โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

’10 ข่าวเด่นต่างประเทศ’ สถานการณ์ที่โลกไม่ลืม! ในปี 2568

The Bangkok Insight

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • The Bangkok Insight

ปี 2568 ถือเป็นอีกปีหนึ่ง ที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับความผลิกผันในด้านต่าง ๆ ทั้งทางด้านดี และร้าย ต้องรับมือกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง หรือเหตุการณ์ที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน

ก่อนที่จะเข้าสู่ปีใหม่ 2569 The Bangkok Insight ได้รวบรวมเรื่องราวสำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ตลอดทั้งปี 2568 มาให้ดูกัน ใน "10 ข่าวเด่นต่างประเทศ"

10 ข่าวเด่นต่างประเทศ

"ภัยพิบัติ" ถล่มทั่วโลก เสียหายนับล้านล้านบาท

ภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุด 10 อันดับแรกของโลกในปี 2568 ได้สร้างความเสียหาย คิดเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 4.2 ล้านล้านบาท ในส่วนของความเสียหายที่มีการประกันภัยเท่านั้น ขณะที่ต้นทุนความสูญเสียที่แท้จริง ทั้งชีวิต การอพยพ และการสูญเสียอาชีพ ยังไม่สามารถประเมินได้ทั้งหมด

พายุไซโคลนและน้ำท่วมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วงฤดูปลายปี คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,750 คน และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 875,000 ล้านบาท ขณะที่ไฟป่าครั้งรุนแรงในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ก็มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400 คน และสร้างความเสียหายสูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท

ส่วนอุทกภัยครั้งใหญ่ในจีน ซึ่งทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพ ถูกจัดเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากเป็นอันดับ 3 ของปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 420,000 ล้านบาท และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คน

พายุไซโคลนและน้ำท่วมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วงฤดูปลายปี คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,750 คน และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 875,000 ล้านบาท ขณะที่ไฟป่าครั้งรุนแรงในรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐ ก็มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400 คน และสร้างความเสียหายสูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีอุทกภัยครั้งใหญ่ในจีน ซึ่งทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 420,000 ล้านบาท และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คน

ภัยพิบัติอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกตลอดปี 2568 ไม่ว่าจะเป็นพายุไต้ฝุ่นในฟิลิปปินส์ที่ทำให้มีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 1.4 ล้านคน ภัยแล้งในอิหร่านที่คุกคามประชากรกว่า 10 ล้านคน ในกรุงเตหะราน น้ำท่วมในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและไนจีเรีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 700 คน รวมถึงน้ำท่วมในอินเดีย และปากีสถาน ที่คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,860 คน

"เนปาลวิปโยค" ประชาชนระเบิดความไม่พอใจ สู่การประท้วงใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่

ในปี 2568 ประเทศเนปาลเผชิญกับการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ นำโดยกลุ่มเยาวชน "เจนซี" (Gen Zฆ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรุนแรง และการลาออกของรัฐบาล

ชนวนเหตุหลัก คือ การที่รัฐบาลเนปาลตัดสินใจระงับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย 26 แห่ง เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2568 โดยอ้างเรื่องกฎระเบียบ แต่ผู้ประท้วงมองว่าเป็นความพยายามปิดปากผู้เห็นต่างทางการเมือง ตอกย้ำความไม่พอใจที่มีต่อปัญหาต่าง ๆ ที่ฝังรากลึกมาเป็นเวลานาน ทั้งเรื่องคอร์รัปชัน อัตราการว่างงานของเยาวชนที่สูงกว่า 20% และสภาวะเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก

การประท้วงอย่างรุนแรงครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 77 ราย และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน จากการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ความมั่นคง

10 ข่าวเด่นต่างประเทศ

ทั้งผู้ประท้วงยังเผาสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น อาคารรัฐสภา สำนักนายกรัฐมนตรี ศาลฎีกา และบ้านพักของนักการเมืองหลายคน ซึ่งรัฐบาลเนปาลประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไว้ที่ประมาณ 586 ล้านดอลลาร์ หรือราว 20,000 ล้านบาท

หลังการประท้วงครั้งนี้ เนปาลได้เปลี่ยนผู้นำประเทศ โดยมีการารแต่งตั้ง สุชิลา การ์กี อดีตประธานศาลฎีกา เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการหญิงคนแรก เพื่อเตรียมการสู่การเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 5 มี.ค. 2569

นอกจากนี้ ยังกมีการบาทของเจ้าหน้าที่รัฐ ละอดีตรัฐมนตรีต่อการใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วงในช่วงที่ผ่านมา

ข้อตกลงหยุุดยิงฮามาส-อิสราเอล สันติภาพที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ในช่วงท้ายของข้อตกลงหยุดยิงระยะแรกที่เริ่มขึ้นในเดือนต.ค. 2568 แผนสันติภาพที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ

กองทัพอิสราเอล ได้ถอนกำลังทหารไปยังแนว "Yellow Line" ซึ่งเป็นแนวแบ่งเขตการควบคุม โดยฮามาสมีการปล่อยตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด แลกกับการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ประมาณ 2,000 คน

ขณะนี้ ข้อตกลงกำลังเข้าสู่ระยะที่สอง โดยระหว่างวันที่ 29-30 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ที่ทำเนียบขาวเพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระยะที่สอง
ในระยะที่ 2 นี้ กำหนดให้กลุ่มฮามาสต้องปลดอาวุธ และจัดตั้ง "รัฐบาลเทคโนแครต" เพื่อบริหารฉนวนกาซา แทนการปกครองของฮามาส โดยทรัมป์ยื่นคำขาดให้ฮามาสปลดอาวุธในระยะเวลาอันสั้น มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับการตอบโต้อย่างรุนแรง

10 ข่าวเด่นต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี แม้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นบ่อยครั้ง รวมถึง การละเมิดข้อตกลง ซึ่งมีรายงานการละเมิดหยุดยิงเกือบรายวัน โดยฮามาสอ้างว่าอิสราเอลละเมิดข้อตกลงมากกว่า 900 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนต.ค. อิสราเอลยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติการเพื่อความปลอดภัย และป้องกันตนเอง

"สแกมเมอร์" มิจฉาชีพออนไลน์ ระบาดหนัก โดนหลอกกันทั่วโลก

มิจฉาชีพออนไลน์ ที่ใช้กลอุบายหลอกลวงต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว ในปี 2568 นี้ มีความรุนแรง และซับซ้อนขึ้นอย่างก้าวกระโดด คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย: ที่อาจสูงถึง 10.5 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่รายงานบางฉบับระบุว่ามูลค่าความเสียหายรวมต่อปีทะลุหลัก 1 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้ว

ผู้ใหญ่ทั่วโลกกว่า 57% เคยเผชิญกับสแกมเมอร์ในช่วงปีที่ผ่านมา และประมาณ 23% สูญเสียเงินให้กับมิจฉาชีพ โดยมีเหยื่อเพียง 4% เท่านั้นที่สามารถเอาเงินคืนได้หลังจากถูกหลอก

ในปี 2568 นานาชาติเริ่มมีความร่วมมือกันมากขึ้น เช่น สหรัฐ และอังกฤษร่วมกัน คว่ำบาตรเครือข่ายอาชญากรรมในกัมพูชา และหลายประเทศเริ่มออกกฎหมายเพื่อบังคับให้ธนาคารหรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ

10 ข่าวเด่นต่างประเทศ

"ราคาทองคำโลก" พุ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่

ราคาทองคำโลกในปี 2568 มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยนับตั้งแต่ต้นปี พุ่งขึ้นแล้วมากกว่า 70% ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำโลกสำหรับปี 2568 และต่อเนื่องไปถึงปี 2569 โดยมองว่าราคายังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก

ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำในปี 2568 รวมถึง การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และหนุนราคาทองคำ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์และการคลังของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนมองหาทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย การที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องเพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษามูลค่าทุนสำรอง

10 ข่าวเด่นต่างประเทศ

2568 ปีแห่ง "คลื่นการเลิกจ้างครั้งใหญ่"

ในปี 2568 ทั่วโลกต้องเผชิญกับ "คลื่นการเลิกจ้างครั้งใหญ่" โดยมีตัวเลขการเลิกจ้างเฉพาะในสหรัฐสูงถึง 1.1 ล้านคน ในช่วง 10 เดือนแรกของปี ขณะที่ภาคเทคโนโลยีทั่วโลกมีการปลดพนักงานไปแล้วราว 180,000-210,000 แสนคน

อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนัก คือ เทคโนโลยี การผลิตและอวกาศ สินค้าอุปโภคบริโภค สื่อและบันเทิง ที่มีการเลิกจ้างพุ่งสูงขึ้น 18% หรือกว่า 17,000 ตำแหน่ง จากการควบรวมกิจการ และการปรับตัวสู่ระบบสตรีมมิ่ง

สาเหตุหลักของการเลิกจ้าง มาจากการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้มากขึ้น โดยบริษัทกว่า 41% คาดการณ์ว่าจะลดจำนวนพนักงานลงในอีก 5 ปีข้างหน้าเนื่องจากใช้ AI แทนที่งานซ้ำซ้อน

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ การปรับลดต้นทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรหลังยุคโรคระบาด และรับมือกับสภาวะเงินเฟ้อ และปัจจัยทางเศรษฐกิจและนโยบาย ผลกระทบจากสงครามการค้า และนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐ ที่ส่งผลให้ธุรกิจหลายแห่งต้องลดขนาดองค์กร

10 ข่าวเด่นต่างประเทศ

"เศรษฐกิจ-การค้า" สะเทือนทั่วโลก เพราะ "ภาษีทรัมป์"

นโยบายการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากบรรดาประเทศคู่ค้า ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ส่งผลกระทบอย่างระนแรงต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ และการค้าทั่วโลก

