ธปท.ส่งหนังสือแจ้งแบงก์รัฐ-เอกชน สกัด "บาทแข็ง" คุมเข้มการไหลเข้าเงินตราต่างประเทศ
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งหนังสือแจ้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารรัฐทุกแห่ง คุมเข้มการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศ หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 เงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 9.4 เทียบเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแข็งค่าขึ้นประมาณร้อยละ 4.2 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยในหนังสือดังกล่าว ขอความร่วมมือในการตรวจสอบ เอกสารหลักฐานกรณีการรับซื้อหรือรับฝากเงินตราต่างประเทศที่มาจากต่างประเทศของลูกค้าที่เป็นบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ
เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าออกประเทศในปริมาณสูงซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนสูง .
ดังนั้น จึงเพื่อให้การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศดังกล่าวเป็นไปเพื่อการค้าการลงทุนและตรงตามวัตถุประสงค์ที่แจ้ง ดังนี้
การรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่ได้รับมาจากต่างประเทศ
1.1 ในการรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่เป็นธุรกรรมทันที ให้นิติบุคคลรับอนุญาตถือปฏิบัติดังนี้
1.1.1 กรณีเงินตราต่างประเทศที่ไม่เกี่ยวกับค่าทองคำและธนบัตรเงินตราต่างประเทศ และมีจำนวนเงินตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือเทียบเท่า ให้นิติบุคคลรับอนุญาตต้องเรียกเอกสารจากลูกค้าในทุกธุรกรรมเป็นรายธุรกรรมในวันทำธุรกรรม (trade date) หรือไม่เกินวันครบกำหนดชำระเงิน (settlement date)
หากมีเหตุจำเป็น ยกเว้นกรณีที่เป็นการทำธุรกรรมปกติของลูกค้าที่นิติบุคคลรับอนุญาตรู้จักดีและมีการทำ Know Your Customer (KYC) และ Customer Due Diligence (CDD) อย่างต่อเนื่อง ให้สามารถใช้กระบวนการ Know Your Business (KYB) ได้
แต่หากการทำธุรกรรมมีวัตถุประสงค์ตาม 4 ข้อด้านล่างและมีจำนวนเงินตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือเทียบเท่า ให้เรียกเอกสารประกอบการทำธุรกรรมโดยไม่สามารถใช้กระบวนการ KYB ได้
- เงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทย
- ค่าสินทรัพย์ดิจิทัล
- เงินทุนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินลงทุนในเครือ/สาขา เงินลงทุนในหลักทรัพย์ เงินกู้ เงินให้กู้ยืม และเงินส่วนต่างธุรกรรมอนุพันธ์
- วัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ค่าสินค้า บริการ รายได้ และเงินโอนและบริจาค เงินลงทุน ธนบัตรและเงินฝาก
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกรรมเพื่อวัตถุประสงค์ค่าสินทรัพย์ดิจิทัล ให้เรียกเอกสารแสดงแหล่งที่มาของสินทรัพย์ดิจิทัล หรือแหล่งที่มาของเงินที่นำไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มเติมด้วย
คุมเข้มซื้อขายทองคำด้วยเงินตราต่างประเทศ
1.1.2 กรณีเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวกับค่าทองคำ ให้เรียกเอกสารที่แสดงว่าลูกค้ามีการขายทองคำในต่างประเทศทุกจำนวนเป็นรายธุรกรรมในวันทำธุรกรรม เว้นแต่เป็นการทำธุรกรรมนอกเวลาทำการ ให้เรียกเอกสารดังกล่าวภายในวันทำการถัดไปได้
รวมทั้งให้เรียกเอกสารเรียกเก็บเงินและเอกสารใบขนทองคำไม่เกิน 2 วันทำการนับจากวันครบกำหนดชำระเงิน
1.1.3 กรณีธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือเทียบเท่า ให้เรียกเอกสารที่แสดงว่าเป็นการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศ
1.2 ในการรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่ได้รับมาจากต่างประเทศที่เป็นธุรกรรมล่วงหน้า ให้นิติบุคคลรับอนุญาตถือปฏิบัติตามข้อ 17 (2) ของประกาศเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงิน ลงวันที่ 31 มีนาคม 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เช่นเดิม ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการทำธุรกรรมล่วงหน้าเพื่อวัตถุประสงค์ตามข้อ 1.1.1 (1) – (4) ให้นิติบุคคลรับอนุญาตเรียกเอกสารประกอบการทำธุรกรรมโดยไม่สามารถใช้กระบวนการ KYB ได้
การรับฝากเงินที่ได้รับจากต่างประเทศเข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ ให้นิติบุคคลรับอนุญาตถือปฏิบัติเช่นเดียวกับการรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่เป็นธุรกรรมทันทีตามแต่ละกรณีที่กล่าวข้างต้นด้วย
โดยทั้งหมดจะมีผลตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม หนังสือฉบับนี้ได้ส่งแจ้งให้กับธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ธปท. เผย "ทำไมการซื้อขายทองคำกระทบเงินบาท"ชี้ เพราะมีมูลค่าซื้อ-ขายสูง
เปิด 3 แนวทาง สกัด "บาทแข็ง" จ่อเก็บภาษีธุรกิจ ร้านทองขายทองแท่งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ธปท.ส่งหนังสือแจ้งแบงก์รัฐ-เอกชน สกัด "บาทแข็ง" คุมเข้มการไหลเข้าเงินตราต่างประเทศ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com