โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“NOBLE” มั่นใจเศรษฐกิจฟื้น เปิด 10 โครงการ 2.3 หมื่นลบ. ลุยบ้านอัลตร้าลักซูรีเพิ่ม

การเงินธนาคาร

อัพเดต 19 ม.ค. 2566 เวลา 16.50 น. • เผยแพร่ 19 ม.ค. 2566 เวลา 09.50 น.

“NOBLE” เดินเกมรุกปี 2566 เปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่า 23,300 ล้านบาท ขยายพอร์ตแนวราบเพิ่ม รุกตลาดบ้านอัลตร้าลักซูรี วางเป้าหมายยอดขายพรีเซล 23,000 ล้านบาท ดันรายได้รวม 15,000 ล้านบาท นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา NOBLE เปิดขายโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 31,550 ล้านบาท สามารถทำยอดขาย (Pre-sale) ได้ 17,400 ล้านบาท ทำให้มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท

ยุทธศาสตร์ปี 2566 ของ NOBLE คือการเปิดตัวโครงการต่อเนื่อง รองรับดีมานด์ความต้องการบ้านที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ และดีมานด์บ้านหลังที่สองจากกลุ่มผู้บริโภคชาวต่างชาติที่ดีดกลับ จากผลบวกการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ NOBLE เตรียมลอนช์โครงการใหม่จำนวน 10 โครงการ มูลค่า 23,300 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • โครงการแนวราบ และโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท

  • โครงการประเภทแนวสูงจำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,900 ล้านบาท โดยแต่ละโครงการจะกระจายตัวอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ อาทิ

  • กรุงเทพฝั่งตะวันตก และกรุงเทพฝั่งตะวันออก เป็นต้น

  • ทำเลกลางใจกลางเมือง อาทิ ถนนวิทยุ เป็นต้นขณะเดียวกัน ในปี 2566 NOBLE มีแผนเปิดโครงการที่เน้นเจาะกลุ่ม Ultra Luxury Segment เพิ่มขึ้น จำนวน 3 โครงการ ได้แก่

  • โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ บ้านเดี่ยวติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา

  • โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย บ้านเดี่ยวใจกลางทำเล CBD พระราม 9 – เอกมัย

  • โครงการโนเบิล อเวย์ ชะอำ บีชฟร้อนท์ ที่ดินหน้ากว้างติดทะเล ใจกลางตัวเมืองชะอำ ปัจจุบัน NOBLE ยังมีสินค้ารองรับความต้องการอยู่อาศัยของผู้บริโภคในทุกสถานะการก่อสร้าง โดยมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) ในปี 2566 มูลค่ารวมประมาณ 11,300 ล้านบาท และสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมูลค่ารวมประมาณ 18,700 ล้านบาท ซึ่งรองรับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งแบบอยู่อาศัยเองหรือเพื่อลงทุน ซึ่งจะผลักดันยอดขายและรายได้ในปีนี้ของบริษัทฯ ให้เติบโตสูงขึ้นอีกดัวย

“โควิด เป็นจุดเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชาวจีนในประเทศไทย หันมานิยมซื้อที่อยู่อาศัยแบบสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วมากขึ้น เพราะสามารถเห็นโครงการจริงและวิวจริง ซึ่งสามารถชมโครงการได้หลายรูปแบบทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ อีกทั้งยังมีความต้องการห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการอยู่อาศัยเองทั้งครอบครัวจากเดิมที่นิยมซื้อเพื่อลงทุน"

นายธงชัย กล่าวประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ว่า เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันของโรคโควิด-19 ประกอบกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี เกิดการจ้างงานมากขึ้น ทำให้ประชากรมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่รัฐบาลจีนก็มีการประกาศปลดล็อคและเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยบวกใหม่ที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยคึกคักมากขึ้น และจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยด้วยจากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวจีน อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ประกอบกับ Backlog ที่มีในมือ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะทยอยส่งมอบในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ เชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาท

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...