นับดาว ‘ฝนดาวตกเจมินิดส์’ ส่องปรากฏการณ์ท้องฟ้าส่งท้ายปี
อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าปลอดโปร่งของฤดูหนาว นับเป็นช่วงเวลาดี “ฤดูกาลดูดาว” ชมความงามท้องฟ้าที่มีมนต์เสน่ห์ยามค่ำคืน ในเดือนสุดท้ายของปี นอกจากปรากฏการณ์ท้องฟ้าไฮไลท์ 'ซูเปอร์ฟูลมูน' (Super Full Moon) ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกครั้งสุดท้ายของปีที่เพิ่งผ่านไปในคืนวันที่ 14 ธันวาคมต่อเนื่องถึงรุ่งเช้า เตรียมนับดาว ชม "ฝนดาวตกเจมินิดส์" โดยคาดมีอัตราการตกเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 120 -150 ดวงต่อชั่วโมงในช่วงหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป สามารถชมได้ด้วยตาเปล่า ในพื้นที่โล่งและมืดสนิทที่ปราศจากแสงรบกวน อีกทั้งในช่วงเวลานี้สามารถสังเกตการณ์วัตถุท้องฟ้าในห้วงอวกาศลึก ชมความดาวเด่น ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ได้ชัดเจนนับแต่หัวค่ำ
วาไรตี้นำเรื่องเรื่องรู้ "ฝนดาวตกเจมินิดส์" ชวนนับดาว ชมความงามกลุ่มดาวฤดูหนาว สังเกตการณ์ปรากฏการณ์ท้องฟ้าเดือนธันวาคม โดย ศุภฤกษ์คฤหานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) ให้รายละเอียดในประเด็นนี้ว่า ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือ ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ จะเกิดในช่วงระหว่างวันที่ 4 - 20 ธันวาคมของทุกปี โดยมีศูนย์กลางการกระจายตัวบริเวณกลุ่มดาวคนคู่ โดยวันที่ 14 ถึงรุ่งเช้าวันที่ 15 ธันวาคม นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการตกสูงสุดในช่วงหลังเที่ยงคืน
“ฝนดาวตกเจมินิดส์ เกิดจากการที่โลกเคลื่อนผ่านเข้าไปในสายธารเศษหินและฝุ่นขนาดน้อยใหญ่ของดาวเคราะห์น้อย 3200 Phaethon ที่หลงเหลือทิ้งไว้เมื่อครั้งเคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน เมื่อโลกโคจรผ่านสายธารดังกล่าว แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงดูดเศษหินและฝุ่นเหล่านั้นเข้ามาในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการเสียดสีและเผาไหม้ ปรากฏให้ผู้สังเกตการณ์บนโลกเห็นเป็นลำแสงคล้ายลูกไฟสว่างวาบเคลื่อนผ่านท้องฟ้า หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ (Fireball)”
ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติคุณศุภฤกษ์ อธิบายเพิ่มอีกว่า“ฝนดาวตก” จะแตกต่างจาก “ดาวตก” ทั่วไปคือเป็นดาวตกที่มีทิศทางเหมือนมาจากจุด ๆ หนึ่งบนท้องฟ้า เรียกว่า จุดศูนย์กลางการกระจายตัว เมื่อจุดศูนย์กลางการกระจายตัวอยู่ใกล้บริเวณกลุ่มดาวใดก็จะเรียกชื่อฝนดาวตกตามกลุ่มดาวนั้น ๆ
สำหรับปรากฏการณ์ “ฝนดาวตกเจมินิดส์” ครั้งนี้สามารถรอชมได้นับแต่ช่วงที่กลุ่มดาวคนคู่ขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก เวลาประมาณสองทุ่มเป็นต้นไป ฝนดาวตกจะปรากฏให้เห็นเป็นลำแสงวาบพาดผ่านทั่วท้องฟ้า เป็นบริเวณกว้าง โดยดูได้ด้วยตาเปล่าในที่มืดสนิท และในปีนี้เป็นโอกาสดี โดยนับแต่สองทุ่มเป็นต้นไปถึงราวตีสองครึ่ง เป็นช่วงที่ไร้แสงจันทร์รบกวน ซึ่งเหมาะแก่การสังเกตการณ์ นับดาว เฝ้าชมได้ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ
"ฝนดาวตกที่กำลังจะมาถึง หากเปรียบเทียบกับปีก่อนสำหรับการรอชม ถือว่าเป็นจังหวะที่ดี ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาอาจมีอุปสรรค์ในเรื่องสภาพอากาศ ความหนาวเย็นก็ไม่เท่ากับปีนี้ ด้วยมีเอฟเฟ็กต์จากปรากฏการณ์ลานีญา ส่วนปีนี้เป็นโอกาสดี มีหลายพื้นที่ให้ปักหมุด เหมาะ แก่การสังเกตการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ดูดาว64 แห่งทั่วประเทศที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย ซึ่งเหมาะต่อการสังเกตการณ์ท้องฟ้าและปรากฏการณ์ฝนดาวตก โดยมีความมืดของท้องฟ้าและมีพื้นที่โล่งกว้างปราศจากสิ่งบดบังบริเวณขอบฟ้าฯลฯ ขณะที่ หอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชนทั้งที่จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น สงขลาหรือที่เชียงใหม่ ก็มีกิจกรรมสังเกตการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ ชวนนับดาว ชมความสวยงามของท้องฟ้ามืด ส่งเสริมการท่องเที่ยว และการเรียนรู้ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์
