G7 เปิดฉากท่ามกลางไฟสงครามอิสราเอล–อิหร่าน ผู้นำโลกจับตาท่าทีทรัมป์
ผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำเดินทางถึงแคนาดาเพื่อร่วมประชุม G7 ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ปั่นป่วนจากความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน และความไม่แน่นอนจากท่าทีทรัมป์
วันที่ 16 มิถุนายน 2568 เวลา 09.46 น. สำนักข่าว AP รายงานว่า ผู้นำจากชาติเศรษฐกิจชั้นนำของโลกเดินทางเพื่อประชุมสุดยอด G7 ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน และสงครามการค้ายังไม่จบของทรัมป์ โดยการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่าน และการตอบโต้ของเตหะราน ซึ่งดูเหมือนจะสร้างความประหลาดใจให้กับผู้นำหลายประเทศ เป็นสัญญาณล่าสุดของโลกที่กำลังเปราะบางมากขึ้น
เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยกับ Associated Press ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เพิ่งคัดค้านแผนของอิสราเอลที่จะลอบสังหารผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ซึ่งสะท้อนว่าทางอิสราเอลพร้อมจะดำเนินการไปไกลเพียงใด
เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่าเขาได้หารือเรื่องการคลี่คลายสถานการณ์กับทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู รวมถึงผู้นำชาติอื่น ๆ และคาดว่าจะมีการหารืออย่างเข้มข้นต่อเนื่องในการประชุมสุดยอดครั้งนี้
"ทรัมป์" ตัวแปรสำคัญของเวที G7
มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ในฐานะเจ้าภาพการประชุม G7 ตัดสินใจยกเลิกธรรมเนียมการออกแถลงการณ์ร่วม (joint communique) หลังจบการประชุมปีนี้ เนื่องจากผู้นำหลายประเทศต้องการใช้โอกาสนี้พูดคุยกับทรัมป์เพื่อโน้มน้าวไม่ให้เขาใช้มาตรการขึ้นภาษี การประชุมจึงอาจกลายเป็นเพียงชุดการเจรจาทวิภาคี แทนที่จะเป็นเวทีแห่งความร่วมมือ
ทรัมป์คือ“ตัวแปร” ที่ทุกฝ่ายจับตา โดยก่อนหน้าการประชุม เขาเคยพูดเล่น (หรืออาจไม่ใช่เล่น) ว่าจะผนวกแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ และต้องการครอบครองกรีนแลนด์อีกครั้ง ในวันอาทิตย์ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้แวะเยือนกรีนแลนด์ระหว่างทางไปประชุมที่แคนาดา โดยกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “กรีนแลนด์ไม่ใช่ของซื้อขาย และไม่ควรถูกยึดครอง …ชาวฝรั่งเศส และสหภาพยุโรปทั้งหมดเห็นพ้องกันว่า กรีนแลนด์ไม่ควรถูกขายหรือถูกแย่งชิง”
และมาครงกล่าวในงานแถลงข่าว ซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากชาวกรีนแลนด์ ระบุว่า “สถานการณ์ในกรีนแลนด์เป็นสัญญาณเตือนสำหรับชาวยุโรปทั้งหมด ขอให้รู้ไว้ว่าพวกคุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”
เครื่องบินของทรัมป์ลงจอดที่รัฐอัลเบอร์ตาในเย็นวันอาทิตย์ โดยเขามีกำหนดพบกับนายกรัฐมนตรีคาร์นีย์ในเช้าวันจันทร์ ก่อนเข้าสู่กำหนดการประชุมอย่างเป็นทางการ
"ทรัมป์ชอบข่มขู่ผู้อื่น" ผู้นำหลายชาติหวั่นการประชุมจะตึงเครียด
ผู้นำที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มG7 แต่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมโดยคาร์นีย์ ได้แก่ ผู้นำของอินเดีย ยูเครน บราซิล แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย เม็กซิโก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยประเด็นภาษียังคงเป็นหัวข้อสำคัญที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ เมื่อถูกถามก่อนออกจากทำเนียบขาวว่าเขาจะประกาศข้อตกลงการค้าใด ๆ ในเวทีG7 หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า“เรามีข้อตกลงการค้าอยู่แล้ว แค่ส่งจดหมายไปบอกเขาว่านี่คือสิ่งที่คุณต้องจ่าย แต่ผมคิดว่าเราจะมีข้อตกลงใหม่อยู่บ้าง”
การหารือแบบตัวต่อตัวกับทรัมป์มักเต็มไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากเขาเคยใช้โอกาสเช่นนี้กดดันผู้นำยูเครนและแอฟริกาใต้ในอดีต ฌ็อง เครเตียง อดีตนายกรัฐมนตรีแคนาดา ให้ความเห็นกับเวทีอภิปรายว่า หากทรัมป์สร้างสถานการณ์ในที่ประชุม ผู้นำคนอื่นควรเพิกเฉยและสงบนิ่ง โดยระบุว่า “เขามักเล่นบทคนพาล (bully) …ถ้าเขาอยากสร้างกระแสข่าว เขาจะทำอะไรที่บ้าบอ ก็ปล่อยให้เขาทำไป แล้วเราก็คุยกันต่อเหมือนปกติ”
เมื่อเดือนที่แล้ว สหราชอาณาจักรและสหรัฐเพิ่งประกาศข้อตกลงการค้าที่ยกเลิกภาษีสหรัฐสำหรับรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมจากอังกฤษ แม้ข้อตกลงยังไม่เริ่มมีผล แต่อังกฤษระบุว่าไม่กังวลว่ารัฐบาลทรัมป์จะเปลี่ยนใจ
อย่างไรก็ตามความพยายามของสตาร์เมอร์ในการสร้างความสัมพันธ์กับทรัมป์กลับสร้างความอึดอัดในความสัมพันธ์กับแคนาดา ซึ่งเป็นอดีตอาณานิคมและพันธมิตรใกล้ชิดของอังกฤษ โดยเขาถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากชาวแคนาดา ว่าไม่กล้าตอบโต้คำพูดของทรัมป์ที่ขู่จะผนวกแคนาดาเป็นรัฐที่ 51
เมื่อถูกถามว่าเขาเคยขอให้ทรัมป์หยุดพูดเรื่องรัฐที่ 51 หรือไม่ สตาร์เมอร์ตอบว่า “ผมไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดการพูดคุย แต่ขอพูดชัดเจนว่าแคนาดาเป็นประเทศเอกราช และเป็นสมาชิกเครือจักรภพที่ทรงคุณค่า”
เซเลนสกีเตรียมพบทรัมป์ ท่ามกลางเงาความขัดแย้งในยูเครน
สงครามในยูเครนเป็นอีกหนึ่งวาระหลักในการประชุม โดยโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เตรียมเข้าร่วมประชุม และคาดว่าจะพบกับทรัมป์อีกครั้งหลังจากเคยเจอหน้ากันในทำเนียบขาว ซึ่งครั้งนั้นก็มีความตึงเครียดเกิดขึ้น
ก่อนหน้าการประชุม สตาร์เมอร์เดินทางเยือนแคนาดา และพบกับคาร์นีย์ที่กรุงออตตาวาเพื่อหารือด้านความมั่นคงและการค้า ซึ่งถือเป็นการเยือนแคนาดาครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีอังกฤษในรอบ 8 ปี
เจ้าหน้าที่เยอรมนีระบุว่า ไม่ควรมองว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นหกต่อหนึ่ง (6 ประเทศร่วมกันคัดค้านทรัมป์) เพราะในกลุ่มG7 เองก็ยังมีความเห็นต่างกันในหลายประเด็น
อ้างอิง : apnews.com