) กรณีที่มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต ต้องใช้ทั้งชนิดและปริมาณที่ถูกต้อง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง หรือตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 หรือข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า

2) กรณีตรวจพบโรงคัดบรรจุใช้สารห้ามใช้หรือมีสารห้ามใช้ไว้ในครอบครอง จะถูกระงับการส่งออกและนำไปสู่การยกเลิกหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืชก็ได้ และ 3) กรณีเจ้าหน้าที่สงสัยว่าทุเรียนมีการใช้สารห้ามใช้ ให้มีอำนาจสั่งให้โรงคัดบรรจุนำผลทุเรียนนั้นไปตรวจวิเคราะห์กับห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาออกใบรับรองสุขอนามัยพืช

สำหรับสถิติการส่งออกผลไม้ไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ปี 2567 พบว่า ไทยส่งออกผลไม้ไปสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวนรวมทั้งสิ้น 101,884 ตู้/ชิปเมนต์ ปริมาณรวม 1,824,815 ตัน มูลค่ารวม 134,954 ล้านบาท โดยมีปริมาณการส่งออกลดลงจากปี 2565 และปี 2566 โดยเป็นการส่งออกทุเรียน จำนวน 52,960 ตู้/ชิปเมนต์ ปริมาณ 824,777 ตัน มูลค่า 88,806 ล้านบาท

ในส่วนของการส่งออกลำไย จำนวน 15,102 ตู้/ชิปเมนต์ ปริมาณ 375,327 ตัน มูลค่า 16,018 ล้านบาท ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรรายงานอีกด้วยว่า ได้เตรียมยื่นขอเปิดตลาดส่งออกลำไยทุกประเภทจากไทยไปฟิลิปปินส์ เพื่อขยายตลาดเพิ่มขึ้น

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ส่งออกทุเรียนโดนตีกลับ 100 ตู้ ราคาดิ่งต่ำร้อยหลังพบสาร BY2

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...