โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

การวางขวดน้ำไว้หน้าบ้านเพื่อไล่หมาแมว เป็นเรื่องโกหก April fool ! - เพจ Eak SummerSnow

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 08 พ.ค. 2563 เวลา 17.27 น. • เพจ Eak SummerSnow

 

ปกติเราอาจจะเห็นบ้านบางบ้านที่เขาวางขวดน้ำที่ใส่น้ำไว้เต็มเรียงไว้หน้าบ้านเยอะ ๆ ใช่ไหมครับ บางครั้งก็อาจจะสงสัยว่าเขาวางเอาไว้ทำไม ซึ่งสมัยเด็กผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาวางเอาไว้ทำอะไร หรือว่าเขาใจดี ตั้งใจเอาน้ำใส่ขวดวางไว้เผื่อคนหิวน้ำงั้นเหรอ ? 

จนมาได้คำตอบว่า ที่เขาวางขวดน้ำไว้หน้าบ้านไม่ใช่เพื่อให้คนอย่างแกเอาไปดื่มนะ แต่เขาวางเพื่อป้องกันไม่ให้หมาแมวเข้าบ้าน เข้ามาฉี่มาอึอะไรในบ้านประมาณนี้ ซึ่งก็เคยได้ยินมาหลายทฤษฎีบ้างก็บอกว่าหมาแมวมันจะกลัวขวดน้ำพวกนี้ เพราะขวดน้ำจะสะท้อนหน้าของตัวมันเอง 

พอเห็นตัวเองเยอะ ๆ มันก็จะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ทำกันแต่ในบ้านเรานะครับ จากข้อมูลคือเขาใช้วิธีนี้กันทั่วโลกเลย ไทย ญี่ปุ่น อเมริกา ออสเตรเลีย ฯลฯ ก็ใช้วิธีนี้กันอย่างแพร่หลาย ว่าแต่ว่าเจ้าเทคนิคการวางขวดน้ำเรียงเอาไว้หน้าบ้านนี้ มันมีที่มาจากไหนกันนะ ?

มีทั้งข่าวและบทความ รวมทั้งรายการทีวีจากประเทศญี่ปุ่น พยายามตีแผ่เรื่องการวางขวดน้ำไว้หน้าบ้านเพื่อไล่แมวอย่างจริงจังครับ คือบ้านเราหลัก ๆ จะเอาไว้ไล่น้องหมามากกว่า แต่ที่ญี่ปุ่นเขาไม่มีสุนัขจรจัด (ถูกจับไปหมด) ก็จะเหลือแต่น้องแมว ดังนั้นการตั้งขวดน้ำไว้หน้าบ้านของคนญี่ปุ่นก็มีไว้เพื่อไล่น้องแมวนั่นเองครับ 

ตอนนี้เราก็ยังเห็นบ้านญี่ปุ่นที่ยังวางขวดน้ำเอาไว้หน้าบ้านหรือตามระเบียงบ้านอยู่ โดยเฉพาะบ้านที่อยู่รอบนอก เพราะมีแมวจรจัดค่อนข้างเยอะ ซึ่งเคยมีรายการทีวีที่เขาพยายามทำการทดลองว่าแมวนั้นกลัวขวดน้ำนี้จริง ๆ รึเปล่า ? หรือว่าคนเราคิดไปเองว่ามันกลัว การทดลองนั้นก็คือการนำแมวไปปล่อยให้เดินตรงขวดน้ำที่วางเรียงไว้ ผลก็คือน้องแมวนอกจากไม่กลัวแล้วยังนอนเล่นกลิ้งเกลือกสบายใจซะอีก

 

เรื่องที่น่าตกใจก็คือเขาบอกว่าเรื่องขวดน้ำที่ตั้งไว้หน้าบ้านเพื่อกันหมาแมวเนี่ย จริง ๆ มันเป็นแค่เรื่องโกหกใน วันแห่งการโกหกหรือ April fool  เท่านั้น แต่มันกลายเป็นสิ่งที่แพร่กระจายออกไปทั่วโลก ถือเป็นการโกหกครั้งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ยังคงมีคนเชื่อมันอยู่ในปัจจุบัน !

เมื่อลองเจาะลึกลงไปดูข้อมูลที่มาที่ไป เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดจากนาย Eion Scarrow ชาวสวนและนักเขียนคนดังของนิวซีแลนด์ ที่พูดเอาไว้ในรายการวิทยุครับ (บางข้อมูลบอกว่าเป็นรายการโทรทัศน์) ซึ่งออกอากาศในวันที่ 1 เมษา เมื่อราว ๆ 30 ปีก่อน (ประมาณช่วงปี 1980) โดยเขาเล่นมุก April fool ออกวิทยุในวันนั้นว่า "ถ้าพวกเอ็งเอาขวดน้ำใส่น้ำให้เต็มมาตั้งไว้ในสนามหญ้า พวกหมามันจะไม่มาขี้ใส่สนามนะ ไม่เชื่อพวกเอ็งก็ลองดูสิ !"

ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ Eion Scarrow  เขามีชื่อเสียงมากในฐานะของนักเขียนแนวเกษตรครับ ปรากฏว่าชาวนิวซีแลนซ์พอได้ยินนักเขียนคนดังแนะนำแบบนี้ เขาก็รีบออกไปคว้าขวดน้ำมาใส่น้ำตั้งไว้ในสวนกันใหญ่ กลายเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแพร่หลายไปทั่วประเทศนิวซีแลนด์ 

แม้นาย Eion Scarrow จะออกมายอมรับในรายการทีหลังแล้วว่าที่เขาพูดไปนั่น เขาแค่เล่นมุกโกหกวัน April fool  เพื่อแกล้งผู้ฟังเฉย ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจการออกมายอมรับของเขาซะอย่างนั้น เพราะชาวบ้านปักใจเชื่อไปแล้วว่ามันได้ผล

ในตอนนั้นสิ่งที่ฝรั่งเขาทำยังไม่ใช่การวางขวดน้ำเรียงไว้เป็นตับแบบในบ้านเราตอนนี้นะครับ แต่เป็นการนำขวดน้ำที่ใส่น้ำจนเต็มไปโยน ๆ ไว้ในสนามหญ้าแค่ขวดสองขวดเท่านั้นเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันได้ผลจริง ๆ หรือว่าอุปทานหมู่กันแน่ แต่มันถูกร่ำลือกันไปแบบปากต่อปากในยุคที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต จนทุกคนในนิวซีแลนด์รู้จักทริกนี้ แถมมันไม่ได้หยุดอยู่แค่ในประเทศนิวซีแลนด์ แต่มันถูกเขียนลงในหนังสือพิมพ์ของรัฐซานดิเอโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1986 ว่า “ขวดน้ำสามารถกันสุนัขไม่ให้เข้ามาในสนามหญ้าได้”ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ระบาดไปยิ่งกว่าไวรัส ทั้งแคนาดา ยุโรป รวมถึงประเทศในแถบเอเชียอย่างเช่นอินเดียและญี่ปุ่น

แต่หลังจากนั้น เรื่องของการวางขวดน้ำไว้กันสุนัขในประเทศต้นเรื่องอย่างนิวซีแลนด์ กลับกลายเป็นเรื่องที่ถูกลืมและจางหายไปตามกาลเวลา อาจจะเพราะว่าเอาไปใช้จริงแล้วไม่ได้ผล หรือข่าวที่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกได้ถูกแพร่กระจายออกไปในประเทศ ทำให้ในราว ๆ ปี 1990 นั้น เขาพบว่าไม่มีใครในนิวซีแลนด์ที่วางขวดน้ำไว้กลางสนามหญ้าอีกต่อไปแล้ว

แม้คนนิวซีแลนด์จะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่แพร่หลายในประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นไปแทนครับ เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นจำนวนมากยังคงเชื่อเรื่องของของการวางขวดน้ำเพื่อกันหมาแมวสืบต่อกันมาตั้งแต่กว่า 30 ปีก่อนแล้ว ซึ่งก็น่าจะเป็นช่วงที่เรื่องโกหกของนาย Eion Scarrow แพร่กระจายไปทั่วโลกและได้เข้ามาในญี่ปุ่นยุคนั้นนั่นแหละ 

คนในยุคนั้นก็ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ค้นคว้าข้อมูล ดังนั้นเรื่องของการวางขวดน้ำนี้มันจึงเข้ามาในญี่ปุ่นในฐานะของ “ภูมิปัญญาชาวบ้าน” สืบต่อกันมาจนปัจจุบัน และจากเดิมที่มีการวางขวดน้ำแค่ขวดสองขวดเอาไว้ในสนามหญ้า ก็พัฒนาเปลี่ยนแปลงมาเป็นการนำขวดน้ำหลายๆขวด นำมาวางเรียงเอาไว้หน้าบ้านไปแทน ซึ่งไทยเราก็คงรับเอาภูมิปัญญาชาวบ้านแบบนี้ต่อมาด้วย เพราะมีลักษณะเดียวกันกับที่ญี่ปุ่นทำเลย

จริง ๆ แล้วนักวิชาการญี่ปุ่นเขาบอกว่าวิธีนี้นอกจากมันไม่ได้ผลอะไรใด ๆ แล้ว มันยังเป็นอันตรายอีกด้วย อย่างแรกเลยก็คือขวดน้ำมันอาจจะกลิ้งออกไปบนถนน (ถ้าบ้านอยู่ริมถนน) จนอาจจะเกิดอันตรายถ้าคนเดินมาเหยียบหรือรถมาทับ และเรื่องที่คนอาจจะคิดไม่ถึงก็คือ การที่ขวดใสใส่น้ำถูกวางเอาไว้หน้าบ้านเยอะ ๆ แบบนั้นอาจจะทำให้เกิดการรวมแสง ทำให้เกิดความร้อนและอาจนำมาซึ่งไฟไหม้ได้ ดังนั้นคนญี่ปุ่นเขาก็พยายามรณรงค์ไม่ให้คนวางขวดน้ำเอาไว้หน้าบ้าน แต่ก็ยังมีคนญี่ปุ่นที่ยังคงเชื่อเรื่องนี้ว่าได้ผล และทำการวางขวดน้ำเอาไว้หน้าบ้านต่อไป

ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ อย่างการโกหกจากคนแค่คนเดียวที่มีเจตนาเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น จะกลับกลายเป็นเรื่องเป็นราวไปทั่วโลกและยังคงมีคนเชื่อมาจนถึงในปัจจุบันได้ และแม้ Eion Scarrow จะเสียชีวิตไปแล้วในปี 2013

แต่คำโกหกในครั้งนั้นของเขาจะยังคงอยู่ต่อไป ที่หน้าบ้านของใครหลาย ๆ คนในตอนนี้

อ้างอิงข้อมูลจาก: petomorrow.jp , stuff.co.nz Gardening-guru-Eion-Scarrow-passes-away

, number8network.co.nz

ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม

Facebook :Eak SummerSnow

Youtube : Eak SummerSnow

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...