ผู้นำสหรัฐ ใช้นโยบาย "ภาษีตอบโต้" (Reciprocal Tariff) เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ โดยมีการเก็บภาษีนำเข้าขั้นต่ำ 10% จากเกือบทุกประเทศทั่วโลก โดยประเทศที่โดนหนักที่สุด รวมถึง จีน ที่ถูกเก็บภาษีรวมสูงถึง 145%-245% ในบางรายการ

ขณะที่เม็กซิโกและแคนาดาเผชิญภาษี 25% จากปัญหาการอพยพและยาเสพติด ซึ่งนโยบายเหล่านี้ทำให้การส่งออกทั่วโลก มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น

10 ข่าวเด่นต่างประเทศ

"ชัตดาวน์" 43 วัน ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ

เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2568 รัฐบาลกลางสหรัฐ ได้เริ่มหยุดทำการ (ชัตดาวน์) เมื่อเวลา 00:01 น. ตามเขตเวลาตะวันออก อันเป็นผลมาจากการที่รัฐสภาไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการผ่านกฎหมายงบประมาณ สำหรับปีงบประมาณ 2569 ซึ่งเริ่มต้นในวันเดียวกันนั้น การหยุดดังกล่าวเป็นผลมาจากความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองเกี่ยวกับระดับการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง การยกเลิกความช่วยเหลือต่างประเทศ และเงินอุดหนุนประกันสุขภาพ

การชัตดาวน์ครั้งนี้กินเวลานานถึง 43 วัน โดยสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2568 ถือเป็นการชัตดาวน์ที่ ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ทำลายสถิติเดิม 34 วันในช่วงปี 2561-2562

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐประมาณ 670,000-800,000 คนถูกพักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนในช่วงดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อบริการสาธารณะ การเดินทางทางอากาศ และความล่าช้าของข้อมูลเศรษฐกิจ สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจประเมินว่าสูงกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี งบประมาณชั่วคราวที่เพิ่งผ่านนี้จะ หมดอายุลงในวันที่ 30 ม.ค. 2569 ซึ่งหากรัฐสภาสหรัฐไม่สามารถตกลงงบประมาณฉบับใหม่ได้ทัน อาจเกิดความเสี่ยงที่จะชัตดาวน์อีกครั้งหลังจากวันดังกล่าว

visa free arrival stamp on foreign passport with airplane model. oversea travel in visa free arrival country concept

ความนิยม "ฟรีวีซ่า" มาแรง เครื่องมือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ฟรีวีซ่า คือ การที่ผู้ถือหนังสือเดินทางของประเทศหนึ่ง สามารถเดินทางเข้าประเทศอื่นได้โดย ไม่ต้องยื่นขอวีซ่า (Visa) ล่วงหน้า ก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยว หรือทำธุรกิจระยะสั้นได้เลย ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย โดยแต่ละประเทศจะมีเงื่อนไขระยะเวลาพำนักไม่เท่ากัน

นโยบายนี้ เป็นการยกเว้นขั้นตอนยุ่งยากในการยื่นขอวีซ่าที่สถานทูต หรือสถานกงสุลก่อนเดินทาง สะดวกและรวดเร็ว เตรียมตัวง่าย แค่พาสปอร์ต จองตั๋ว แล้วไปได้เลย โดยแต่ละประเทศมักกำหนดวัตถุประสงค์ (ท่องเที่ยว ธุรกิจระยะสั้น) และระยะเวลาพำนัก (เช่น 30 วัน) หากอยู่เกินกำหนดมีค่าปรับ

ในปี 2568 มีประเทศจำนวนมากขึ้น ที่ตัดสินใจนำนโยบายนี้เข้ามาใช้ โดยเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญ สำหรับการฟื้นฟู และขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วย

10 ข่าวเด่นต่างประเทศ

"ซานาเอะ ทาคาอิจิ" ทลายเพดานแก้ว ผงาด นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของญี่ปุ่น เป็นนักการเมืองสายอนุรักษนิยมจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ได้รับการโหวตจากรัฐสภาในเดือน ต.ค. 2568 ขึ้นมาสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำหญิงคนแรกในรอบกว่า 70 ปีของญี่ปุ่น

เธอเป็นที่รู้จักในฉายา "สตรีเหล็กแห่งญี่ปุ่น" เนื่องจากมีรูปแบบการบริหารที่เข้มแข็ง และเป็นผู้ที่เลื่อมใสในตัว มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของสหราชอาณาจักร

ทาคาอิจิ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีหลายสมัย มีนโยบายสายเหยี่ยวที่เน้นความมั่นคงและกลาโหมที่เข้มแข็ง รวมถึงแนวคิดทางเศรษฐกิจที่เน้นการกระตุ้นการเติบโต

การขึ้นดำรงตำแหน่งของเธอ ถือเป็นการทำลาย "เพดานแก้ว" ทางการเมืองของญี่ปุ่นที่ผู้ชายเคยครองอำนาจมาอย่างยาวนาน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์:https://www.thebangkokinsight.com
Facebook:https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X: https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...