โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หวั่นป่ายับ เหตุ กฟผ.เตรียมทำสายส่งไฟฟ้าแรงสูงผ่าน ป่า ลุ่มน้ำชั้น 1 รับโครงการผันน้ำยวม

MATICHON ONLINE

อัพเดต 07 พ.ย. 2565 เวลา 12.04 น. • เผยแพร่ 07 พ.ย. 2565 เวลา 07.48 น.

หวั่นป่ายับเยิน เหตุ กฟผ.เตรียมทำสายส่งไฟฟ้าแรงสูงผ่าน ป่า ลุ่มน้ำชั้น 1 รับโครงการผันน้ำยวม

นายกสมาคมลุ่มน้ำสาละวินเผยเร่งรีบทำอีไอเอ พ้อทีขอตั้งเสาไฟเล็กๆ เข้าหมู่บ้านกลับถูกห้าม-ชาวบ้านท้ายอ่างเขื่อนภูมิพลเดือดร้อนหนักต้องพายเรือเก็บลำใย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565นายพงษ์พิพัฒน์ นายกสมาคมฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำสาละวิน เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมาได้มีการจัดเวทีปัจฉิมนิเทศ โครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลวัตต์ ลำพูน 3-สบเมย (ส่วนที่พาดผ่านชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่หอประชุมอำเภอสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน แต่สมาคมฯ และเครือข่ายชุมชนในพื้นที่ อ.สบเมย ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมเวทีแต่อย่างใด จึงไม่มีใครได้รับรู้ข้อมูลโครงการและผลกระทบ ซึ่งเห็นชัดเจนว่าเป็นกระบวนการจัดเวทีที่การรวบรัด และที่สำคัญคือไม่ระบุว่าเกี่ยวข้องกับโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล (แนวผันน้ำยวม) ทั้งๆ ที่โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้าฯ เป็นโครงการที่คู่กับโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล ของกรมชลประทาน

นายกสมาคมฯกล่าวว่า กระบวนการจัดทำอีไอเอสายส่งไฟฟ้านี้ทำให้เหมือนว่าไม่เกี่ยวกับโครงการผันน้ำยวม แต่จริงๆ เป็นชุดโครงการเดียวกันชัดเจน เนื่องจากแผนการสูบน้ำจากแม่น้ำยวมต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมากจึงต้องมีสายส่งไฟฟ้าแรงสูงพ่วงมาด้วย ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ต่างก็เป็นห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพราะแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจะผ่านพื้นที่อนุรักษ์ทั้งอุทยานแห่งชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติแม่เงา ป่าสงวนแห่งชาติ เช่น ป่าสงวนแม่ยวมฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ป่าสงวนแห่งชาติอมก๋อย ป่าสงวนแห่งชาติแม่แจ่ม และพื้นที่ต้นน้ำลำธารที่สำคัญ

“ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน แค่จะขอขยายไฟฟ้าเสาเล็กธรรมดาๆ เข้าหมู่บ้านที่ห่างไกลก็ยังทำแทบไม่ได้เลยเนื่องจากติดกฎหมาย เป็นพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารเสียโอกาส เราเป็นห่วงผลกระทบระยะยาวจากการทำสายส่งไฟฟ้าแรงสูง การก่อสร้างเสาไฟฟ้า การลากสายไฟฟ้า การตัดถนนเข้าไปตลอดแนวสายส่งไฟฟ้าผ่านรอยต่อ 3 จังหวัด เชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน เป็นห่วงผลกระทบต่อผืนป่า ระบบนิเวศ สัตว์ป่า และชุมชนที่พึ่งพาทรัพยากรป่า การเปิดหน้าดินในเขตป่า จะเกิดตะกอนกองดินที่จะไสลด์ลงลำห้วยและต้นน้ำลำธารซึ่งเป็นระบบนิเวศเปราะบาง นอกจากนี้ยังเป็นห่วงการใช้งบประมาณจำนวนมาก หากนำมาพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนและเสริมการอนุรักษ์จะมีประโยชน์กว่า การจัดเวทีอีไอเอแบบรีบๆ อย่างนี้ยอมรับไม่ได้ หากเกิดผลกระทบแล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ” นายพงษ์พิพัฒน์กล่าว

ทั้งนี้ ในเอกสารที่ กฟผ.แจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่เข้าร่วมเวทีการมีส่วนร่วมการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)โครงการระบบสายส่งนี้ระบุว่า เป็นการเชื่อมโยงจากสถานีไฟฟ้าแรงสูงลำพูนไปยังสถานีไฟฟ้าแรงสูงสบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ระยะทาง 147.07 กิโลเมตร มีส่วนพาดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่ 1 เป็นระยะทาง 21.19 กิโลเมตร ลักษณะเสาไฟฟ้าเป็นการวางเสาโครงเหล็กผ่านพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่เกษตรกรรมไร่หมุนเวียนและนาขั้นบันได โดยมีความกว้าง 40 เมตร กฟผ.ดำเนินการตัดไม่เฉพาะที่เป็นอันตรายต่อแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเท่านั้น และเกษตรกรหรือผู้ที่ใช้พื้นที่เดิมยังสามารถทำกิจกรรมการเกษตรกรรมและยังสามารถดำเนินกิจกรรมตามชีวิตประจำวันได้ตจามปกติที่กฏหมายกำหนด

