โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ตอบโต้ทันที!! ห้าม จยย.-รถเข็นเขมรเข้าด่านคลองลึก หลังกัมพูชาประกาศงดซื้อพลังงานจากไทย

77kaoded

อัพเดต 23 มิ.ย. เวลา 11.27 น. • เผยแพร่ 23 มิ.ย. เวลา 04.27 น. • 77Kaoded

สระแก้ว – ตอบโต้ทันที!! ห้าม จยย.-รถเข็นเขมรเข้าด่านคลองลึก จ.สระแก้ว หลังกัมพูชาออกมาตรการตอบโต้ไทยอีกขั้น โดยประกาศยุติการนำเข้าเชื้อเพลิงและกาซธรรมชาติจากไทย โดยมีผลตั้งแต่เที่ยงคืน 22 มิ.ย.เป็นต้นไปมา ทำให้เกิดความตึงเครียดรวมทั้งมีการเจรจากันระหว่างเจ้าหน้าที่ขึ้น เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเพจข่าว Khmer Times ได้รายงานข่าวด่วน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ว่า พล.อ.ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ออกเผยแพร่ทางโซเชียล ว่าราชอาณาจักรกัมพูชาจะยุติการนำเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากไทย เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนนี้ (22 มิ.ย) เป็นต้นไป ซึ่งการประกาศดังกล่าว เป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 2 ฝ่าย ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง

ซึ่งรายงานข่าวยังระบุอีกว่า ฮุน มาเนต ได้กล่าวเสริมว่ากัมพูชามีศักยภาพเพียงพอที่จะจัดหาเชื้อเพลิงและก๊าซจากประเทศอื่น เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ โดย Khmer Times กล่าวถึงการประกาศงดซื้อดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลัง ความขัดแย้งทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างกรุงพนมเปญและกรุงเทพมหานคร ซึ่งรวมถึง ข้อกล่าวหาเมื่อเร็วๆ นี้จากเจ้าหน้าที่ไทย เกี่ยวกับปฏิบัติการอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ถูกกล่าวหาว่า ตั้งอยู่ในกัมพูชาและการปิดจุดผ่านแดนสำคัญอย่างกะทันหันโดยกองทัพไทยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทำให้กัมพูชา ตอบโต้ด้วยการปิดจุดผ่านแดน 2 แห่งและการงดซื้อพลังงานจากไทยดังกล่าว

ล่าสุด ช่วงเช้าวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนี้ว่า หลังเวลา 09.00 น.ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทยกัมพูชา หน้าจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังทางฝั่งกัมพูชาเปิดด่าน ทางกองกำลังบรูพา ได้สั่งห้ามรถมอเตอร์ไซค์ รถเข็นสองล้อ กัมพูชาเข้าฝั่งไทย บริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้ว 3 จุดผ่านแดนถาวร และ 2 จุดผ่อนปรนทำให้บรรยากาศด่านคลองลึกเกิดความเคร่งเครียด โดยมีเจ้าหน้าที่เจรจาฝั่งกัมพูชาเข้ามาเจรจากันอย่างตึงเครียด ซึ่งปกติจะมีประชาชนกัมพูชาจำนวนมากขับขี่รถจักรยานยนต์ รถจักยานยนต์พ่วงข้างและรถเข็น มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ทางฝั่งไทย ทางกองกำลังบูรพาได้ออกมาตรการตอบโต้ หลังกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทยเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1201 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา ได้รับคำสั่งที่ กห0481.2/416 ลงวันที่ 23 มิ.ย.68 ให้สกัดกั้นเต็มรูปแบบ โดยห้ามยานพาหนะขนาดเล็กทุกชนิดของประชาชนกัมพูชา เข้าฝั่งไทยโดยเด็ดขาด แต่รถจักรยานยนต์ที่มีหมายเลทะเบียนไทยและรถยนต์ สามารถเข้า-ออกได้ตามปกติ ซึ่งหลังประตูด่านฝั่งกัมพูชาเปิดประตูด่าน เจ้าหน้าที่ไทยได้หยุดยานพาหนะที่พยายามจะข้ามแดนไว้ทันที พร้อมกับแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบ โดยชาวกัมพูชาหลายคนที่ไม่ทราบและมีอาการตกใจไม่เข้าใจการห้ามดังกล่าว ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชาได้เข้ามาเจรจากับฝ่ายไทย โดยอ้างว่า ไม่ทราบล่วงหน้า ว่าฝั่งไทยจะบังคับใช้มาตรการเข้มข้นนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยังพบอีกว่า มีแรงงานกัมพูชาบางคน แสดงความไม่พอใจกับการดำเนินมาตรการดังกล่าว โดยบอกว่า จำเป็นต้องเอารถเข้ามาดำเนินการด้านเอกสารกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร มิฉะนั้นจะเสียค่าปรับ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ชาวกัมพูชาที่ใช้รถจักรยานยนต์ คาดว่า จะมีประมาณ 1 พันคัน ได้รับความเดือดร้อนในทันที ทั้งนี้ ผลการเจรจาระดับหน่วยปฏิบัติการระหว่างไทย–กัมพูชา ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชาเป็นไปด้วยดี โดยทั้งสองฝ่ายได้จับมือกัน และให้ต่างฝ่ายต่างชี้แจงให้ประชาชนของแต่ละประเทศทราบว่า หลังจากนี้ รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถเข็น ไม่สามารถข้ามแดนได้ แต่สามารถจอดไว้ฝั่งกัมพูชา และเดินข้ามผ่านแดนผ่านช่องคนเดิน เข้าสู่ฝั่งประเทศไทยได้ตามปกติ ทำให้สถานการณ์ในช่วงสายที่ผ่านมาคลี่คลายลงบ้าง ซึ่งกรณีนี้เจ้าหน้าที่ไทยแจ้งว่า ไม่สามารถผ่อนปรนได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งจากกองกำลังบูรพาและเป็นมาตรการเพิ่มเติม เพื่อกำหนดระยะเวลาเข้า-ออก ตามมาตรการของไทย

—————————- ขอบคุณภาพ/สวท.สระแก้ว, ทีม ปชส.สระแก้ว, กกล.บูรพา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...