โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

บูม “Wellness & Medical” หนุนไทยขึ้นฮับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 13 ก.พ. เวลา 03.24 น. • เผยแพร่ 13 ก.พ. เวลา 07.20 น.

จากข้อมูลของ Global Wellness Institute ระบุว่า ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourism ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตปีละ 20% และคาดว่าในปี 2568 นี้ ธุรกิจ Wellness ทั่วโลกสูงถึง 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะที่ในประเทศไทยนั้นมีการคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จะมีมูลค่ารวมที่ 7.6 แสนล้านบาทในปี 2570 การส่งเสริม Wellness Tourism จึงเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของอุตสาหกรรมสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกในอนาคต

มุ่งสู่ฮับ Wellness Tourism

“สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศนโยบายด้าน Wellness และ Medical Hub ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ในระดับโลก

พร้อมระบุว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมสุขภาพในประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 40,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากอุตสาหกรรมสุขภาพทั่วโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 6.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่อง

กระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำหนดนโยบายเพื่อเสริมศักยภาพเศรษฐกิจสุขภาพ และมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางด้าน Medical and Wellness Hub ของโลก โดยเน้นการเชื่อมโยงการดูแลสุขภาพกับการท่องเที่ยวเพื่อสร้างความเติบโตทั้งในด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน

สร้าง ศก.-ยกระดับคุณภาพชีวิต

“สมศักดิ์” บอกว่า ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourism มากกว่า 3.5 ล้านคนต่อปี และมีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายและเสน่ห์เฉพาะตัว

โดยหนึ่งในโครงการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ริเริ่มเพื่อเชื่อมโยงการดูแลสุขภาพกับการท่องเที่ยว คือ โครงการเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellcation ซึ่งเป็นการผสมผสานการบริการด้านสุขภาพกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม

โครงการดังกล่าวนี้ได้เลือกพื้นที่ในเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งประกอบด้วย กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ด้วยภูมิประเทศที่สวยงาม ทั้งภูเขา ทะเล แม่น้ำ และป่าไม้ รวมถึงอาหารพื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์

อาทิ น้ำตาลโตนดจากเพชรบุรี สับปะรดจากประจวบคีรีขันธ์ การเชื่อมโยงทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้เข้ากับบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐานจะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เพียงแค่การผ่อนคลาย แต่ยังส่งเสริมสุขภาพไปพร้อมกัน

นอกจากนี้ ยังจะสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพราะการเชื่อมโยงสุขภาพกับการท่องเที่ยวไม่เพียงแต่จะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นและทั่วประเทศ

ขับเคลื่อนท่องเที่ยวระยะยาว

พร้อมย้ำว่า การพัฒนา Wellness Tourism ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสุขภาพและการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโตในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญในเส้นทางการเป็นศูนย์กลาง Medical and Wellness Hub เช่น กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสุขภาพ การขาดแคลนแพทย์และบุคลากรด้านสุขภาพ

รวมถึงการสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพที่สามารถแข่งขันในตลาดโลก เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพและท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา

Wellness & Medical

หนุนหลักสูตรการอบรม

สำหรับในส่วนของการส่งเสริมการพัฒนาในระยะยาวนั้น “สมศักดิ์” บอกว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนหลักสูตรการอบรม Wellness Business and Beyond (WBB) ซึ่งร่วมมือกับสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย มูลนิธิแพทย์เพื่อปวงประชา และมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น เพื่อพัฒนาผู้นำในอุตสาหกรรมสุขภาพและ Wellness ให้มีวิสัยทัศน์ในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพของประเทศ

โดยหลักสูตรนี้มีจุดมุ่งหมายในการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในส่วนของการแพทย์แผนไทยโดยเฉพาะนวดแผนไทยนั้น ปัจจุบันกำลังขับเคลื่อนยกระดับฝีมือของหมอนวด ด้วยการเพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าไป โดยเฉพาะใน 7 กลุ่มอาการ ประกอบด้วย 1.ปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ หรือออฟฟิศซินโดรม 2.หัวไหล่ติด 3.นิ้วล็อก 4. กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาทหรือปวดสลักเพชร 5.หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท 6.อัมพฤกษ์ อัมพาต และ 7.กลุ่มระบบสืบพันธุ์ ให้มีการอบรมตามหลักสูตรเพื่อให้มีความชำนาญ ทั้งทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวมจำนวน 207 ชั่วโมง จากเดิมเป็นหลักสูตร 150 ชั่วโมง

โดยชั่วโมงที่เพิ่มเข้ามาจะเป็นหมวดวิชาความรู้พื้นฐาน และเพิ่มเติมหมวดภาษาและวัฒนธรรม

“หมอนวดแผนไทยเป็นที่ต้องการในต่างประเทศ ทั้งตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกา จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น เมื่อมีความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น รายได้ของเราก็จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว”

ดันไทยขึ้นศูนย์กลางสุขภาพโลก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขย้ำอีกว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางด้าน Medical และ Wellness Hub ของโลก เนื่องจากมีความโดดเด่นหลายประการ เช่น มีโรงพยาบาลและคลินิกที่มีมาตรฐานระดับโลก มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ได้รับการยอมรับในระดับสากล ค่ารักษาพยาบาลอยู่ในระดับที่แข่งขันได้

นอกจากนี้ คนไทยยังมีจิตวิญญาณด้านการให้บริการที่ดี รวมถึงมีภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศอีกด้วย ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันยกระดับมาตรฐานธุรกิจสุขภาพของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

โดยเชื่อมั่นว่าการพัฒนา Wellness Tourism และการเชื่อมโยงกับธุรกิจสุขภาพจะเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ และยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพระดับโลกต่อไป

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บูม “Wellness & Medical” หนุนไทยขึ้นฮับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...