โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

โอดกองทัพถูกตัดงบซื้ออาวุธ วอนประชาชนเข้าใจไร้จัดหาแบบกอบโกย

เดลินิวส์

อัพเดต 28 ก.ค. เวลา 08.31 น. • เผยแพร่ 28 ก.ค. เวลา 00.30 น. • เดลินิวส์
“บิ๊กเล็ก” โอดกองทัพถูกตัดงบซื้ออาวุธ ซื้อได้เท่าที่จำเป็น เน้นป้องกันอธิปไตยเท่านั้น ไม่มีอาวุธเชิงรุกรานมากนัก ขณะที่เขมรมีถึง 6 ระบบ ขอความกรุณาประชาชนเห็นใจ ลั่นไม่ยอมให้จัดซื้อจัดหาแบบกอบโกย ตราบใดยังอยู่ในตำแหน่งไม่ให้เกิดขึ้นเด็ดขาด ถ้ามีต้องลงโทษคนทำผิด “บรุ๊ค”วอนม็อบอีก ให้ชายแดนสงบก่อนแล้วค่อยมาชุมนุม แนะงบที่ม็อบใช้ซื้อข้าวซื้อน้ำ ควรส่งไปช่วยผู้อพยพบริเวณชายแดนดีกว่า

ในวันที่ 27 ก.ค. มีข่าวว่า กัมพูชาจะใช้อาวุธยิงระยะไกลว่า 100 กิโลเมตร ( ขีปนาวุธ PHL-03 ) โจมตีไทย ซึ่งรัศมีจะครอบคลุมได้ทั้งอุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ ทั้งพื้นที่ และไปถึงบางส่วนของยโสธร (อ.มหาชนะชัย อ.ค้อวัง) ร้อยเอ็ด (อ.เมืองสรวง อ.สุวรรณภูมิ อ.โพนทราย อ.พนมไพร อ.หนองฮี อ.เกษตรวิสัย อ.ปทุมรัตน์) มหาสารคาม (อ.พยัคฆภูมิพิสัย ) นครราชสีมา (หลายอำเภอตอนล่าง) ขึ้นอยู่กับทางไทยจะสกัดไว้ได้หรือไม่

“บิ๊กเล็ก”พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวยอมรับว่า กังวลกับการที่กัมพูชาจะใช้อาวุธนั้น ความจริงคือ เวลาที่ผ่านมาเราถูกตัดงบประมาณสำหรับซื้ออาวุธ เราจัดซื้อเท่าที่จำเป็น ดังนั้นอาวุธเชิงรุกรานเราไม่ได้ซื้อเอาไว้ เน้นไปที่ป้องกันอธิปไตยเท่านั้น แต่ก็มีจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มาก

“ของเขามีถึง6 ระบบ ตรงนี้เป็นสิ่งที่กองทัพคงต้องทบทวน ในฐานะที่ตนเองเป็นรัฐบาลและกองทัพ ได้พูดคุยกับรัฐบาลว่าหลังจากนี้คงต้องขอความกรุณาจากประชาชนให้เห็นใจกองทัพ และต้องคุยกับกองทัพเช่นเดียวกันว่าไม่ใช่พอประชาชนเห็นใจแล้ว จะจัดหาแบบกอบโกย มันทำไม่ได้ต้องเอาเฉพาะที่จำเป็น ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนมั่นใจช่วงที่ตนอยู่ตรงนี้จะไม่ทำให้เกิดอย่างนั้นเป็นอันขาด ถ้าเกิดขึ้นก็ต้องสอบสวนลงโทษผู้กระทำผิด”

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา” ที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 26 ก.ค. กลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 1,054 ตัวอย่าง เมื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการสู้รบไทย-กัมพูชา พบว่า 99.5% เชื่อมั่นต่อกองทัพไทยจะปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยได้ 94.3% ต้องการให้ฝ่ายการเมืองดูแลเยียวยาประชาชนผู้อพยพให้ดีกว่านี้ เช่น ค่าครองชีพ ภาระค่าใช้จ่าย หนี้สิน สวัสดิการ อาชีพการงาน สุขอนามัย เป็นต้น 91.8% ต้องการเห็นคนไทยสามัคคี ไม่ทะเลาะกันเอง ร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือกัน 91.5% ต้องการให้รัฐบาลเร่งเจรจาสันติภาพแต่ต้องไม่ยอมอ่อนข้อต่อผู้รุกราน

