ส.ส.เพื่อไทย ชวน จับตานโยบายศก. ท่ามกลางวิกฤตประเทศ พรรคไหนถูกใจปชช.มากสุด
ส.ส.เพื่อไทย ชวน จับตานโยบายศก. ท่ามกลางวิกฤตประเทศ พรรคไหนถูกใจปชช.มากสุด
ลองเฝ้าดูครับว่านโยบายของพรรคการเมือง จะสร้างองค์รวมความคิดได้ถูกใจ เป็นของพรรคไหน จะนำพาประเทศให้ฝ่าวิกฤต มหาวิกฤตนี้ให้ได้อย่างไร มิเช่นนั้นหลังจากการเลือกตั้งคราวนี้ เราถอยหลังเข้าคลองแน่
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นายรุ่งเรือง พิทยศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในช่วงต่อจากนี้จะเป็นช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการเปิดเผยนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆออกมา และยิ่งมากระทบกับบริบทของประเทศไทยในตอนนี้ ที่ต้องเรียกว่าเจอวิกฤตซ้ำวิกฤตซ้อนในหลายๆรูปแบบ ตนจึงได้เขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อเสนอความเห็นว่า นโยบายพรรคการเมืองควรแสดงแนวทางและทิศทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร
อย่างแรกเลยครับ ประเทศไทยวันนี้ไม่เหมือนเดิม แต่หนักกว่าเดิมมาก ปัญหาเดิมๆในเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นเลย ไม่ว่าปัญหาความเลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ภาคการผลิตไม่ยอมลงทุนใหม่ แต่อุตสาหกรรมที่มีอนาคตหนีไปลงทุนนอกประเทศ เพราะภาครัฐให้ความสำคัญแต่การบริโภคภาคประชาชน ละเลยการทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูงและอุตสาหกรรมหนัก เราจึงไม่สามารถแข่งขันได้กับประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาคและทวีปใกล้เคียง เศรษฐกิจที่ผ่านมาจึงเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ การใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไปมุ่งเน้นที่ความพอใจของประชาชนชั่วคราว จึงไปกระตุ้นที่การบริโภคที่ไม่ได้เป็นปัญหาของระบบเศรษฐกิจ สนใจแต่เรื่องการไปเพิ่มค่าแรง ลดเวลาทำงาน ทั้งๆที่ผลิตภาพเราอาการหนักมาก ลามไปถึงสินค้าเกษตรที่ผลิตอย่างไร ก็ไม่สามารถสู้เขาได้ แต่ปล่อยให้การลงทุนของภาคการผลิตติดลบเรื่อยมา จนติดลบสะสมสูงมาก ไม่มีตัวจักรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใน เหลือเพียงแค่การส่งออก และการท่องเที่ยว
นายรุ่งเรืองกล่าวว่า ครั้นจะไปพึ่งการส่งออก มันก็เป็นเพียงการไหลไปตามกระแสการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค และเมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวลง ปีหน้าก็จะเติบโตน้อยลงจากร้อยละ 2.7 คาดการณ์ว่าจะเหลือประมาณ 2.0 คราวนี้ประเทศส่งออกยิ่งต้องแย่งกันขายออกเข้าไปใหญ่ เราไม่ได้แสดงจุดเด่นในการเจรจาการค้ากับสหรัฐและยุโรปเลย ในขณะที่การท่องเที่ยวเรามีปัญหากับจีน ทำให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นรายใหญ่หายไปหมด ปัญหาประการแรกคือ เราไม่มีเครื่องยนต์ทำให้เศรษฐกิจโตได้เลยตอนนี้ เศรษฐกิจไทยจึงสาละวนกับการเติบโตที่ร้อยละ 1.0 เศษ เท่านั้น ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก
นายรุ่งเรืองกล่าวว่า ประการที่สอง ปัญหาเชิงโครงสร้างงบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งจากการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผิดพลาด การไม่ยอมปฏิรูประบบราชการ และการเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย อีกทั้งเจอปัญหาภัยพิบัติสารพัดอย่าง น้ำท่วมใหญ่หลายครั้ง ปัญหาสงครามชายแดนใช้เงินมากมาย เงินงบกลางเป็นแสนๆล้านก็ถูกใช้ไปหมดก่อนเวลาอันควร ทิ้งปัญหาหนี้สาธารณะที่จะพุ่งชนเพดานร้อยละ 70 ก่อนเวลาอันควรแน่นอน คาดว่าอาจจะปลายปีหน้า หนี้สาธารณะคงชนเพดาน ค่าใช้จ่ายประจำโดยเฉพาะสวัสดิการบุคลากรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เงินประกันสังคมก็จะมีปัญหาค่าใช้จ่ายกินทุน และเงินชำระหนี้ของรัฐบาลเบียดงบลงทุนให้เริ่มลดลงไปนับจากนี้ ต่อไปงบลงทุนต่อจีดีพี จะเริ่มลดลงแน่นอน เครื่องมือมาตรการคลังจะมีกำลังลดลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่รัฐบาลจะต้องตั้งงบประมาณขาดทุนเต็มที่ตามกรอบกฎหมายที่อนุญาต คือประมาณร้อยละ 5 ของจีดีพี นอกจากนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่ต้องตั้งงบกลางเพิ่ม เนื่องจากพึ่งจะเริ่มปีงบประมาณ รัฐก็เงินหมดแล้ว รัฐบาลหน้าน่าจะต้องจัดทำพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม มาขออนุมัติจากรัฐสภา
นายรุ่งเรืองกล่าวว่า ประการที่สาม รัฐบาลไม่ยอมพูดความจริงว่ารัฐถังแตก ไม่ยอมปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม และรายได้ที่ควรเก็บแต่ไม่ยอมเก็บ เช่น รายได้จากการให้บริการธุรกิจออนไลน์ รวมถึงธุรกรรมออนไลน์ทั้งหลาย สองส่วนนี้ถ้าไม่ไปทำเอ็มโอยู ยอมรับสภาพเป็นเบี้ยล่างสหรัฐ ปล่อยให้เขาทำธุรกรรมในประเทศมากมาย แต่รายได้ไปบันทึกบัญชีที่สิงคโปร์ หรือสหรัฐ หลีกเลี่ยงการบันทึกรายได้ในประเทศไทย ทั้งหลุดจากภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม เงินหายไปปีละเป็นแสนล้าน แต่เก็บได้ปีละ 6000 ล้าน รัฐบาลหน้าจะต้องขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อหนีตายจากฐานะการคลังง่อยเปลี้ยแน่นอน ไม่มีทางรอดได้ แต่ไม่มีใครยอมกล้าพูด
นายรุ่งเรืองกล่าวว่า ประการที่สี่ ประเทศไทยกำลังมีประชากรลดลงเรื่อยๆ น่าตกใจมากว่า นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ประชากรไทยลดลงมาโดยลำดับ ผ่านมาประมาณ 5 ปี ประชากรลดลงไปประมาณ เกือบ 4 แสนคน โดยปกติ มันควรจะต้องเพิ่มขึ้น ตามอัตราพื้นฐานปีละประมาณร้อยละ 2 ที่ผ่านมาก็เพิ่มมาปีละประมาณ 500,000 คน แต่ตอนนี้ลดลง ยิ่งทำให้สังคมเป็นสังคมสูงวัยที่มีแต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล