“กรมทรัพย์สินทางปัญญา” ดึงหน่วยงานแนวร่วม เสริมศักยภาพ “หน่วยปราบสินค้าปลอม”
"กรมทรัพย์สินทางปัญญา" ดึงหน่วยงานแนวร่วม เสริมศักยภาพ "หน่วยปราบสินค้าปลอม" พร้อมลุยปฏิบัติการเชิงรุก เข้มข้น จริงจัง และมีประสิทธิภาพ
วันที่ 26 ธันวาคม 2568 กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศเดินหน้าปฏิบัติการปราบสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง เปิดเวทีระดมพลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศกว่า 150 ราย ร่วมยกระดับศักยภาพ เสริมทักษะความรู้เชิงลึกครบทุกมิติ ทั้งกระบวนการสืบสวน จับกุม และสอบสวนดำเนินคดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามในพื้นที่ต่างๆ อย่างเข้มข้น เหมาะสม และมียุทธศาสตร์ ล่าสุดส่งชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ทันที ลุยกวาดล้างสินค้าปลอมย่านศูนย์การค้าใจกลางกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้ จับกุมเพิ่ม 7 คดี รวบของกลาง 800 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แม้จะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในหลายมิติ แต่ขณะเดียวกันก็เปิดช่องให้การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในท้องตลาดและช่องทางออนไลน์ มีรูปแบบซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาไม่อาจยึดติดกับวิธีการเดิมได้อีกต่อไป กรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนากลไกปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายให้เท่าทันเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างรอบด้าน มีความแม่นยำ ฉับไว และเชื่อมโยงการทำงานกับทุกภาคส่วนได้อย่างเป็นระบบ พร้อมดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้ทันสมัย สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อป้องกันและรับมือกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้มอบหมาย นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นประธานในการเปิดเวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น นนทบุรี
โดยร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาศักยภาพการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามรวมกว่า 150 ราย
โดยเน้นการสร้างองค์ความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญาเชิงลึก การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการพิจารณาคดี ตลอดจนแนวทางการตรวจสอบสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อส่งเสริมความพร้อมและทักษะในการปฏิบัติงานปราบปรามให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดการสัมมนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานอัยการสูงสุด
ร่วมด้วยวิทยากรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ถ่ายทอดความรู้และทักษะที่จำเป็นในหัวข้อต่างๆ อาทิ สถานการณ์การป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในท้องตลาดและช่องทางออนไลน์ การตรวจสอบและแยกแยะสินค้าของจริงและสินค้าปลอม แนวทางการสืบสวนและขยายผลจับกุมผู้กระทำความผิดจากผู้ขายสินค้าละเมิด รายย่อยไปยังเครือข่ายสินค้าละเมิดรายใหญ่ (แหล่งต้นน้ำ) กระบวนการพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาของพนักงานอัยการ เป็นต้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเข้มแข็ง ต่อเนื่อง และเป็นธรรม ทั้งต่อเจ้าของสิทธิ ผู้ใช้งานทรัพย์สินทางปัญญา และประชาชนทั่วไป
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญามุ่งมั่นพัฒนามาตรการป้องกันและปราบปรามสินค้าละเมิดฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเน้นกวาดล้างในพื้นที่แหล่งต้นน้ำทั้งแหล่งเก็บสินค้า โกดัง จุดนำเข้าและกระจายสินค้า ตลอดจนย่านการค้าสำคัญในพื้นที่เฝ้าระวังทั่วประเทศ โดยเพิ่มมาตรการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด
พร้อมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ระงับยับยั้งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภค ปลอดภัยจากสินค้าปลอมที่ไม่ได้คุณภาพและเป็นอันตรายต่อชีวิต และส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและยั่งยืน
โดยสถิติการปราบปรามสินค้าละเมิดฯ ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม – พฤศจิกายน 2568) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,132 คดี ยึดของกลางได้กว่า 3.3 ล้านชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 1,140 ล้านบาท และล่าสุดเมื่อวันที่ 17 – 23 ธันวาคม 2568 กรมฯ ร่วมกับ บก.ปอศ. และภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ จัดชุดระดมลงกวดขันพื้นที่ศูนย์การค้าใจกลางกรุงเทพมหานคร
รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอเกาะสมุย และอำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี สามารถจับกุมผู้จำหน่ายสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า 7 คดี ยึดของกลาง เช่น นาฬิกา แว่นตา กระเป๋า เสื้อ รองเท้า หมวก เป็นต้น รวม 800 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท พร้อมนำส่งของกลางและผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ กรมฯ ขอย้ำเตือนว่า สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค แต่ยังบั่นทอนกำลังใจของเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาและผู้ค้าที่ทำการค้าโดยสุจริต ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน และสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งหากประชาชนพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สามารถแจ้งเบาะแสมายังกองป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 02-547-4702 สายด่วน 1368 หรือเว็บไซต์ www.ipthailand.go.th โดยบทลงโทษของผู้จำหน่ายสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี ปรับสูงสุด 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี หรือปรับสูงสุด 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ้างอิง : www.moc.go.th