BC โชว์รายได้ 9 เดือน 505 ล้านบาท เตรียมเปิดโรงแรมใหม่ภูเก็ต
BC รายงานผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้รวม 504.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมรายการพิเศษ) 17.8 ล้านบาท ฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยว Q4/68 เตรียมรับแรงหนุนช่วงไฮซีซันและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันอัตราเข้าพักโรงแรมกรุงเทพฯ แตะ 75.7% เตรียมเปิด “Mercure Phuket Patong Journeyhub”เสริมรายได้ในช่วงปลายปี
นายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ Build–Operate–Sale (BOS) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 504.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ (ไม่รวมรายการพิเศษจากการขายสินทรัพย์) อยู่ที่ 17.8 ล้านบาท สะท้อนการเติบโตอย่างมั่นคงจากธุรกิจหลัก
แม้ว่าภาพรวมรายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 2568 จะอยู่ที่ 80.4 ล้านบาท ลดลง 59.4% จากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้รายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนในโครงการ BPKN3 ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล (Tokenization) ในไตรมาส 1/2568 และการจำหน่ายเงินลงทุนในโรงแรม IBIS เมื่อไตรมาส 3/2567 ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานปกติ (การดำเนินงานในธุรกิจโรงแรม ศูนย์การค้า และสำนักงาน) พบว่า:
- อัตราเข้าพัก (กรุงเทพฯ): อัตราการเข้าพักของโรงแรมในเครือในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นจาก 66.7% ในไตรมาสก่อนหน้า เป็น 75.7% ในไตรมาส 3/2568 ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่หนุนรายได้กลุ่มธุรกิจโรงแรม
- EBITDA: ผลขาดทุนจาก EBITDA ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ลดลงเหลือ 12.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและการลดลงของต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนใหม่
ทั้งนี้ BC มองแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4/2568 เป็นไปในทิศทางบวก โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลักดังนี้
- ช่วงไฮซีซัน: บรรยากาศการท่องเที่ยวปลายปีซึ่งมีเทศกาลสำคัญต่าง ๆ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นรายได้กลุ่มโรงแรมในทำเลศักยภาพหลัก ได้แก่ สุขุมวิท, นิมมาน, ป่าตอง, และพัทยา
- มาตรการรัฐ: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของภาคประชาชนที่ฟื้นตัวชัดเจน จะส่งเสริมความคึกคักของตลาด
- การเปิดโรงแรมใหม่: บริษัทเตรียมเปิดตัวโรงแรม “Mercure Phuket Patong Journeyhub” ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังการรีโนเวทปรับโฉมครั้งใหญ่ เพื่อรองรับฤดูกาลท่องเที่ยวและเสริมฐานรายได้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี .
BC ยังคงเดินหน้าตามโมเดลธุรกิจหลัก “Build–Operate–Sell (BOS)” โดยมีการบริหารการเงินและปรับโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและเพิ่มสภาพคล่องในการรองรับการเติบโตระยะยาว การขายสินทรัพย์ผ่าน Tokenization และความคืบหน้าของโครงการใหม่ยังช่วยเสริมสร้างฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ต่อยอดความร่วมมือกับเครือ Accor โดยเซ็นสัญญาแฟรนไชส์เพื่อบริหารโรงแรม 3 แห่งภายใต้แบรนด์ Mövenpick, Mercure และ Handwritten Collection พร้อมได้รับการรับรองเป็น Third Party Operator (TPO) อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการตอกย้ำศักยภาพการบริหารโรงแรมตามมาตรฐานสากล
โดยปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของBC ประกอบด้วย
1. ธุรกิจโรงแรม
- กลุ่มโรงแรมในกรุงเทพฯ: มีรายได้ 79.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.0% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งสะท้อนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยว โครงการหลักได้แก่ ซิทาดีนส์ (สุขุมวิท 8, 11, 16), โอ๊ควู้ด เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 24, โจโน่ อโศก และ เจอร์นีย์ฮับ สุขุมวิท 26
- กลุ่มโรงแรมต่างจังหวัด: มีรายได้ 47.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% QoQ จากความต้องการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันในจังหวัดสำคัญ เช่น ภูเก็ต, พัทยา และเชียงใหม่ บริษัทมีโรงแรมในเครือ เช่น เจอร์นีย์ฮับ (ภูเก็ต, พัทยา), โนโวเทล เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นีย์ฮับ และ ไอบิส เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นีย์ฮับ นอกจากนี้ยังรับบริหารโครงการของลูกค้าภายนอกภายใต้แบรนด์ “โจโน่ เอ็กซ์” ในภูเก็ต (กะรน) ซึ่งเป็นรายได้ต่อเนื่องจากธุรกิจบริหารจัดการ (Management Service)
2. ธุรกิจศูนย์การค้าและพื้นที่เช่า
- โคฟ ฮิลล์ (Cove Hill): ไลฟ์สไตล์มอลล์ในย่านเจริญกรุง มีอัตราการเช่าพื้นที่รวมสูงขึ้นเป็น 71.4% ในไตรมาส 3/2568 และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 78% ในไตรมาส 4/2568
- ซัมเมอร์ พ้อยท์ (Summer Point): โครงการพื้นที่เช่าแบบมิกซ์ยูส ย่านพระโขนง ซึ่งบริษัทได้จำหน่ายเงินลงทุนสำเร็จไปแล้วในไตรมาส 1/2568 แต่ยังคงมีรายได้ค่าบริการบริหารโครงการอย่างต่อเนื่องให้กับกลุ่มบริษัท