แต่ไม่มีคนวัยทำงานที่เพิ่มขึ้น ที่จะสร้างเศรษฐกิจ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยโตจนใกล้แตะศูนย์ มีแต่ส่วนเพิ่มจากสังคมสูงวัย โดยพื้นฐานแล้วมันทำให้กำลังในการสร้างเศรษฐกิจลดลงอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เคยมีส่วนร่วมในการแย่งทรัพยากรบุคคลที่มีค่าในเวทีภูมิภาค หรือนานาชาติ โดยเฉพาะการดึงบุคลากรสายวิชาชีพขาดแคลน คนมีการศึกษา เข้ามาตั้งรกราก เป็นส่วนร่วมในการพัฒนาอุปทานของอุตสาหกรรมขั้นสูงในอนาคต ทั้งๆที่หลายจังหวัดของประเทศไทย มีระบบนิเวศวิทยาทางเศรษฐกิจที่ดีมาก เช่น ชลบุรี นครราชสีมา ลำพูน หาดใหญ่ เป็นต้น เราไม่มีการส่งเสริมการมีชีวิตคู่ การแต่งงาน การมีบุตร แต่กลับส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศ มันควรทำพร้อมๆกัน อย่างมีน้ำหนักที่เหมาะสมไหมครับ หรือเราอยากเห็นสังคมไทยที่เต็มไปด้วยเพศที่สาม แล้วมีประชาชนลดลงเรื่อยๆ จะเอาใครมาสร้างเศรษฐกิจ
นายรุ่งเรืองกล่าวว่า ประการที่ห้า ประเทศไทยขาดการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลทางเศรษฐกิจ ทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลในประเทศไทย มันเป็นเพียงการเอาผู้ประกอบการ Start-up หรือผู้ประกอบการ SMEs หรือรายใหญ่ที่เลี่ยงภาษีนำบุคคลมาจดทะเบียนแทนกับผู้ประกอบการแพลตฟอร์มต่างประเทศ ที่ก็พยายามหาจุดเลี่ยงการจดทะเบียนธุรกรรมในประเทศไทยอยู่แล้ว ทำให้เราเสียโอกาสในด้านนี้มาก ทั้งๆที่เรามีนักพัฒนาซอฟแวร์ และวิศวกรคอมพิวเตอร์เก่งๆมากมายในการเขียนโปรแกรมหลากหลาย โดยเฉพาะโปรแกรมเกมส์ โปรแกรมทางด้านสุขภาพที่มีการพัฒนาโดยคนไทยได้ เศรษฐกิจดิจิทัลที่เราโตอย่างถูกกฎหมายเลยทำให้ต่างชาติที่ใช้ช่องโหว่กฎหมายได้ประโยชน์มหาศาล ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็นำช่องโหว่ตรงนี้ไปประกอบธุรกิจสีเทา โดยที่ทางการไม่ได้ไปกวดขัน บังคับการจับกุมเพราะมัวแต่พอใจกับสินบนต่างๆ พัวพันมั่วไปหมดจนถึงฝ่าย Deep State จนไทยเป็นศูนย์กลางสแกมเมอร์ทัดเทียมเพื่อนบ้าน
“ถ้านโยบายพรรคการเมือง ไม่เข้าใจปัญหาของประเทศ มัวแต่ไปสาละวนกับเรื่องเดิมๆ เช่น การกระตุ้นด้วยการแจกเงินเพื่อให้ประชาชนไปบริโภคมากขึ้น แทนที่จะไปสร้างผลิตภาพของประชาชน ตั้งแต่การเกิดขึ้นมา การไม่ปรับโครงสร้างภาคราชการ การไม่เข้าใจระบบการผลิตและเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ไปส่งเสริมให้เอกชนเขาลงทุนใหม่ให้ได้ มัวแต่สาละวนกับการแจกเงิน ไม่รู้จะกี่พลัส ทั้งๆที่การแจกเงิน มันก็เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่า มันเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจน้อย เพราะคนที่ได้เงินไป เขาก็ใช้เงินที่แจกก่อน ส่วนเงินรายได้ของเขา ใช้ทีหลัง มันจึงเกิดผลว่ามันไม่ได้เกิดเงินเพิ่มในระบบจริงๆเท่าใด”