ประชาชนยังให้ความสำคัญกับการวางรากฐานหลังสงคราม ด้วยการฟื้นฟูเศรษฐกิจและอาชีพ 88.9% ซึ่งสะท้อนความตระหนักว่า สงครามไม่จบที่ชัยชนะ แต่จบที่คุณภาพชีวิตของประชาชนหลังสงคราม ที่น่าสนใจคือ 95.8% ห่วงใยมากถึงมากที่สุด ต่อประชาชนผู้อพยพผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่สู้รบไทย-กัมพูชา สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด อันดับแรกได้แก่ เงินช่วยเหลือฉุกเฉินเพื่อยังชีพ ชดเชยรายได้ที่หายไป 92.8% รองลงมาคือ เจรจาสถาบันการเงิน เจ้าหนี้พักชำระหนี้ 89.6% จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูบ้านเรือนเสียหายจากการสู้รบ 85.3% สร้างงาน สร้างอาชีพ เร่งด่วน เช่น อัตราพนักงานรัฐชั่วคราว รับงานไปทำที่ศูนย์อพยพ งานเกษตร พนักงานเอกชนชั่วคราว 82.7% เปิดพื้นที่เขตเศรษฐกิจปลอดภัย จ้างงานพิเศษ เปิดพื้นที่ฟรีให้ค้าขาย 81.1% งดดอกเบี้ยค้างชำระ ยุติการฟ้องร้องหนี้สินชั่วคราว 80.9%

ที่พรรคไทยสร้างไทย ( ทสท.) นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรค ทสท. กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ “นายกฯอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร และ “อดีตนายกฯแม้ว”ทักษิณ ชินวัตร หยุดการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งส่วนตัวกับผู้นำกัมพูชาในที่สาธารณะโดยทันที เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้มีความสุ่มเสี่ยงสูง ทั้งในมิติความมั่นคงและเศรษฐกิจ ภายหลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ ของสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์เสนอยุติความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งมีความเคลื่อนไหวเรื่องการบอยคอตทางการค้าร่วมด้วย

“สถานการณ์ขณะนี้เปราะบางอย่างยิ่ง การที่ น.ส.แพทองธารและนายทักษิณต่างออกมาให้สัมภาษณ์ซึ่งมีรายละเอียดที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับต้นเหตุของความขัดแย้งระหว่างสองครอบครัว ไม่เพียงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่ยังเสี่ยงต่อการทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีกด้วย แม้ท่าทีที่แข็งกร้าวของนายทักษิณอาจถูกมองว่าเป็นการตอบโต้ แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มความนิยมให้กับรัฐบาลได้ในทางใด กลับยิ่งทำให้เกิดความไม่ชัดเจนในจุดยืนของไทยต่อประชาคมระหว่างประเทศ”

“และยังต้องจับตาท่าทีของจีน ซึ่งขณะนี้ยังไม่แสดงจุดยืนที่แน่ชัด ขอเสนอแนะว่ารัฐบาลควรตั้งมีเดีย วอร์รูมเพื่อจัดการการสื่อสารกับสื่อต่างประเทศอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดทำเนื้อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของผู้นำกัมพูชาใน เวอร์ชันภาษากัมพูชา เพื่อสื่อสารตรงไปยังประชาชนชาวกัมพูชาโดยตรง และสร้างความได้เปรียบด้านข้อมูลข่าวสารให้กับฝ่ายไทย”

ปิดท้ายด้วย “โฆษกบรุ๊ค”ดนุพร ปุณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีม็อบรวมพลังแผ่นดินการนัดชุมนุมวันที่ 2 ส.ค. ว่า อยากขอร้องไปยังแกนนำม็อบทั้งหลายว่าวันนี้สิ่งที่ประเทศต้องการ ไม่ใช่การยุบสภา แต่สิ่งที่ประเทศไทยต้องการในปัจจุบันคือความสามัคคีของคนในชาติ ขอเรียกร้องว่ารอให้เหตุการณ์ชายแดนสงบก่อน แล้วจะมาชุมนุมตามกฎหมาย ตนเชื่อว่าไม่มีการห้ามกัน แต่ขอให้รับคำร้องขอและไปพิจารณาอีกครั้ง

“ทราบว่าการชุมนุมแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก มีการซื้อข้าวกล่องและซื้อน้ำมาเลี้ยงผู้ที่มาชุมนุม หากนำงบประมาณในส่วนนี้ทั้งข้าวกล่อง น้ำ และอาหารแห้ง ส่งไปช่วยเหลือประชาชนผู้ที่อพยพอยู่ บริเวณเขตชายแดนจะเหมาะสมกว่า”

"ทีมข่าวการเมือง"

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...