อีกทั้งความพิเศษของปีนี้ คาดการณ์ว่าจะมีโอกาสนับดาวชมฝนดาวตกจำนวนที่ค่อนข้างมากได้ในช่วงหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไปเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ อีกทั้งสามารถสังเกตเห็นได้นับแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงตีสองครึ่งก่อนที่ดวงจันทร์จะขึ้น ซึ่งถือว่าพอเหมาะต่อการสังเกตการณ์”
ประกอบกับการคาดการณ์สภาพอากาศในช่วงเวลานั้น สภาพอากาศมีความหนาวเย็น ท้องฟ้าใสกระจ่างซึ่งเพิ่มโอกาสการได้เห็น นอกจากนี้ในช่วงหัวค่ำของเดือนธันวาคมก็มีโอกาสได้ชมดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี รวมถึงกาแล็กซีแอนโดรเมดา หรือแม้แต่กระจุกกาแล็กซีบริเวณกลุ่มดาวสิงโต กระจุกดาวเปิด กระจุกดาวทรงกลม เนบิวลา วัตถุในห้วงอวกาศลึก โดยช่วงฤดูหนาวของเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปีสามารถชมดวงดาวบนท้องฟ้า ชมวัตถุในห้วงอวกาศลึกได้หลากหลายอีกด้วย
สำหรับการสังเกต “ดาวพฤหัสบดี” จากที่กล่าว ช่วงเวลานี้มองเห็นได้ชัดเจน โดยราวๆสามทุ่มครึ่ง หากมองไปบนท้องฟ้าจะเห็นดาวดวงหนึ่งมีสีเหลืองส้มสว่างชัดเจนที่สุด มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือถ้ามีอุปกรณ์ มีกล้องที่มีกำลังขยายสักสิบเท่าขึ้นไปจะเห็นดาวบริวาร เห็นริ้วรอยแถบพายุบนดาวพฤหัสบดีได้ชัดเจนขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหากต้องการชมพื้นผิว หรือรายละเอียดต่างๆของดาวพฤหัสบดีมากขึ้น แนะนำไปชมที่หอดูดาว หรือจุดที่นักดาราศาสตร์จัดกิจกรรมโดยจะมีอุปกรณ์ให้สังเกตการณ์ได้มากขึ้น
ขณะที่ “ดาวเสาร์” อีกดาวดวงเด่นที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน โดยหลังจากดวงอาทิตย์ลับฟ้า ดาวเสาร์จะอยู่เกือบกลางศรีษะ สังเกตได้ง่ายและไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรบดบัง เพราะตำแหน่งของดาวเสาร์อยู่ในมุมที่สูงมาก ทั้งยังสังเกตเห็นวงแหวนดาวเสาร์ได้หากมีกล้องที่มีกำลังขยายสิบห้าเท่าขึ้นไป
นอกจากนี้ในการดูฝนดาวตกอาจสร้างกิจกรรม “ช่วยกันนับดาว” โดยไม่ว่าจะเป็นการดูดาวด้วยกันในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน สามารถช่วยกันนับดาวได้ด้วยการนอนหันศรีษะชนกัน หันไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ช่วยกันนับฝนดาวตกที่จะตกมาให้ชมจากทุกทิศทาง เป็นอีกประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
“การได้เห็นดาวตกมีโอกาสเกิดขึ้นทุกคืน แต่อาจไม่ใหญ่หรือเห็นได้มาก แต่เมื่ออยู่ในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตก ช่วงที่พีคที่สุด จะเห็นดาวตกชนิดลูกไฟได้เป็นจำนวนมากและอาจเห็นสีสันที่แตกต่างกัน โดยสีสันเหล่านั้นของสามารถบ่งบอกธาตุองค์ประกอบของดาวตกนั้นๆได้”
นอกจากฝนดาวตกเจมินิดส์ ปรากฏการณ์ท้องฟ้าน่าติดตามของเดือนนี้ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติคุณศุภฤกษ์ อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ฝนดาวตกเจมินิดส์ที่จะมาถึงถือเป็นปรากฏการณ์ส่งท้ายปีนี้แต่อย่างไรแล้วในช่วงปลายเดือนธันวาคมวันที่ 21 เป็นวันเหมายัน (Winter Solstice) หนึ่งในฤดูกาลทางดาราศาสตร์ซึ่งมีสี่ช่วงแบ่งตามการเคลื่อนที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์ โดยประเทศทางซีกโลกเหนือจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เป็นวันที่เวลากลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน
สำหรับปีหน้ายังคงมีหลายปรากฏการณ์ไฮไลท์ให้ติดตามกัน โดยเฉพาะ ดาวเสาร์และดาวพฤหัส จะสังเกตเห็นได้พร้อมกันในช่วงหัวค่ำ รวมถึง จันทรุปราคาเต็มดวงในช่วงหัวค่ำ ฯลฯ ซึ่งก็เหมาะแก่การเรียนรู้ดูดาวโดยไม่ต้องนอนดึกมาก ทั้งมีโอกาสได้เห็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่เป็นบริวารของระบบสุริยะของเราได้อย่างชัดเจน
อีกความน่าสนใจที่เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ โดยนับแต่ปลายปีนี้ถึงปีหน้าจะได้ติดตามข่าวคราวที่เกี่ยวกับ ดวงอาทิตย์ โดยดวงอาทิตย์ได้เข้าสู่ช่วง Solar Maximumดวงอาทิตย์มีกิจกรรมมากที่สุดจึงมีข่าวสารให้ติดตามเพิ่มขึ้น ฯลฯเป็นส่วนหนึ่งบอกเล่าปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ปรากฏการณ์ท้องฟ้าน่าติดตาม
ท้องฟ้าฤดูหนาวที่มีมนต์เสน่ห์ส่งท้ายปี
พงษ์พรรณ บุญเลิศ / ภาพ: สดร.