นายศิริวัฒน์ ศิริวิวัฒนวรากุล ชาวบ้านห้วยม่วง ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่าที่บ้านห้วยม่วง มีการจัดเวทีเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ชาวบ้านมาร่วมเวทีจำนวนหนึ่ง โดยผู้จัดประชุมให้ข้อมูลว่าจะมาทำสายไฟฟ้าแรงสูง หากมีชาวบ้านที่โดนสายไฟฟ้าพาดผ่านจะมีการชดเชย แต่ต้องมีการคำนวณอีกครั้ง และยังไม่บอกว่าใครบ้างที่จะได้รับผลกระทบ ซึ่งแจ้งว่าเป็นพื้นที่ไร่หมุนเวียนทั้งหมด ชาวบ้านฟังแล้วต่างไม่เห็นด้วย เพราะกังวลว่าหากมีสายส่งไฟฟ้าแรงสูงแล้วจะทำไร่หมุนเวียนไม่ได้ ผู้จัดเวทีก็ไม่ตอบชัดเจน ตอบกลางๆ สถานที่จัดก็ไม่ได้จัดที่โรงเรียนบ้านห้วยม่วงตามที่ระบุในเอกสาร แต่ไปจัดที่บ้านผู้นำชุมชน

ขณะที่นายวันชัย ศรีนวน ผู้ใหญ่บ้านแม่งูด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่วางแผนจะเป็นปลายอุโมงค์ส่งน้ำ ของโครงการผันน้ำยวม กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ว่าขณะนี้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลอยู่ที่ 255.29 เมตรเหนือระกับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ซึ่งระดับกักเก็บสูงสุด คือ 260 ม. รทก. หลายคนคิดว่าช่วงนี้ฝนไม่ตกแล้วน้ำที่เอ่อท่วมน่าจะลดลง แต่กลับไม่ใช่ อาจเป็นเพราะเขื่อนภูมิพลจำกัดการระบายน้ำ เพราะมีสถานการณ์น้ำท่วมภาคกลางอย่างหนัก

ผู้ใหญ่บ้านแม่งูดกล่าวว่าชาวบ้าน อ.ฮอด ตอนนี้หากไปสวนต้องใช้เรือไปเก็บลำไยและพืชผล อุปกรณ์เช่น ปั้มน้ำต่างๆ ก็ต้องยกขึ้นสูง หรือต่อลอยแพ ชาวบ้านแก้ปัญหากันเองตามยถากรรม

“พื้นที่กักเก็บน้ำของเขื่อน 260 ม.รทก. ก็บอกว่าเป็นพื้นที่ของเขื่อนภูมิพล แต่จริงๆ แล้วเราถูกอพยพมาตั้งแต่มีการก่อสร้างเขื่อนเมื่อ 60 ปีก่อน เราไม่ได้เลือกมาอยู่ตรงนี้ จะซ้ำเติมกันไปถึงไหน เวลาที่เราเดือดร้อนแบบนี้ผู้ศึกษาผลกระทบ รายงาน EIA ไม่เคยเข้ามาอีกเลยหลังจากอีไอเอร้านลาบผ่านแล้ว ชุมชนเราอยู่ตรงนี้ชั่วลูกชั่วหลาน เรารวมเงินกันจ้างช่างภาพมาบินโดรนถ่ายภาพพื้นที่น้ำท่วม เห็นชัดเจนมากว่า ต.นาคอเรือ เดือดร้อนกันหนัก ชาวบ้านต่างคุยกันว่าขนาดไม่มีผันน้ำ ยังเดือดร้อนกันขนาดนี้ หากผันน้ำมาจริงจะรับมือกันอย่างไร จะยิ่งซ้ำเติมพวกเรามากขึ้น หากผันน้ำมาอีกจะให้พวกเราไปอยู่ที่ไหน”

อนึ่งโครงการการศึกษา EIA โครงการระบบสายส่งไฟฟ้า ลำพูน3-สบเมย ของกฟผ. จัดทำโดยการว่าจ้างบริษัทปัญญาคอนซัลแตนท์ จำกัด โครงการเป็นการก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าแรงดัน 230 เมกกะวัตต์ จากสถานีไฟฟ้าแรงสูงลำพูน 3 ไปยัง อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 147 กิโลเมตร มีส่วนพาดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่ 1 เป็นระยะทาง 21.19 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มีนาคม 2565 ได้มีการประชุมสรุปผลการศึกษาโครงการ โครงการศึกษาวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (4Ps)โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ซึ่งผู้แทนกรมชลประทานนำเสนอว่าการสำรวจพื้นที่โครงการพบว่ามีประมาณ 29 ครัวเรือนที่จะได้รับผลกระทบ โดยพัฒนาการร่วมทุนเป็นรูปแบบ Public Private People Partnership หัวใจของโครงการคือร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาชน เพื่อให้เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสำหรับโครงการนี้ กฟผ. ก็มีความสำคัญเพราะโครงการต้องสูบน้ำ เอกสารการประชุมระบุว่ามูลค่าการลงทุน ค่าใช้จ่ายโครงการ งานดำเนินงานและบำรุงรักษา และค่าลงทุนโครงการ อยู่ที่ 172,200.34 ล้านบาท-170,620.36 ล้านบาท

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...