นายรุ่งเรืองกล่าวว่า รัฐบาลใหม่มีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ไม่มีใครเถียงเพราะเศรษฐกิจติดหล่มมานาน ต้องนำพาเศรษฐกิจไปตามศักยภาพให้ได้ แต่ต้องกระตุ้นด้วยประสิทธิภาพที่มากกว่าเดิมเยอะ คือกระตุ้นที่ภาคเศรษฐกิจที่ติดลบหนัก ทำให้โครงการเติบโตมากกว่าการขยายตัวภาระหนี้โดยเฉลี่ย อาศัยมาตรการที่ไม่ใช้เงินมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการผ่อนคลายทุกๆเรื่อง การเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาผลิต ทำให้มีคนเกิดใหม่มาพัฒนาประเทศ ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนกับประเทศขนาดใหญ่จำนวนมากให้ได้ ในขณะเดียวกันต้องขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างที่ทำให้ชาวบ้านไม่รู้สึก คือการนำพาการค้าและธุรกรรมเข้าสู่ระบบภาษีให้ได้มากที่สุด ผ่านการทำให้คนอยากได้ใบกำกับภาษี มันมีวิธี ผมทราบแต่ผมยังไม่อยากชี้นำก่อนพรรคการเมือง รัฐบาลจำเป็นต้องปฏิรูประบบราชการ ทำระบบราชการดิจิทัลให้เกิดขึ้นให้จงได้ ลดค่าใช้จ่ายประจำผ่านการใช้เทคโนโลยี ทำระบบการชำระเงินที่ไร้เงินสด เพิ่มปริมาณเงินดิจิทัล ผ่านระบบ Baht net เพื่อลดปัญหาการทุจริตและการรั่วไหลในระบบราชการ
เราต้องอาศัยข้อดีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยในยุคนี้ ที่ยอมที่จะผ่อนคลายมาตรการทางการเงินมากกว่าสมัยก่อน มาผลักดันเรื่องสังคมไร้เงินสด และการลดต้นทุนของภาคการผลิตและเศรษฐกิจจริงให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ โครงการพวกเมกะโปรเจค เลือกที่ต้องทำก่อนและมีความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าภายในประเทศที่ต้นทุนต่ำลง นำพาการขนส่งสินค้าในภูมิภาคให้ออกแหลมฉบังมากขึ้น เพื่อใช้ระบบโครงข่ายทางรางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่เราลงทุนไปมหาศาล มาให้เกิดปริมาณการค้าที่เพิ่มขึ้นได้จริงๆ ในอีกทางหนึ่งระบบคมนาคมขนส่งในเมืองหลวงหรือเมืองขนาดใหญ่ การต่อสัมปทานควรทำด้วยความสุจริตใจ ทั้งๆที่สัมปทานจำนวนมาก มันกลับมาเป็นของรัฐอยู่แล้ว สามารถบริหารจัดการด้วยต้นทุนที่ถูกลงให้กับประชาชน แต่ก็ไปยอมต่อสัมปทานให้รายเดิมๆ เพียงเพื่อต้องการค่าต๋ง เงินสนับสนุนทางการเมือง ทำให้ระบบคมนาคมขนส่งมันลดต้นทุนไมได้จริงๆ ทั้งๆที่อายุสัมปทานที่หมดลงมันช่วยประเทศด้วยตัวของมันอยู่แล้ว
ลองเฝ้าดูครับว่านโยบายของพรรคการเมือง จะสร้างองค์รวมความคิดได้ถูกใจ เป็นของพรรคไหน จะนำพาประเทศให้ฝ่าวิกฤต มหาวิกฤตนี้ให้ได้อย่างไร มิเช่นนั้นหลังจากการเลือกตั้งคราวนี้ เราถอยหลังเข้าคลองแน่
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ส.ส.เพื่อไทย ชวน จับตานโยบายศก. ท่ามกลางวิกฤตประเทศ พรรคไหนถูกใจปชช.มากสุด
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th