ถึงเวลาฟื้น ....DMT มั่นใจรายได้โต 50% เตรียมลุยธุรกิจนอกทางด่วน
DMT มั่นใจรายได้ปี 2565 เติบโตมากกว่า 50% ตามการฟื้นตัวของท่องเที่ยวและกิจกรรมทางการเดินทางที่เพิ่มขึ้น เผยไตรมาส 3/65 ภาครัฐเตรียมเปิดประมูลโครงการ M5 ส่วนโครงการ M82 และทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง คาดเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ ขณะที่ธุรกิจอื่นอยู่ระหว่างศึกษา คาดเป็นลักษณะการลดต้นทุนพลังงานและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท ขณะที่ราคาหุ้น ยังต่ำจองที่ 16.00 บาท
นายธานินทร์ พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMTกล่าวในงาน Opportunity Dayว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ค่าผ่านทางในปี 2565 อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท คิดเป็นรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 5.25 ล้านบาทต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50%จากปีก่อนที่มีรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ตามปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยบวก การท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวตามการเปิดประเทศ และโรงเรียนประมาณ 35,000 แห่งทั่วประเทศกลับมาเรียน Onsite อีกครั้งในวันที่ 17 พ.ค.นี้ รวมถึงการพัฒนาเมืองและการขนส่งที่มุ่งเน้นทางด่วนโดยรอบ ทั้งนี้ อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ของบริษัทอยู่ที่ 40% หากสถานการณ์ดีขึ้นน่าจะทำให้ Net Profit Marginปรับตัวสูงขึ้น
โดยประเมินปริมาณการจราจรในไตรมาส 2/2565 น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 คันต่อวัน จากไตรมาส 1/2565 ที่มีปริมาณจราจรของทางยกระดับดอนเมืองเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 68,160 คันต่อวัน ส่วนสัมปทานเดิมเฉลี่ยต่อวัน 40,539 คันต่อวัน ส่วนสัมปทานตอนต่อขยายด้านทิศเหนือ เฉลี่ยต่อวัน 27,621 คันต่อวัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีของปี 2564 ที่ 20.8% และ 17.3%
“คาดการณ์แนวโน้มในไตรมาส 2/65 และแนวโน้มครึ่งปีหลัง น่าจะดีต่อเนื่อง จากมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมของภาครัฐ ช่วยสนับสนุนการเดินทางและปริมาณจราจรบนทางยกระดับให้เพิ่มขึ้น ซึ่งลักษณะธุรกิจของบริษัทฯ เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานประเภททางด่วนที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เราจึงคาดว่าธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้จะฟื้นตัวเร็วกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ” นายธานินทร์ กล่าว
สำหรับการเข้าประมูลโครงการภาครัฐเพิ่มเติม ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเข้าร่วมประมูลทั้งหมด 3 โครงการ ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน (M5) คาดภาครัฐจะเปิดให้ยื่นซองประมูลภายในไตรมาส 3/65ส่วนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว (M82) และโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง คาดจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2565 ส่วนธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจทางด่วนและทางพิเศษ (Non-Toll Road Business) ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษา คาดว่าจะเป็นลักษณะของการลดต้นทุนพลังงานและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท