โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

อินเดียโว แซงญี่ปุ่นแล้ว ขึ้นแท่นเศรษฐกิจอันดับ 4 คาดแซงเยอรมนีใน 3 ปี

Amarin TV

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว
อินเดีย’ โว แซง ‘ญี่ปุ่น’ แล้ว ขึ้นแท่นเศรษฐกิจอันดับ 4 ตั้งเป้าแซงเยอรมนีใน 3 ปี

อินเดียกำลังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของโลก หลังรัฐบาลอินเดียประเมินว่า ประเทศได้แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลกแล้วจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ล่าสุด การขยับอันดับครั้งนี้สะท้อนภาพการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจอินเดียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจโลกที่เผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และทิศทางนโยบายการเงินที่ยังไม่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม สถานะดังกล่าวยังต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการจากข้อมูล GDP รายปีขั้นสุดท้าย ซึ่งจะประกาศในปี 2569 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า อินเดียจะก้าวข้ามญี่ปุ่นอย่างชัดเจนในปีหน้า โดยรัฐบาลนิวเดลีมองว่า หากอินเดียสามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่จะแซงเยอรมนีขึ้นเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีข้างหน้า

อินเดียเร่งเครื่องเศรษฐกิจ ท่ามกลางแรงกดดันจากเวทีการค้าโลก

รายงานทบทวนเศรษฐกิจประจำปีของรัฐบาลอินเดียระบุว่าอินเดียได้แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลกแล้ว ด้วยมูลค่า GDP ราว 4.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรัฐบาลประเมินว่า ภายในอีกประมาณ 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี อินเดียมีศักยภาพเพียงพอที่จะขยับขึ้นสู่อันดับ 3 แซงหน้าเยอรมนี หากแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปตามเป้าหมาย ซึ่งคาดว่า GDP จะเพิ่มเป็นราว 7.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573

การประเมินเชิงบวกดังกล่าวเกิดขึ้นแม้เศรษฐกิจอินเดียจะเผชิญแรงเสียดทานจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีในอัตราสูงต่ออินเดียเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 จากประเด็นการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนิวเดลีย้ำว่า การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสะท้อนถึงความสามารถของอินเดียในการรับมือกับความไม่แน่นอนด้านการค้าโลก พร้อมชี้ว่า อินเดียยังคงเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก

ขณะเดียวกัน การประเมินของ IMF ระบุว่าในปี 2569 มูลค่าเศรษฐกิจของอินเดียจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ราว 4.51 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าญี่ปุ่นซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.46 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำทิศทางการเติบโตของอินเดียที่เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และกำลังมีบทบาทมากขึ้นในลำดับเศรษฐกิจโลก แม้เส้นทางข้างหน้าจะยังไม่ราบรื่นนัก โดยอินเดียยังต้องเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกหลายด้าน ทั้งความตึงเครียดทางการค้า สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะต่อไป

เศรษฐกิจขยายตัวแรง แต่โจทย์เชิงโครงสร้างยังหนัก

อย่างไรก็ตาม แม้ขนาดเศรษฐกิจของอินเดียจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ตัวชี้วัดด้านคุณภาพชีวิตและรายได้ของประชาชนยังสะท้อนความท้าทายเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า GDP ต่อหัวของอินเดียในปี 2567 อยู่ที่ 2,694 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังห่างไกลจากประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ โดยต่ำกว่าญี่ปุ่นถึง 12 เท่า และต่ำกว่าเยอรมนีถึง 20 เท่า สะท้อนช่องว่างด้านรายได้ที่ยังคงกว้าง แม้อินเดียจะมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในเชิงมูลค่ารวม

อินเดียยังมีประชากรราว 1.4 พันล้านคน และแซงหน้าจีนขึ้นเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 2566 โดยมากกว่าหนึ่งในสี่ของประชากรอยู่ในช่วงอายุ 10-26 ปี โครงสร้างประชากรที่อายุน้อยจำนวนมากถือเป็นฐานสำคัญของการเติบโตในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อรัฐบาลในการสร้างงานที่มีคุณภาพและรายได้สูงเพียงพอสำหรับแรงงานรุ่นใหม่ โดยเฉพาะบัณฑิตจบใหม่จำนวนหลายล้านคนที่เข้าสู่ตลาดแรงงานในแต่ละปี

รายงานของรัฐบาลยอมรับว่า ความท้าทายสำคัญของอินเดียไม่ได้อยู่เพียงแค่การขยายตัวของ GDP แต่คือความสามารถในการแปลงการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กลายเป็นการจ้างงานที่มีคุณภาพ การเติบโตที่ครอบคลุม และความยั่งยืนในระยะยาว ประเด็นนี้ยิ่งทวีความสำคัญในช่วงที่ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงทำสถิติต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2568 หลังอ่อนค่าลงราว 5% ตลอดปี 2568 จากความกังวลเรื่องข้อตกลงการค้ากับสหรัฐและผลกระทบจากมาตรการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าส่งออกของอินเดีย

ท่ามกลางแรงกดดันดังกล่าว นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้เดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการปรับลดภาษีการบริโภคครั้งใหญ่ และการผลักดันการปฏิรูปกฎหมายแรงงาน หลังเศรษฐกิจอินเดียขยายตัวต่ำสุดในรอบสี่ปีในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 สะท้อนความพยายามของรัฐบาลในการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตเชิงปริมาณกับการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ของเศรษฐกิจอินเดียในระยะต่อไป

ที่มา: SCMP

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...